ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ…

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ…

ปอมเปอี อดีตเมืองอาณาจักรโรมัน แคว้นกัมปาเนีย ประเทศอิตาลี ที่ในอดีตปอมเปอีแห่งนี้ บางส่วนถูกทำลายและถูกฝังโดยเถ้าและหินจากภูเขาไฟหนา 4 ถึง 6 เมตร สาเหตุจากภูเขาไฟวิสุเวียสปะทุครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 79

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ…

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

วิสุเวียส นอกจากพ่นลาวา เถ้า ฝุ่น ควัน ออกมาแล้ว ยังมีก๊าซพิษจำนวนมากปนมาอีกด้วย หากใครรอดจากลาวา หรือการถกทับจากเถ้าหินร้อน ก็ไม่สามารถจะดำรงชีวิตอยู่ต่อได้อีก เพราะก๊าซพิษที่มีความเข้มข้นสูงกระจายแทรกซึมไปทั่วทุกพื้นที่เป็นวงกว้าง ประชากรนับพันเป็นผู้ที่ต้องรับชะตากรรมจากภัยพิบัติทางธรรมชาติในครั้งนี้ ทำให้เมืองปอมเปอี ถูกลบออกไปจากพื้นดินในเวลาเพียงแค่ 2 วัน หลังจากวิสุเวียสปะทุลาวาออกมา

ในสมัยนั้นไม่มีการสื่อสารที่สะดวกรวดเร็วแบบปัจจุบัน เมื่อเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมา ใครที่รอดชีวิตก็อพยพออกไปอาศัยอยู่ที่อื่นจนหมด ไม่มีใครได้กลับมาที่นี่อีก ในที่สุดที่แห่งนี้ก็กลายเป็นเมืองสาบสูญ ถูกลบออกไปจากแผนที่ ไม่มีใครรู้จักที่นี่มาตลอด 1,700 ปี

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1748 นครแห่งนี้ได้รับการค้นเจอ หลังจากที่มีการขุดเซาะไปเรื่อยๆ ก็พบเมืองทั้งเมืองในสภาพที่สมบูรณ์มากที่สุด พร้อมด้วยศิลปะวัฒนธรรม ที่เรียกได้ว่า เป็นศิลปะที่สวยงามหายาก แสดงให้เห็นถึงอารยธรรมที่รุ่งเรืองในยุคนั้นว่ามีมากเพียงใด

ทำไมการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียส มันถึงน่ากลัวขนาดนี้ พวกเรามาย้อนไปทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นกัน (ข้อมูลเป็นการประมวลเหตุการณ์ตามหลักฐาน และการศึกษาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้สำรวจกันมา)

 

วันแรกที่วิสุเวียสปะทุ และหายนะกำลังมาเยือน “ปอมเปอี”

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 79 เวลา 13 นาฬิกา 30 นาที ภูเขาไฟวิสุเวียสได้ระเบิดขึ้น ฝุ่นควัน หินพัมมิซ และก๊าซพิษจำนวนมากถูกพ่นออกมา กระแสลมในวันนั้นได้พัดพามันไปที่เมืองปอมเปอี และสตาเบีย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิสุเวียส แต่เมืองปอมเปอีใกล้อยู่กว่า จึงได้รับผลกระทบมากกว่าใครเพื่อน

ในช่วงเวลาไม่กี่นาที ท้องฟ้าเหนือเมืองปอมเปอี ก็ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันจากภูเขาไฟ จนแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องลอดมาได้ จึงตกอยู่ในความมืดคล้ายยามราตรี หลังจากนั้นไม่นาน หินพัมมิซในฝุ่นควันก็เริ่มจับตัวกันเป็นก้อนใหญ่ที่หนักขึ้น เย็นลง และเริ่มร่วงลงมาสู่เมืองปอมเปอี ชาวเมืองเริ่มวิตก บางคนรีบหนีไป บางคนไปหลบในบ้านหรือในสถานที่ส่วนรวม

เมื่อการระเบิดของภูเขาไฟวิสุเวียสทวีความรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด แมกมา เถ้าถ่าน และก๊าซปริมาณมหาศาล ถึง 100,000 ตัน ถูกพ่นออกมาจากภูเขาไฟ และพุ่งขึ้นฟ้าด้วยความเร็วเท่ากับเครื่องบินเจ็ตสู่ระดับความสูง 33 กิโลเมตร เทียบเท่ากับความสูงของภูเขาเอเวอเรสต์ประมาณ 3.5 เท่า แมกมา ก๊าซ และเถ้าถ่านที่ภูเขาไฟ วิสุเวียสพ่นออกมานั้น คิดเป็นปริมาตรมากกว่า 4 ลูกบาศก์กิโลเมตร และสามารถพบร่องรอยได้ไกลถึงทวีปแอฟริกา
เถ้าถ่านเหล่านั้นมีจำนวนมากพอที่จะบรรจุลงในลูกบาศก์ ที่กว้าง ยาว สูง ด้านละ 2.4 กิโลเมตร!

