Jonkoping เมืองเล็กๆ ดินแดนแห่งพิพิธภัณฑ์ของสวีเดน

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / Jonkoping เมืองเล็กๆ ดินแดนแห่งพิพิธภัณฑ์ของสวีเดน

ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปดูงานที่ เมือง Jonkoping (เยินโชปิง) ประเทศสวีเดน ซึ่งจริงๆ แล้วนั้น เป็นการไปดูงานเกี่ยวกับ การแข่งขันเกมส์ Esport ระดับโลกที่มีชื่องานว่า Dreamhack Summer 2012 ซึ่งเขาจัดขึ้นที่เมือง Jonkoping ทุกปีๆ ละ 2 ครั้งคือช่วง Summer และช่วง Winter ซึ่งในครั้งนี้เราได้รับการสนับสนุนการเดินทาง จากพาร์ทเนอร์ค่ายเกมส์ Playinter ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเกมส์ออนไลน์ที่มีชื่อว่า Heroes of Newerth (HON) และ เกมส์ League of Legend (LOL) และเมื่อไปถึงก็อดไม่ได้ที่จะต้องเที่ยวดูเมืองของเขาสักหน่อย และขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟัง เผื่อมีบางคนมีแผนเดินทางจะไปสวีเดน อาจจะลองแวะไปเที่ยวเมือง Jonkoping และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดูบ้าง

เมือง Jonkoping เป็นเมืองเล็กๆ ของสวีเดน บ้านเมืองสะอาดมาก

เกร็ดเล็กๆ ก่อนเดินทางไปสวีเดน : Jonkoping

1. สวีเดน เป็นประเทศในแถบยุโรป ที่อยู่ในโซนประเทศกลุ่มเชงเก้น มี 25 ประเทศ เช่น สวีเดน, เดนมาร์ก, นอร์เวย์ เป็นต้น (ดูข้อมูลเพิ่ม เกี่ยวกับเชงเก้น)

2. เงินสวีเดนใช้สกุลเงิน Krona หรือ KR หรือเทียบสากลก็เป็นชือเงิน SEK (Swedish Krona) ซึ่งเทียบกับไทยก็ราวๆ 4.5 บาท

3. ค่าครองชีพที่สวีเดน สูงกว่าบ้านเรา ฉะนั้นจำไว้ว่า ของทุกอย่างเทียบกับบ้านเราคือ ราคา 5 เท่า ไม่ต้องคิดมากครับ ยังไงก็ต้องใช้อยู่ดี

4. และที่สำคัญ ไม่จำเป็นอย่าขึ้น Taxi ครับ เพราะค่าแท็กซี่แพงมาก แนะนำให้เช่ารถขับเองดีกว่า แต่ต้องมีใบขับขี่สากลนะครับ

สำหรับทริปนี้ ถือว่าเป็นทริปการเดินทางต่างประเทศครั้งแรกของผม ซึ่งกว่าจะทำวีซ่าผ่าน ก็ปาไปวันสุดท้ายก่อนเดินทางพอดี ตอนแรกคิดว่าจะไม่ผ่านซะแล้ว สำหรับ Flight ที่เราออกเดินทางเป็นวันที่ 13 มิถุนายน 255 เวลา 01.10 (เวลาในประเทศไทย) และถึง Stockholm เวลา 07.00 น. (เวลาของสวีเดน) ด้วยเที่ยวบิน TG960 โดยสายการบินไทย เครื่องโบอิ้ง 747-400 ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง แบบ Direct Flight ไม่ได้แวะพักที่ไหนเลย

แวะดูของใน Duty Free ก่อนออกเดินทาง ที่นี่เขาว่าเป็นของราคาถูก แต่ส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์ดังๆ ราคาก็ไม่น้อยเหมือนกันครับ เหมาะกับการซื้อไปฝากเพื่อนฝูงมากกว่า

อาหารบนเครื่องบินสำหรับมื้อขาไป (สำหรับ Flight นี้มี 2 ครั้งคือครั้งแรกตอนออกเดินทาง และ ตอนก่อนลงเครื่องอีก 1 ครั้ง) อาหารส่วนใหญ่ก็พอทานได้ครับ มีครัวซอง ขนมปัง ไวน์ โค้ก เป็นต้น

