มหัศจรรย์ฝั่งโขง ณ หนองคาย

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / มหัศจรรย์ฝั่งโขง ณ หนองคาย


ช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกๆ ปี แต่ละภูมิภาคของไทยเราก็มีกิจกรรมเกี่ยวกับประเพณีทางศาสนาต่างๆ ตามแต่ละพื้นที่ และที่ครึกครื้นกันเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นจังหวัดแถบริมฝั่งโขงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเรานี่เอง และกิจกรรมที่โดดเด่นของแดน มหัศจรรย์ฝั่งโขง (The Magnificent Mekhong River) ในช่วงนี้คือการร่วมเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาค ที่จังหวัดหนองคาย  เราออกเดินทางกันด้วยสายการบินนกแอร์สู่สนามบินจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่เช้าตรู่ของวันออกพรรษา และเมื่อมาถึงถิ่นแล้วคงจะพลาดไม่ได้กับการแวะลิ้มลองอาหารยอดนิยมของที่นี่ ข้าวเปียกเส้น ที่ร้านข้าวเปียก ซึ่งนอกจากข้าวเปียกเส้นกระดูกหมูแล้ว ยังมีทั้งหมูยอทอด, ขนมปังทรงเครื่อง, แกงเส้น, ไข่กระทะและโจ๊กร้อนๆ

ร้านข้าวเปียก

ร้านข้าวเปียก 

เมื่อท้องอิ่มแล้วก็พร้อมออกเดินทางสู่จังหวัดหนองคาย สถานที่แรกเราไปแวะวัดอาฮงศิลาวาส (สะดือแม่น้ำโขงในอดีต มีความเชื่อว่าเป็นช่องทางเดินทางจากปากเมืองบาดาล (คำชะโนด) ถึงแม่น้ำโขง ณ จุดนี้ บริเวณ กม. 115 – 116 ต.ไกสี อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย)

วัดอาฮงศิลาวาส

วัดอาฮงศิลาวาส

สมัยก่อนชาวบ้านเชื่อกันว่าลูกไฟที่ขึ้นจากแม่น้ำโขงนั้นเป็นบั้งไฟผี แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่เป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคที่ได้รับความนิยม บรรยากาศน่านั่งชมบั้งไฟตอนกลางคืนมากทีเดียวแต่เราได้มีโอกาสมาแวะชมวิวทิวทัศน์แค่ช่วงกลางวันเท่านั้น

วัดอาฮงศิลาวาส

วัดอาฮงศิลาวาส

เราเดินทางต่อมาที่ อ. โพนพิสัย จ.หนองคาย เพื่อรอชมบั้งไฟพญานาค ก่อนถึงเวลาเราแวะกันที่วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) เพื่อไหว้พระขอพรกันก่อน ที่วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระใส ปางมารพิชัย ขัดสมาธิราบ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองชาวหนองคาย ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวประเพณีออกพรรษาบั้งไฟพญานาค และเรื่องราวพุทธประวัติที่สวยงาม

วัดโพธิ์ชัย

วัดโพธิ์ชัย

ช่วงเย็นเราจับจองร้านอาหารซึ่งไม่ไกลจากบริเวณ วัดไทยที่ซึ่งเป็นจุดชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคยอดนิยมของคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ในบริเวณรอบๆ วัดนอกจากจะมีการมานั่งจับจองพื้นที่แล้วยังมีการกางเต๊นท์จองพร้อมด้วยอุปกรณ์การทำอาหารพื้นบ้านเช่น ส้มตำ แบบตั้งหลักปักฐานดูกันทั้งคืนเลยทีเดียว ทั้งยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและมีถนนอาหารไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

วัดไทย

วัดไทย

วัดไทย

บั้งไฟพญานาคเป็นปรากฎการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหัวค่ำของวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งยังไม่สามารถหาคำอธิบายยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สำหรับชาวบ้านที่นี่แล้วปรากฎการณ์นี้ถือเป็นความเชื่อ ความศรัทธา เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่โบราณ เราสามารถพบเห็นลูกไฟสีแดงอมชมพูนี้ตลอดแนวอำเภอริมฝั่งแม่น้ำโขงของจังหวัดหนองคาย อาทิ อำเภอเมือง โพนพิสัย ปากคาด และบึงกาฬ เป็นต้น

วัดไทย

ระหว่างการนั่งรอชมบั้งไฟก็มีการประกวดลอยเรือไฟบูชาพญานาค และการลอยกระทงวันเพ็ญเดือน 11 เค้าว่ากันว่าการที่เราจะเห็นบั้งไฟพญานาคนั้นต้องมีบุญด้วย ได้ยินว่าบริเวณอื่นๆ มีลูกไฟขึ้นตั้งแต่หัวค่ำแต่คราวนี้คณะเรายังไม่มีบุญตาได้เห็นกันเลย ได้แต่นั่งมองแสงไฟจากประทัดและพลุที่จุดกันมากมายตลอดทั้งคืน

7188-attachment

วันที่สองก่อนเดินทางกลับไปยังสนามบินจังหวัดอุดรธานี ช่วงเช้าเราไปเยี่ยมชมศาลาแก้วกู่หรือที่รู้จักกันในนามว่า“วัดแขก”อยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายเพียงไม่กี่กิโลเมตร

ศาลาแก้วกู่

ศาลาแก้วกู่

ออกแบบและดำเนินการสร้างโดยหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ คล้ายพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่แสดงรูปปั้นทางศาสนาที่ได้ผสมผสานพระพุทธรูปหลากหลายปางค์ รูปเทพฮินดู รูปปั้นศาสนาคริสต์ รูปปั้นเล่าเรื่องรามเกียรติ์และตำนานพื้นบ้าน ตามความเชื่อที่ว่า หลักคำสอนทุกศาสนา สามารถนำมาผสมผสานกันได้