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

ต่อมาไม่นานนัก ชาวปอมเปอีก็เริ่มหายใจไม่ออก เพราะก๊าซพิษที่ภูเขาไฟพ่นออกมาทำให้อากาศไม่สะอาด ผู้ที่พยายามจะหนีส่วนใหญ่ตาย สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ เกิดจากหินพัมมิซขนาดใหญ่หล่นใส่หัว แล้วก็ล้มลงหมดสติ แล้วก็ขาดอากาศหายใจจนตายในที่สุด…

ตกเย็นวันเดียวกันนั้นเอง ชาวปอมเปอีที่หลบภัยในบ้านก็เริ่มตาย เพราะหินพัมมิซทับถมกันหนาจนบ้านถูกฝัง และขาดอากาศหายใจจนตายเช่นกัน ต่อมาไม่นาน หลังคาบ้านก็เริ่มถล่ม เพราะรับน้ำหนักหินไม่ไหว ทำให้ผู้คนถูกฝังทั้งเป็น ไม่เพียงเท่านั้น เมืองตากอากาศเฮอร์คิวลาเนียม ซึ่งเป็นเมืองคู่แฝดก็ถูกฝัง อยู่ใต้หินและเถ้าถ่านจากภูเขาไฟลึกถึง 25 เมตร ขยายแนวชายฝั่งให้ยาวกว่าเดิมถึงราว 450 เมตร

 

ผ่านไป 1 วัน วิสุเวียส ยังคงพิโรธ !!!!!

วันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 79 ช่วงเช้า วิสุเวียสระเบิดแรงขึ้น ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วน เพราะแรงสั่นสะเทือน คลื่นชายหาดแรงมากจนบ้านพักตากอากาศริมทะเลถูกคลื่นซัดพังไปหลายหลัง

ช่วงบ่าย กระแสลมเปลี่ยนทิศไปทางทิศตะวันตก (เยื้องใต้เล็กน้อย) นำพาฝุ่นควันสู่เมืองมิเซนัม และเฮอร์คิวเลเนียม แต่เฮอร์คิวเลเนียมอยู่ใกล้กว่ามาก จึงได้รับหายนะมากกว่า

 

หลังจากผ่านไป 1 วัน ภูเขาไฟมรณะ “วิสุเวียส” เริ่มหมดพลัง

วันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 79 ภูเขาไฟระเบิดเบาลง แต่ก็เกิดฝนตกลงมาบริเวณลาดเขาของภูเขาไฟวิสุเวียส ซึ่งเต็มไปด้วยเถ้าถ่านที่ร้อนจัด

 

ผ่านไป 1 วัน วิสุเวียสหยุดระเบิด แต่ทว่า…..ฝนตก!

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 79 น้ำฝนละลายผสมกับเถ้าถ่าน กลายเป็นโคลนเดือดไหลทะลักลงมากลบเมืองเฮอร์คิวเล เนียม ชาวเมืองหลายร้อยคนเสียชีวิต แต่เป็นเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ได้ล่องรืออพยพออกไปแล้ว ไม่นาน ปอมเปอีก็หยุดอาละวาด

ส่วนผู้ที่รอดตายได้กลับไปยังเมืองของตน แล้วได้นำซากอาคารที่โผล่พ้นเถ้าถ่านฝุ่นควัน ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น แต่ก็เป็นส่วนน้อยที่จะเอาอะไรออกไปได้ เพราะว่าส่วนใหญ่อยู่ใต้กองเถ้าลึกลงไปกว่า 10 เมตร

ผู้คนที่รอดอพยพออกไปจนหมด ไม่นานเมืองนี้ก็ถูกลืม และหลับใหลใต้พื้นนั้นนานนับพันปี…

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

ใน ค.ศ. 1534 ได้มีแนวคิด เรื่องการขุดค้นพบซากเมืองปอมเปอีเป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ ต่อมาใน ค.ศ. 1689 คนงานขุดคลองส่งน้ำคณะหนึ่ง ได้ขุดไปเจอซากสิ่งก่อสร้างแบบโรมัน และพบเหรียญเงินและรูปปั้น ซึ่งพวกเขาได้เคลื่อนย้ายออกไปและขุดคลองต่อ

จนกระทั้ง ในปีปี ค.ศ. 1748 ตระกูลบูร์บง ซึ่งเป็นเชื้อสายกับราชวงศ์บูร์บง ซึ่งเป็นผู้ปกครองรัฐเนเปิลส์ในอิตาลีระหว่าง ค.ศ. 1734-ค.ศ. 1861 ได้สนใจที่จะค้นหาเมืองปอมเปอี พวกเขาจึงใช้เงินจ้างคนงานไปขุดเมืองโดยใช้วิธีการขุดเป็นอุโมงค์เข้าไปจนพบเมืองดังกล่าว

พวกเขาจึงสั่งให้นำสิ่งของมีค่าออกมา และเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของตระกูลบูร์บง แต่ใน ค.ศ. 1861 รัฐต่างๆ ในอิตาลีได้รวมกันเข้าเป็นประเทศเดียวกัน ส่งผลให้ตะกูลบูร์บงล่มสลาย ชาวอิตาลีจึงให้ความสนใจเรื่องราวของค้นพบปอมเปอีมากขึ้น