ถึงแล้วสนามบิน Stockholm – Arlanda ซึ่งที่สต๊อคโฮล์ม มีสนามบินสองแห่งคือ Arlanda และ Bromma ที่นี่เทียบกับบ้านเราก็คือสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วน Bromma ก็สนามบินดอนเมืองหล่ะครับ อันนี้วัดกันที่ความใหญ่ เล็ก สำหรับปัจจุบันนี้นะครับ ซึ่งระยะห่างกันก็น่าจะประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร เรียกว่า เสียเวลาเดินทางประมาณ 20 – 30 นาทีได้

ณ สนามบิน Arlanda รอกระเป๋าที่โหลดไว้ ประมาณ 10 นาทีได้กว่าจะมา เที่ยวบินที่ผมเดินทางมา มีคนไทยหลายคนเหมือนกันที่มาอยู่สวีเดนแบบถาวร มีแฟน มีลูก อยู่ที่นี่กันเลย

และปัญหาก็เกิดกับเราจนได้ครับ เนื่องจาก ในทริปการเดินทางเที่ยวนี้ เราจองเครื่องบินภายในประเทศ เพื่อบินจาก Stockholm ไป Jonkoping แต่คนจองดันจองให้เราลงที่ Arlanda แล้วบินภายในประเทศที่สนามบิน Bromma ป้าดดด ต้องรีบเดินทางไป Bromma เพื่อต่อเครื่องบินไป Jonkonping อีก และเครื่องจะออกเวลา 9.30 เรามาถึงกว่าจะผ่าน ตม. ของสวีเดน กว่าจะรับกระเป๋า กว่าจะเดินทางหาทางไปต่อได้ ก็เกือบจะ 8 โมงแล้ว ก็เลยไปถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่า จะไปสนามบิน Bromma ได้ยังไงให้ทัน 9.30 น. เขาก็บอกว่า ปกติมีรถเมล์ แต่คงไม่ทันแล้ว จะไปก็ต้องเรียก TAXI เท่านั้น เอาละสิ มาครั้งแรก เรียกแท็กซี่เลย เอาว่ะ แท็กซี่ก็แท็กซี่ ดีกว่าตกเครื่องบิน

ว่าแล้วก็เรียก TAXI กันเลย คันที่เรียก เป็นแท็กซี่คันใหญ่พอๆ กับรถตู้เลย ไปต่อราคา เขาคิด 545 KR. Fixed Price เขาว่าอย่างงั้น เทียบเป็นเงินไทยเราก็ราวๆ 2,400 กว่าบาทครับ โอ้วพระเจ้า แพงเหลือหลาย แต่ก็ไปนะ กลัวไม่ทันเครื่องบินออก

และแล้วก็ทันเวลาพอดี มีเวลานั่งพักอีกด้วยเนื่องจากเครื่องดีเลย์ (เขาว่าที่นี่เครื่องดีเลย์เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากอากาศแปรปรวนบ่อยๆ เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวมีลมพายุ) แต่ก็ดีเลย์ไม่เกินครึ่งชั่วโมงครับ ก็ได้เวลาเดินทางต่อ (สังเกตป้ายโฆษณา Telia ครับ ที่นี่ถือว่าเป็นผู้ให้บริการ มือถือ และ อินเตอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุด)

ป้ายด้านหลังสนามบิน Stockholm – Bromma

และแล้วก็ได้เวลาบิน แม่เจ้า! เครื่องบินในประเทศของเขา ยังกะเครื่องบินส่วนตัว นั่งได้ราวๆ 15 ที่นั่งเองครับ และที่สำคัญ เสียงดังมากๆ ครั้งแรกเหมือนกันที่นั่งเครื่องบินแบบนี้ ดีที่ไม่เมาเครื่องซะก่อน