ศาลาแก้วกู่

ศาลาแก้วกู่

มาถึงถิ่นพญานาคแล้วคงต้องไม่พลาดที่จะเข้าชม เมืองพญานาค คำชะโนดอยู่ในพื้นที่ของวัดศิริสุทโธคำชะโนด มีเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่

เมืองพญานาค คำชะโนด

มีต้นคำชะโนดเป็นต้นไม้ลักษณะผสมระหว่างต้นมะพร้าว ต้นตาลและต้นหมาก ซึ่งขึ้นอยู่ที่นี่ที่เดียว ลักษณะลำต้นคำชะโนดนี้หากเรามองจากด้านล่างย้อนขึ้นไปบนยอดไม้จะเห็นเป็นลักษณะคล้ายลำตัวพญานาคเป็นเกล็ดๆ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่กล้านำไปปลูกที่อื่น

เมืองพญานาค คำชะโนด

ด้านใน เมืองพญานาค คำชะโนด มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เชื่อว่าเป็นทางขึ้นลงของพญานาค เสร็จจากเมืองบาดาลมายังเมืองมนุษย์และขึ้นไปเมืองสวรรค์ เชื่อกันว่าน้ำในบ่อสามารถรักษาโรคได้สารพัด

เมืองพญานาค คำชะโนด

ที่นี่ยังมีเรื่องเล่าว่ามีบริษัทฉายหนังเร่ถูกว่าจ้างให้มาฉายหนังช่วงกลางคืน คนมากมายมานั่งดูแต่งกายด้วยชุดขาวดำ ทั้งหมดนั่งดูด้วยความสงบไม่ว่าจะเป็นช่วงหนังตลกหรือหนังบู๊ แต่เมื่อถึงตอนหนังผีดูทุกคนมีชีวิตชีวาขึ้น และเมื่อใกล้จะถึงตี 4 คนดูก็ทยอยหายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเสร็จงานถามไถ่ชาวบ้านแถวนั้นทุกคนไม่ได้ยินหรือรู้เรื่องว่ามีการฉายหนังกลางแปลงเลย ซึ่งทางบริษัทฉายหนังเร่ได้อธิบายใหเชาวบ้านฟังถึงลักษณะสถานที่ที่ตนไปฉายหนังก็ตรงกับบริเวณดงคำชะโนดนี่เอง โดยเชื่อกันว่าช่วงที่มีการฉายหนังเป็นช่วงเทศกาลของวิญญาณที่อาศัยอยู่ในดงชะโนดแห่งนี้

เมืองพญานาค คำชะโนด

เมื่อถึงจังหวัดอุดรธานีเราแวะไหว้พระเสริมสิริมงคลกับ “สิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองอุดรธานี” อาทิเช่น ศาลเทพารักษ์  พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ศาลหลักเมือง เป็นศาลที่มีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องความมั่นคงด้านหน้าที่การงาน การเงิน การดำเนินชีวิต

ศาลหลักเมือง

การขอพรที่ศาลหักเมืองมีเคล็ดลับตรงที่เข้าประตูไหนให้ออกประตูนั้น เชื่อว่าช่วยให้ได้อานิสงค์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้บริเวณหน้าศาลหลักเมืองยังมีท้าวเวสสุวัณ ยักษ์ที่คอยปราบภูตผีปีศาจ หากอยากให้ศัตรูของเรากลับมาเป็นมิตรขอพรแล้วอย่าลืมลูบกระบองด้วย

ศาลหลักเมือง

ส่วนด้านข้างศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธโพธิ์ทอง เราสามารถกราบไหว้ขอพรให้มีผู้ใหญ่ช่วยเหลือค้ำชู และเราเองสามารถเป็นที่พึ่งพิงผู้อื่นได้ด้วย ขอพรแล้วอย่าลืมเก็บใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นด้านหลังศาลากลับไปกราบไหว้บูชา

วัดมัชฌิมาวาส

วัดมัชฌิมาวาสหรือชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดเดิมหรือวัดเก่า เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรก (หลวงพ่อนาค) เป็นที่เคารพสักการะของชาวอุดรธานี มีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องความรัก หากใครสนใจขอพรให้สมหวังเรื่องความรักต้องไม่พลาดวัดแห่งนี้

วัดมัชฌิมาวาส

ศาลเจ้าปู่-ย่า ศาลเจ้าของชาวจีน นิยมกราบไหว้ขอพรให้ทำการค้ารุ่งเรือง ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้ตลาดหนองบัว  ในบริเวณศาลมีสวนหย่อมริมหนองบัว ศาลาริมน้ำ เป็นอีกจุดหนึ่งที่เราสามารถมานั่งพักผ่อนหรือแม้กระทั่งวิ่งออกกำลังกายรอบหนองบัว

ศาลเจ้าปู่-ย่า

ศาลเจ้าปู่-ย่า

ถึงแม้ปีนี้เราจะไม่ได้เห็นบั้งไฟพญานาค และถึงแม้คนที่มาร่วมงานจะไม่มากเท่าหลายๆ ปีที่ผ่านมาเพราะประสบกับปัญหาการเดินทางเนื่องจากน้ำท่วม แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนที่มีความเชื่อ ความศรัทธา และต้องการซึมซับบรรยากาศสนุกสนานให้หลั่งไหลมาร่วมชมปรากฎการณ์อัศจรรย์นี้ ปีหน้าเราต้องกลับมาแก้ตัวใหม่เพื่อขอเห็นลูกไฟสีแดงนี้อีกครั้ง