เที่ยวมัสยิดสวยรอบโลก ต้อนรับแสวงบุญเดือนรอมฎอน

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / เที่ยวมัสยิดสวยรอบโลก ต้อนรับแสวงบุญเดือนรอมฎอน

ทางเว็บไซต์ Skyscanner ได้รวบรวมมัสยิดสวย จากสถานที่ต่างๆ รอบโลก ไว้ให้นักเดินทางทั้งชาวไทยพุทธ ไทยคริสต์ ไทยอิสลามและทุกศาสนาความเชื่อที่รักการเดินทาง ไปแสวงหาความหมายของชีวิตในช่วงเทศกาลรอมฎอน เข้าร่วมงานประเพณีท้องถิ่นของเดือนรอมฎอนในประเทศต่างๆ และไปยลโฉมมัสยิดที่ขึ้นว่าเป็นมัสยิดที่สวยระดับโลก

เที่ยวมัสยิดสวยรอบโลก ต้อนรับแสวงบุญเดือนรอมฎอน 

ramadan_shutterstock_140783662_news

เดือนรอมฎอน (Ramadan) หมายถึงอะไร?

เดือนนี้มีที่มาว่าเป็นเดือนที่พระเจ้าของศาสนาอิสลาม ได้ประทานคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นหลักธรรมในการดำเนินชีวิตให้แก่ผู้มีศรัทธา คัมภีร์ที่ว่านั้นก็ คือ คัมภีร์อัลกุรอ่าน โดยมหาคัมภีร์เล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องราวศาสตร์ในแขนงต่างๆ ที่โยงใยถึงความสัมพันธ์ของมนุษยชาติ กับพระเป็นเจ้าและทุกสรรพสิ่งในจักรวาลเข้าไว้ด้วยกัน และได้มีพะศาสดาเป็นตัวอย่างแห่งการปฏิบัติตน เพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์โลกให้ชาวอิสลามได้ปฏิบัติตาม

ซึ่งแน่นอนว่า การปฏิบัติตนในช่วงเดือนรอมฎอนนั้น ก็จะต้องมีความสอดคล้องกับหลักธรรมในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ โดยในปีนี้วันแรกเริ่มของการถือศีลอด คือ วันที่ 1 รอมฏอน โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 29 มิถุนายน 2557 ซึ่งถือเป็นเดือนที่ 9 ตามปฏิทินอิสลาม แต่การถือศีลอดนั้น ได้มียกเว้นเฉพาะสำหรับหญิงมีครรภ์ เด็ก คนเจ็บ คนแก่ และคนเดินทาง โดยในส่วนของคนเดินทางนั้นจะต้องถือศีลอดในช่วงเวลาอื่นเป็นการชดเชย

การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน

หลักการถือศีลอด คือ การงดรับประทานอาหารทุกชนิดในช่วงเวลากลางวัน ตั้งแต่รุ่งสางไปจนถึงตะวันลับขอบฟ้า และจะต้องคอยระมัดระวังมิให้มีสิ่งใดเข้าไปในเขตทวารต่างๆ ของร่างกาย อันได้แก่ ทวารหนัก ทวารเบา จมูก ปาก หู และตา และผู้ที่ถือศีลอดนั้นจะต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ระงับความคิดฟุ้งซ่านที่ไม่ดีต่างๆ และในเขตทางภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีชุมชนอิสลามขนาดใหญ่อยู่นั้น ก็จะมีพิธีละหมาดร่วมกันในยามกลางคืนอีกด้วย การถือศีลอดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวอิสลามได้ใคร่ครวญถึงการกระทำอันสมควรที่พระเป็นเจ้าได้สอนสั่ง และให้เกิดความเห็นอกเห็นใจแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อันจะน้อมนำมาซึ่งสันติสุข ความช่วยเหลือเกื้อกูลและภราดรภาพในโลกมนุษย์

มัสยิดศักดิ์สิทธิ์ที่งามวิจิตรที่สุดในโลก 10 แห่ง

มัสยิดอากุงแห่งบันดาร์อาเจะห์ (Masjid Agung Baiturrahman-The Great Mosque) เมืองบันดาร์อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย 

indonesia_banda-aceh_baiturrahman-grand-mosque_shutterstock_92244928_fb

มัสยิดโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 12 แต่ถูกไฟไหม้ใหญ่ในช่วงสงครามเมืองในอดีต และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1879-1881 สถาปัตยกรรมการออกแบบ และตกแต่งของมัสยิดแห่งนี้ ได้อิทธิพลมาจากศิลปะโมกุลของชาวเปอร์เซีย และชาวตุรกีที่มีลักษณะโอ่อ่า มัสยิดแห่งนี้ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองอาเจะห์ และเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดของแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

