(EP.2) สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ลุยเขาสามร้อยยอด 2 วัน 1 คืน

ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากลงมาจากเขาแดง เราก็กลับเข้าที่พัก ขอนอนยาว ๆ เอาแรง เพราะรุ่งเช้าเรามีภารกิจบุกถ้ำพระยานคร เราพักกันที่ เดอะ ไพรเวซี่ บีช รีสอร์ท หาดสามร้อยยอด แอดมินออกมาเดินเล่นริมหาดตั้งแต่เช้า พร้อมเก็บภาพความสงบสวยงามของชายหาดมาฝากฮะ

สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ลุยเขาสามร้อยยอด 2 วัน 1 คืน (EP.2)

หน้ารีสอร์ทจะติดกับชายหาด ชื่นชมกับความสวยงามที่แสนเรียบง่าย คลื่นลมทะเลสงบ แสงอาทิตย์สาดกระทบผืนน้ำ พาให้ใจเราเคลิบเคลิ้มไปไกล ใครอยากมาพักสมอง แนะนำที่นี่เลยฮะ

หาดสามร้อยยอด ถูกเรียกตามชื่ออุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตอนแรกแอดมินก็คิดว่าตั้งตามลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาจำนวน 300 ยอด แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตามตำนานเขาเล่าว่า … มีชาวจีนอพยพมาทางเรือสำเภา แล่นผ่านน่านน้ำบริเวณอ่าวประจวบ แต่โชคร้ายเกิดพายุทำให้เรืออับปาง โดยมีชาวจีนรอดชีวิตขึ้นฝั่งมาได้ 300 คน ที่บริเวณนี้จึงถูกเรียกว่าเขาสามร้อยรอด และเพี้ยนมาเป็นสามร้อยยอดในปัจจุบัน

ชมวิวริมหาดเสร็จเรียบร้อย เราก็มุ่งหน้าไปที่หาดบางปูอีกครั้ง เพื่อนั่งเรือไปยังหาดอีกฝั่งนึง เพื่อจะขึ้นไปยังถ้ำพระยานคร ชมความงดงามของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที 5 พระมหากษัตริย์นักเดินทาง

ถ้ำพระยานคร อยู่ห่างจากหาดแหลมศาลาประมาณ 500 เมตร และห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไปทางทิศเหนือประมาณ 17 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยทางเรือ โดยเช่าเรือจากหมู่บ้านบางปู ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ราคา 250 บาทต่อลำ (8 คน) จากชายหาดแหลมศาลา มีทางเดินขึ้นเขาไปยังถ้ำพระยานคร ระยะทาง 430 เมตร ถือว่ากำลังสบาย ๆ  โดยมีจุดแวะพักให้ชมวิวทะเลสวย ๆ อีกด้วย

“ถ้ำพระยานคร” เป็นถ้ำขนาดใหญ่ บนเพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้

จุดเด่นของถ้ำแห่งนี้ คือ “พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์” เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลังโดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง

ที่กำแพงหินด้านขวามีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์นับเป็นจุดเด่นของถ้ำพระยานคร และเป็นตราประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน

อีกส่วนสำคัญของที่แห่งนี้คือ “ต้นซุ้มรอดคู่” เป็นต้นไม้ที่มีกิ่งโน้มไปเชื่อมกับอีกต้นนึงอย่างน่าแปลก จนกลายเป็นซุ้มเล็ก ๆ โดยมีความเชื่อกันว่า หากคู่รักลอดซุ้มนี้ไปด้วยกัน ในชาติหน้าจะเกิดมาเป็นคู่กันอีก หรือถ้าใครที่กำลังโสดมาลอดที่ซุ้มนี้ ก็จะพบกับรักแท้ในเร็ววัน …

หลังจากชื่นชมความสวยงามของถ้ำ ก็ได้เวลากลับเข้าฝั่ง ตอนนั่งเรือกลับเป็นอีกวันที่ฟ้าใสมาก ถ่ายรูปกันเพลินเลยฮะ ชายฝั่งทะเลประจวบฯ แม้จะไม่ได้สวยอะไรมาก แต่แอดมินคิดว่ามันมีเสน่ห์มาก ๆ กับภูเขาหินปูนรูปทรงแปลก ๆ และชายหาดที่ทอดยาวไกลสุดตา

พอขึ้นฝั่งมาเราก็มุ่งหน้าไปรับประทานอาหารกลางวันทันที เพื่อเพิ่มพลัง เพราะเราจะไปต่อกันที่ ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย

ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี เป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า – คลองคอย ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมเป็นพื้นที่สัมปทานนากุ้งในช่วงปี พ.ศ. 2524 – 2539 เปิดให้เข้าศึกษาเยี่ยมชมทุกวัน (จันทร์ – อาทิตย์) ตั้งแต่เวลา 8.30-16.30 น.