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

จิอูเซปเป ฟีออเรลลี ได้เป็นหัวหน้าคณะนักโบราณคดี เขาได้คิดวิธีอันน่าทึ่งในการขุดปอมเปอี อย่างเช่น ร่างกายชาวปอมเปอีนั้น ได้ถูกความร้อนและกาลเวลาเปลี่ยนสภาพเป็นโพรงขี้เถ้าขนาดเล็ก ถ้าขุดออกมาแบบปกติ อาจทำให้ชิ้นส่วนหลักฐานเสียหายได้ เขาได้เจาะรูลงไปเป็นรูเล็กๆ และเทปูนปลาสเตอร์ลงตามไป รอให้แห้งแล้วจึงขุดขึ้นมา ทำให้เห็นถึงท่าทางในช่วงสุดท้ายของชีวิตชาวเมืองหลายคน

ค.ศ. 1924-ค.ศ. 1961หัวหน้าคณะนักโบราณคดีได้เปลี่ยนคนเป็น อเมดีโอ มายอูรี เขาบูรณะซ่อมแซมฝาผนังและเพดาน ข้าวของเครี่องใช้ที่นำมาศึกษา จะถูกวางไว้ที่เดิมหลังศึกษาเสร็จ และเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งผู้มาท่องเที่ยวจะสัมผัสได้ถึงชีวิตที่หรูหราในปอมเปอี และพลังอำนาจของธรรมชาติที่ทำลายล้างเมือง

ความจริงแล้ว การขุดค้นปอมเปอี มีขึ้นผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์หายนะคราวนั้น บันทึกเหตุการณ์ผ่านจดหมาย แล้วก็กลายเป็นจดหมายเหตุประวัติศาสตร์ ได้ข้อมูลว่า…

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

เมืองปอมเปอี ยามนั้นมีประชากรประมาณ 20,000 คน ถูกหินไฟเหลวกลบสิ้นชีวิตกว่า 2,000 คน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกบอกเล่าผ่านประสบการณ์จากคนที่เห็นเหตุการณ์ ของคนที่พยายามหลบหนี และเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ รวมถึงผู้รอดชีวิตรายหนึ่งที่เขียนเล่าเหตุการณ์ไว้ในบันทึกเรื่องราวภัยพิบัติ ของ ไกอัส พลินิอัส ไมเนอร์ ที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

กว่า 1,800 ปี ที่ภูเขาไฟเวซูเวียสไม่เคยปะทุ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวเมืองปอมเปอีจะไม่รู้ว่ามันคือ ภูเขาไฟ จนถึงขั้นที่ว่าในภาษาลาตินไม่เคยมีการบัญญัติศัพท์คำว่าภูเขาไฟนี้มาก่อน แต่การหลับใหลของภูเขาไฟนั้น ยิ่งนานเท่าไหร่การระเบิดของมันก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แอ่งเก็บแมกม่าเดือดกว้างประมาณสามกิโลเมตร
ได้ก่อตัวขึ้นภายในภูเขาไฟวิสุเวียส มันถูกกักอยู่ภายในด้วยแมกม่าเก่าที่จุกอยู่

แต่ในที่สุดปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากน้ำและก๊าซก็ทำลายจุกลาวานั้น และภูเขาไฟวิสุเวียสก็ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ประกอบด้วยก๊าซร้อนจัด แมกม่า และเถ้าถ่านที่ก่อตัวเป็นหอคอยสูงขึ้นไปในท้องฟ้า แมกม่านั้นจะเย็นลงและตกลงมาบนผิวโลกในสภาพหินภูเขาไฟพรุน ซึ่งว่ากันว่าภูเขาไฟวิสุเวียสแห่งนี้ จะเกิดระเบิดขึ้นทุกๆ 2,000 ปี

กว่า 1,500 ปีต่อมา มีการขุดซากเมืองและบูรณะเป็นระยะๆ นับจากค.ศ.1748 ตราบจนปี 1860 การขุดสำรวจเริ่มเป็นไปตามหลักวิชาการมากขึ้นด้วยเทคนิคยุคใหม่ ทำให้ชาวโลกในปัจจุบัน ได้มีความรู้ข้อมูลที่มีค่ายิ่ง เกี่ยวกับชีวิตชาวโรมันในศตวรรษที่ 1 และนั่นหมายความว่า วิสุเวียส มีโอกาสระเบิดปะทุขึ้นอีกในอนาคต ย้อนรอยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาอีกก็เป็นได้…

ปอมเปอี เมืองมรณะ ดินแดนที่สาบสูญ...

ปัจจุบัน ปอมเปอี ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนโก และยังเป็นหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุด ของอิตาลี โดยมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2.5 ล้านคนต่อปี..


View Larger Map

ข้อมูลและภาพ : wiki / pichappy / flickr.com
เรียบเรียงโดย Travel MThai

บทความที่เกี่ยวข้อง

onesheet

ณ นครที่ทุกอย่างดับสูญ การแย่งชิงจะบังเกิด ในตัวอย่างใหม่ Pompeii