ดีที่เขาแจกฟองน้ำไว้อุดหูครับ ไม่งั้นได้มีหูหนวกกลับมาแน่ๆ

ตอนนี้ขึ้นไม่เท่าไหร่ครับ ตอนลงนี่สิ ใจหายวูบ

ลงจอดซะที รอดแล้วเรา หุหุ ยังไม่หายตื่นเต้นเลย เพราะตอนลงจอด เครื่องปรับระดับลงแบบเร็วๆ หลายครั้ง ใจหายวูบไปหลายที แต่ก็ปลอดภัยดี

ถึงซะทีสนามบิน Jonkoping ซึ่งเป็นสนามบินของเมืองนี้ ที่เล็ก และเงียบสงบมาก เดินเข้าไปแทบไม่มีคนอยู่ นอกจากเจ้าหน้าที่ที่ดุแลสนามบิน

ทางเข้าสนามบิน ในบ้านเราก็คงเป็นผู้โดยสารขาเข้านั่นแหละ

ข้อมูลต่างๆ ในเมือง Jonkoping ถ้ายังไม่ค่อยเข้าใจ ไปขอข้อมูลได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ครับ แต่ที่ประทับใจมากคือ ขอ WIFI ฟรี ความเร็วของ WIFI ที่นี่เร็วมากๆ ครับ

หลังจากเข้ามานั่งที่สนามบินสักพัก (2 ชั่วโมง) พอเวลาราวๆ 14.00 น. เราก็ออกมาหารถที่จะต่อไปที่พัก ซึ่งเป็นโรงแรมเล็กๆ มีชื่อว่า Quality Hotel ซึ่งอยู่แถวๆ Eurostop ระยะทางจากที่สนามบินไป ราวๆ 12 กิโลเมตร แต่หารถเมล์ไม่ได้สักที เนื่องจากรอนาน และยังไม่รู้ว่า รถเมล์ที่นี่เขามาตรงเวลา ออกตรงเวลา ใจร้อนเลยเรียกแท็กซี่แทน เอาว่ะ ขึ้น TAXI อีกแล้วเป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ระยะทาง 12 กิโลเมตร เขาคิด 250 KR (เงินไทยก็เอา 5 บาทไปคูณครับ)

และแล้วก็ถึงโรงแรม Quality ซึ่งอยู่บริเวณ Eurostop (ยูโรสต๊อป เป็นเหมือนกันศูนย์รวมร้านค้าเล็กๆ มีร้านอาหาร ปั้มน้ำมัน โรงแรม มีขายพวกต้นไม้ ดอกไม้ด้วย)

บริเวณรอบๆ โรงแรม ภายใน Eurostop (ถ่ายจากชั้น 11 ของโรงแรม Quality) ทริปนี้ขอไม่รีวิวห้องพักครับ

และแล้วก็ได้เวลาเดินทางดูบ้านเมืองของเขาสักที พอเราถึงที่พักก็ออกหาซื้อของตุนไว้ กะว่าจะหาห้างใหญ่ๆ สักแห่งเพื่อซื้อของ ซึ่งถามจากพีอาร์ที่โรงแรมบอกว่า ถ้าจะซื้อของให้ไปที่ A6 Center (อ่านว่า ออเซ็กเซ็นเตอร์ ผมอ่านว่า เอซิกมาตั้งหลายวันกว่าจะรู้ว่าที่นี่เขาอ่านว่า ออเซ็ก อิอิ)

ระยะทางจากโรงแรม Quality ไป A6 Center ก็น่าจะราวๆ 2-3 กิโลเมตร เนื่องจากเข็ดกับราคาแท็กซี่ และยังไม่รู้ว่าจะขึ้นรถเมล์ยังไง เราก็เลยถามทางคนแถวนั้น ว่าเดินไปได้หรือเปล่า เขาก็เลยบอกว่าได้สิ ตามเขามา เขาผ่านไปทางนั้นพอดี โชคดีเลย ขอบคุณครับคุณปีเตอร์ (เดินโคตรเร็วเลย)