ป่าผืนนี้ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จปราณบุรี ปี พ.ศ. 2539 กรมป่าไม้สนองพระราชดำริ ด้วยการยกเลิกสัมปทาน และ ผนวกเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อีกทั้งยังดำเนินการฟื้นฟูป่าด้วยการกำหนดเป็นพื้นที่เป้าหมายปลูกป่า ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ปีที่ 50 ในปีพุทธศักราช 2539

  

เอาล่ะ เราท่องเที่ยวอิ่มเอมกับธรรมชาติมาเกือบสองวันเต็ม สถานที่สุดท้ายในทริปนี้ คงต้องขอไปรีแลกซ์บ้าง เรามุ่งหน้าดิ่งตรงไปยังหัวหิน เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่อย่าง พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ (For Art’s Sake) แอดมินกับชาวคณะไม่รีรอที่จะปลดปล่อยความเป็นเด็กให้ออกมาวิ่งเล่นอีกครั้ง …

พิพิธภัณฑ์ภาพ 4 มิติ (For Art’s Sake) มีทั้งหมดสองชั้น พบกับภาพวาดหลากหลายรูปแบบ ทั้งแฟนตาซี ย้อนวัยเด็ก สถานที่ท่องเที่ยว ภาพสยองขวัญ ห้องกลับหัว ฯลฯ โดยภาพวาดทั้งหมดนี้ ล้วนมาจากฝีมือคนไทยทั้งสิ้น พื้นที่ในอาคารมีความกว้างขวางพอสมควร ถ้าถ่ายรูปเล่นทุกจุด อาจต้องใช้เวลาถึง 2 ชม.เลยทีเดียว แถมราคาบัตรก็แสนถูก ผู้ใหญ่ 180 เด็ก 120 บาท ชาวต่างชาติ 300 กับ 200 บาท เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00น. (เปิดขายบัตรถึง 19.30 น.)

เพื่อนร่วมทริปทุกท่าน ดูจะมีความสุข เหมือนได้ผ่อนคลาย หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการผจญภัยมาหลายที่ ฮ่า ๆ สถานที่แห่งนี้เป็นที่สร้างความสุขและเสียงหัวเราะ อีกจุดเด่นก็คือพนักงานทุกคนจะกระจายตัวอยู่ตามโซนต่าง ๆ เพื่อแนะนำตำแหน่งในการถ่ายรูป เพื่อให้ได้มุมที่โดดเด่นและสมจริงที่สุด พร้อมสร้างแรงเชียร์ให้กับนักท่องเที่ยวในการโพสต์ท่าต่าง ๆ ถือเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม และบริการอย่างน่ารักเป็นกันเอง ซึ่งที่อื่นคงไม่มีแบบนี้

  

  

จบลงไปแล้วฮะ กับการเดินทางสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกของเรา เป็นทริปที่สนุกสนานครบทุกรสชาติ แอดมินขอชวนทุกท่านมาเที่ยวเมืองประจวบฯ ยังมีอีกหลายแหล่งท่องเที่ยวที่รอคุณอยู่ เมืองนี้มีอะไรน่าสนใจมากมาย เพราะแค่เขาสามร้อยยอด ก็เที่ยวได้หลายวันเลยฮะ แล้วเจอกันใหม่กับรีวิวทริปหน้า จะเป็นที่ไหนนั้น โปรดรอติดตาม 🙂

ขอขอบคุณ

– การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ ผู้สนับสนุนการเดินทาง
– นิคอน เซลส์ ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อเลนส์ NIKKOR 16-85mm และ 70-300 mm มาให้เราได้ใช้เก็บภาพ

เรื่อง เรียบเรียง และถ่ายภาพโดย : Travel MThai