เที่ยวภูกระดึงหน้าฝน กับประสบการณ์สุดมันส์ ตอนที่ 1

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / เที่ยวภูกระดึงหน้าฝน กับประสบการณ์สุดมันส์ ตอนที่ 1

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติระดับตำนาน ที่ยังคงได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย เพราะภูกระดึงนั้นสวยงามแตกต่างกันไปทุกเดือน โดยเฉพาะในฤดูหนาว จะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่แหนกันขึ้นมา เพราะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ง่ายกว่าฤดูอื่น ๆ แถมยังมีใบเมเปิ้ลแดงให้ชมกันเต็มต้น แต่ใครจะรู้ว่าฤดูฝนก็มีอะไรดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะน้ำตก และพืชพันธุ์อันสวยงามตระการตา

เที่ยวภูกระดึงหน้าฝน ประสบการณ์มันส์ๆ ที่คุณต้องลอง

เที่ยวภูกระดึงหน้าฝน

เมื่อวันเปิดภู 1 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา แอดมินมีโอกาสไปเยือนภูกระดึงเป็นครั้งแรก มีไม่กี่คนหรอกฮะ ที่ครั้งแรกก็หน้าฝนซะเลย ขอบอกเลยว่าโหดพอควรเลย เนื่องจากพื้นดินมีความชื้น ทำให้เดินยากขึ้นหลายเท่าตัว แต่สุดท้ายก็ผ่านมันมาได้ เหมือนได้เอาชนะใจตัวเอง และที่สำคัญมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมทางคือสิ่งที่ดีที่สุดฮะ

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง

เราจะมารีวิวกันแบบรวบรัด คัดมาแต่เนื้อ ๆ เริ่มจากมาจอดรถที่อุทยานฯ เสียค่าธรรมเนียม 40 บาท แอดมินไปวันธรรมดาลดครึ่งราคาเหลือ 20 บาท สัมภาระจัดการให้ลูกหาบเป็นผู้ดูแล (กิโลกรัมละ 30 บาท) เราสะพายแต่กล้องและของมีค่า เมื่อพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย

เส้นทาง

เส้นทาง

ระยะทางขึ้นไปบนยอดภู (หลังแป) 5.5 กม. เดินทางราบสู่อุทยานฯ อีก 3.5 กม. รวม 9 กม. ระหว่างทางมีซำให้พัก มีเครื่องดื่มและอาหารขาย “ซำ” แปลว่า บริเวณที่ต่ำที่มีน้ำไหลมารวมเป็นแอ่งขัง หรือเป็นที่ชุ่มชื่นมีน้ำใต้ดินมาก เช่น ที่ต่ำของเนินป่า ทางขึ้นภูกระดึงจะมีอยู่หลายซำ ถือเป็นจุดแวะพักระหว่างเดินทาง ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบ

เดินขึ้นภูกระดึง

ซำแฮก

และแล้วเราก้มาถึงจุดพัก 1 กม. แรก ชื่อว่าซำแฮก หอบแฮ่ก ๆ เลยฮะ เป็นจุดแวะพักขนาดใหญ่ มีร้านค้าเพียบเลย พอหายเหนื่อยแล้วเราก็เดินทางกันต่อทันที

ซำแฮก

เราเดินขึ้นมาถึงซำกกโดน ก็เริ่มหิว จึงจัดการซัดอาหารกลางวันเอาแรง ที่ซำกกโดนมีวิวของเมืองเลยให้ชมด้วยนะ

เดินขึ้นภูกระดึง

ซำกกโดน

จากซำกกโดน เราเดินผ่านซำแคร่ เป็นจุดพักสุดท้ายก่อนขึ้นถึงยอดภู โดยเป็นจุดที่มีความชันมากที่สุด พวกเราจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีแง่งหินอยู่มากมาย ถือว่าอันตรายพอสมควร

ซำแคร่

เดินขึ้นภูกระดึง

เดินขึ้นภูกระดึง

และในที่สุดเราก็สามารถขึ้นมาบนยอดภูได้สำเร็จ รวมเวลากว่า 5 ชั่วโมง แน่นอนว่าเมื่อขึ้นมาถึงบนนี้ต้องถ่ายรูปกับป้าย “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง” เป็นที่ระลึกซะหน่อย

ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง

พอถ่ายรูปจนพอใจ ก็กลับมาพบกับความจริงอีกครั้ง เพราะเราต้องเดินอีก 3 กิโลครึ่ง ไปยังที่ทำการอุทยานฯ ระหว่างทางเราก็เดินชื่นชมความสวยงามของสองข้างทาง อากาศก็สดชื่น ลืมความเหนื่อยล้าไปเลยครับ

เดินไปที่ทำการอุทยานฯ

ที่ทำการอุทยานฯ

พอถึงที่ทำการอุทยานฯ เราก็มารับสัมภาระจากลูกหาบ ที่คงขึ้นมารอเรานานแล้ว ฮ่า ๆ พร้อมจ่ายเงินให้เรียบร้อย จากนั้นเราก็เอาสัมภาระไปเก็บที่บ้านพัก เราสามารถเช่าเต๊นท์ของอุทยานฯ ได้ หรือถ้าอยากได้บ้านพักดี ๆ ก็ต้องจองล่วงหน้าเอาไว้ ส่วนแอดมินได้นอนบ้านพักแบบห้องรวม

ระหว่างเดินเอาของไปเก็บ ก็ขอถ่ายแสงเย็นสักหน่อย เพราะมันสวยงามจริง ๆ ฮะ

ลานกางเต๊นท์

ลานกางเต๊นท์

ค่ำแล้ว กินอะไรดี ? แน่นอน มาภูกระดึงก็ต้องหมูกระทะสิ ผักสดกรอบ หมูเนื้อนุ่ม ห๊อมหอม จิ้มกับน้ำจิ้มสูตรเด็ด โอ้ยยยย อร่อยลืมโลกฮะ ในโซนร้านอาหารมีให้เลือกหลายร้าน อร่อยทุกร้านฮะ ราคาอยู่ที่ชุดละ 400-500 บาท

โซนร้านอาหาร

ร้านหมูกระทะ

หมูกระทะ

DSC_4466  DSC_4467

มื้อนี้พวกเราจัดกันหนักมาก ให้คุ้มกับความเหนื่อยหน่อย ที่สำคัญพรุ่งนี้เรามีภารกิจหนักหน่วงรออยู่ นั่นคือการเดินป่าชมพันธุ์ไม้ น้ำตก เดินไปยังจุดชมวิวต่าง ๆ ซึ่งแต่ละที่ไกลกันมาก ต้องใช้พลังงานสูงสุด แต่จริง ๆ ไม่เกี่ยวหรอก หิวมากกว่า ฟาดเรียบเลยฮะ อิอิ

บนภูกระดึง ไม่มีปลั๊กไฟ ถ้าจะชาร์จไฟ ต้องไปฝากไว้ที่อุทยานฯ แบตกล้อง โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงค์ ชาร์จครั้งละ 20 บาท และเวลา 4 ทุ่ม อุทยานฯ จะทำการตัดไฟ โปรดอาบน้ำให้เรียบร้อย เพราะบรรยากาศจะมืดมาก และแล้วแอดมินก็หลับปุ๋ย ตื่นมาเช้ามืดฝนตกอีก อดไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย เสียใจ แต่คุณธรรมชาติใจดีส่งปุยหมอกกระจายเต็มพื้นที่ ชมวิวหมอกไปด้วย จิบโกโก้ไปด้วย มันฟินซะจริง

จิบโกโก้

สายหมอก หยอกเย้า ภูกระดึง

สายหมอก หยอกเย้า ภูกระดึง

พอเวลา 9 โมงตรง พวกเราทานข้าวเช้าเสร็จก็เตรียมตัวออกเดินทางเข้าป่า เพื่อเข้าไปชมความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่กำลังรอต้อนรับเราอยู่ ส่วนจะเป็นอะไรบ้างนั้น โปรดติดตามในตอนหน้านะครับ (คลิกชมตอนที่ 2)

เรื่องและภาพโดย : Travel MThai

10978686_10152990855550340_1349490090245596275_n