10 อันดับ สนามบินยอดเยี่ยมและยอดแย่ที่สุด แห่งปี 2016

เว็บไซต์ CNN ได้จัดอันดับ สนามบินยอดเยี่ยมและยอดแย่ที่สุด แห่งปี 2016 โดยวัดจากความประทับใจของนักท่องเที่ยว เมื่อเดินทางไปถึง สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  ความปลอยภัย อีกทั้งสภาพแวดล้อม หรือการออกแบบอาคารต่างๆ เป็นต้น ตามมาดูกันเลยจะมีที่ไหนติดอันดับบ้าง

10 อันดับ
สนามบินยอดเยี่ยมและยอดแย่ที่สุด
แห่งปี 2016

เป็นอีกหนึ่งสนามบินที่ได้รับการลงคะแนนให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง มีสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวได้เป้นจำนวนมาก อีกทั้งการบริการ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลและต้องกลับมาให้ได้อีกครั้ง มีโซนนั่งดูหนัง สไลด์เดอร์สูงเท่าตึก 4 ชั้น โซนช้อปปิ้ง โซนสวนดอกไม้ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักผ่อนกันอย่างเต็มที่

อีกทั้งในปี 2018 นี้ สนามบินนานาชาติชางงี ก็ยังไม่หยุดพัฒนา สร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ คือการจัดแสดง rain votex กระแสน้ำวน หรือเรียกว่า “Jewel” สูงว่า 40 เมตร และภายในมีสวนดอกไม้ในร่มขนาดใหญ่ พร้อมด้วยร้านช้อปปิ้ง ร้านอาหาร เป็นต้น

———————————————————————————————

2. ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน เมืองโซล ประเทศเกาหลีใต้
(Incheon International Airport : Seoul, South Korea)

อินชอนยังได้รับการยอมรับว่าเป็นท่าอากาศยานระดับ 5 ดาว ร่วมกันกับชางงีของสิงคโปร์ และฮ่องกงของจีน ใน พ.ศ. 2552 ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ได้รับการลงคะแนนให้เป็นท่าอากาศยานที่ดีที่สุดในโลก ที่นี่มีให้บริการสปา ที่พักผ่อนแสนสบาย อีกทั้งถ้าใครยังพอมีเวลาก็สามารถมาฝึกทำดินสอประจำชาติของเกาหลีได้อีกด้วย

———————————————————————————————

3. ท่าอากาศยานฮะเนะดะ เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
 (Haneda International Airport : Tokyo, Japan)

ตั้งอยู่ที่เมืองโอตะ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น แม้ในปัจจุบัน สนามบินฮะเนะดะจะให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่ยอดผู้โดยสารที่มาใช้บริการมีจำนวนมากถึง 67 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2550 มากที่สุดทั้งในญี่ปุ่น และเอเชีย ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงใหม่ เพื่อส่งเสริมให้ โตเกียวเป็นศูนย์กลางทางการบินที่สามารถแข่งขันกับสนามบินนานาชาติอื่นๆ เช่น สนามบินนานาชาติอินชอน และสนามบินนานาชาติฮ่องกง เป็นต้น

———————————————————————————————

4. สนามบินเถาหยวนอินเตอร์เนชั่นแนล เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน
(Taoyuan International Airport : Taipei, Taiwan)

ที่นี่จะมีห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง ที่มีธีมการตกแต่งห้องแตกต่างกันไป ซึ่งแต่ละห้องก็จะแสดงถึงเอกลักษณ์ วัฒนธรรมของไต้หวัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างรอขึ้นเครื่อง อามิ มุมนั่งอ่านหนังสือ มุมพักผ่อน เป็นต้น

———————————————————————————————

5. สนามบินนานาชาติมิวนิค เยอรมนี
(Munich International Airport : Germany)

หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า ท่าอากาศยานมิวนิก ฟรันซ์ โยเซฟ ชเตราสส์ เป็นท่าอากาศที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเยอรมนี ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสนามบินแรกที่ครบครันไปด้วย ตลาดคริสต์มาสยิ่งใหญ่อลังการ, Sleeping Pods, สวนเบียร์, มินิกอล์ฟ, ลานสเก็ตน้ำแข็ง และที่เล่นกระดานโต้คลื่น!

———————————————————————————————

7. สนามบินนานาชาติแวนคูเวอร์ ประเทศแคนนาดา 
(Vancouver International Airport : Vancouver, Canada)

ตั้งอยู่ที่ริชมอนด์, บริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ห่างจากตัวเมืองแวนคูเวอร์ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นท่าอากาศยานหลักของแอร์แคนาดา อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 8 ของท่าอากาศยานในแคนาดา ที่เป็นที่ตั้งของด่านตรวจลงตราล่วงหน้าของสหรัฐอเมริกา

8. สนามบินเฮลซิงกิ แวนต้า ประเทศฟินแลนด์
(Helsinki International Airport : Vantaa, Finland)

ถือเป็นสนามบินแรกของแถบยุโรปที่จัด Sleeping Pods หรือที่นอนเอาไว้เป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนระหว่างรอเดินทาง ซึ่งค่าใช่จ่ายมีทั้งฟรีและจ่ายเงิน ซึ่งราคานับว่าถูกมากๆ กว่าสนามบินทุกที่

9. ท่าอากาศยานทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย
(Tallinn International Airport : Tallinn, Estonia)

10. ท่าอากาศยานโคลเทิน หรือ ท่าอากาศยานซูริก ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
(Kloten International Airport : Zurich, Switzerland)

หรือที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ท่าอากาศยานซูริก ตั้งอยู่ในเมืองโคลเทิน, รัฐซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใน พ.ศ. 2551 ท่าอากาศยานซูริกมีผู้โดยสารมาใช้บริการราว 22.1 ล้านคน

———————————————————————————————