มาถึงซะที A6 Center ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของ Jonkoping แต่ที่สังเกตห้างของที่นี่มีชั้นเดียวครับ เขาไม่นิยมทำห้างใหญ่ๆ หลายๆ ชั้นเหมือนบ้านเราสักเท่าไหร่ อาจจะมีเหตุผลจากลม พายุ หรือแผ่นดินไหว อันนี้เดาเฉยๆ ครับ เพราะหาห้างที่มีหลายๆ ชั้นไม่ค่อยได้

A6 Center ห้างสรรพสินค้าของเมือง Jonkoping ประเทศสวีเดน

ภายในห้าง A6 Center ดูสะอาดเป็นระเบียบ แต่คนก็เยอะอยู่เหมือนกันนะ

H&M เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ราคาไม่แพงมาก ราวๆ 200 – 500 บาทไทย เท่านั้นเองครับ

ออกจาก A6 Center เดินไปฝั่งตรงกันข้าม เป็น Outlet A6 ซึ่งของมีเพียงชั้นบนชั้นเดียว (ที่เปิดอยู่) ในส่วนชั้นล่างยังไม่เปิด คาดว่าถ้าเป็นวันปกติน่าจะมีด้านล่างด้วย

ใกล้ๆ กับ Outlet A6 มีร้าน 7-11 ด้วยแฮะ กะจะไปซื้อมาม่ามาตุนสักหน่อย ผิดคาดหาไม่ได้เลยแฮะ เป็น 7-11 ของคนสวีเดน ของทุกอย่างก็สะดวกคนสวีเดนเท่านั้นครับ 🙂 จะหาอะไรอร่อยๆ แบบไทยๆ เราไม่มีเลย เดินดูหลายรูปไปสะดุดอยู่ที่กล้วยหอม ลูกละ 22 Kr. พระเจ้า ใครมีสวนกล้วยที่สวีเดน เป็นเศรษฐีแน่ๆ

หลังจากช้อปปิ้งกันแล้ว ก็เดินกลับครับ ซึ่งผ่านโรงพยาบาลเล็กๆ ดูแทบไม่รู้ว่ามันคือโรงพยาบาล

ป้ายต่างๆ เป็นภาษา Swedish หมดเลย อ่านไม่ออก ฮ่าๆ

ที่มองเห็นด้านหน้าที่เขียนว่า City Gross เทียบกับบ้านเราก็น่าจะเป็นห้าง Big C, Lotus นั่นแหละครับ

เราเดินกลับโรงแรมเช่นเดิม แต่เปลี่ยนเส้นทางใหม่ อันนี้เป็นถนนหลักที่รถเมล์วิ่งนะครับ แต่สะอาดมาก ต้นไม้เยอะ เขียนชะอุ่ม ข้างทางก็มีถนนเล็กๆ สำหรับจักรยาน และคนเดินเท้า

ที่เห็นนี่คือป้ายทางเข้า พิพิธภัณฑ์ Ryhovs Herrgard แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้เข้าไปดู ใครสนใจ ลองแวะดูที่เว็บนี้ได้เครับ (Ryhovs Herrgard)

และแล้วก็ผ่านพ้นไปสำหรับวันแรก ณ เมืองเยินโชปิง ประเทศสวีเดน กว่าจะมืดก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มครึ่งของประเทศสวีเดน และดวงอาทิตย์ขึ้นเช้ามากๆ ณ เวลา ตี 3 สรุปว่า ผมได้นอน 4 ชั่วโมง ปรับตัวไม่ทัน ตื่นขึ้นมาอีกวัน มึนหัวตึ๊บ เกิดอาการ Jet Lag หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า ต้องปรับตัวอีก 5 วันครับ เอาล่ะ ไว้คราวหน้า ผมจะพาชมเมือง Jonkoping สถานีรถไฟ ของฝากต่างๆ และประเพณีวันเรียนวันสุดท้ายของที่ Jonkoping ซึ่งแปลก และสนุกสนานมากๆ ของเด็กๆ ที่นี่ เพราะเป็นวันแรกที่พวกเขา จะสามารถเข้าบาร์ได้แล้ว โดยไม่ผิดกฎหมายนั่นเอง แล้วพบกันใหม่ครับ..

เยินโชปิง