มัสยิดซีอาน (Great Mosque of Xi’an) เมืองซีอาน ประเทศจีน

china_xian_great-mosque_fb

มัสยิดในเขตเอเชียอาคเนย์บนประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีอายุกว่า 1300 ปี ที่คาดว่าถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 742 ในช่วงของราชวงศ์ถัง เพราะถังไจ่ฮ่องเต้นั้นทรงมีจิตเมตตากุศล เปิดรับทุกศาสนา โดยศาสนาอิสลามนั้นได้รับการเผยแพร่เข้ามาจากพ่อค้าชาวเปอร์เซีย ที่เข้ามาตั้งรกรานบนแผ่นดินจีน มัสยิดแห่งนี้มีงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรมศิลปะจีนผสมอาหรับ โดยลักษณะตัวอาคารจะคล้ายๆ กับวัดจีนทั่วไป แต่ลวดลายการตกแต่งตามผนังภายในจะเป็นงานศิลปะของตะวันออกกลาง ถือเป็นมัสยิดที่ทั้งเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์ และยังมีความงามของศิลปะจากสองทวีปที่ผสมผสานกันได้อย่างสวยงาม โดดเด่นมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง

มัสยิดสุลต่านโอมาร์อาลี (Sultan Omar Ali Saifuddin Mosque) เมืองบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน

brunei_bandar-seri-begawan_sultan-omar-ali-saifuddin-mosque_shutterstock_163661219_fb

มัสยิดหินอ่อนอันโอ่อ่าของกษัตริย์บรูไน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในมัสยิดที่สวยที่สุดในเขตเอเชียแปซิฟิก วัสดุก่อสร้างหลักของมัสยิดได้ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศโดยตรง เช่น หินอ่อนจากอิตาลี หินแกรนิตจากเซี่ยงไฮ้ และโคมไฟระย้าจากอังกฤษ บริเวณยอดโดมนั้นก็ประดับด้วยแผ่นทองคำแท้ถึง 3.3 ล้านแผ่น มัสยิดแห่งนี้นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ของประเทศแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของบรูไนอีกด้วย

มัสยิดไบตุล มุคคาร์ราม (Baitul Mukarram Mosque) เมืองธากา ประเทศบังกลาเทศ

bangladesh_dhaka_baitul-mukarram-mosque_fb

มัสยิดประจำชาติของชาวบังกลาเทศ ที่เริ่มสร้างในช่วงต้นของปีทศวรรษ 1960 และเสร็จสิ้นการก่อสร้างในปี ค.ศ. 1968 โดยได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง อับดุลฮุสเซน (T Abdul Hussain Thariani) โดยรูปแบบสถาปัตยกรรมนั้นได้ทำการจำลองแบบมาจากมัสยิดล้อมอัลละฮอมแห่งเมืองมักกะห์ และการตกแต่งนั้นได้รับอิทธิพลทั้งจากศิลปะอินเดียและเปอร์เซีย มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขยายพื้นที่ในภายหลัง เพื่อรองรับจำนวนคนที่เข้ามาสวดมนต์เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 10 ของโลก

มัสยิดตาจอุล (Taj’ul Mosque) เมืองโภปาล ประเทศอินเดีย

india_bhopal_tajul-mosque_shutterstock_89225644_fb

มัสยิดหินอ่อน ที่มีงานสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกที่สวยงาม มีจิตรกรรมและประติมากรรมเพดานที่หรูหรา มีงานสถาปัตยกรรมผสมของศิลปะโมกุลอันสวยงาม มีความโดดเด่นด้วยโดมหินอ่อนสูง 18 ชั้น จำนวน 3 โดม ตัวอาคารสีชมพูตามความนิยมของชาวอินเดีย ซุ้มและโถงทางเดินที่โอ่โถง มัสยิดแห่งนี้นอกจากจะใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว ยังเป็นโรงเรียนอิสลามประจำเมืองอีกด้วย

มัสยิดสีฟ้าแห่งมาซาร์ อี ชารีฟ (Blue Mosque/ Shrine of Ali) เมืองมาซาร์-อี-ชาริฟ ประเทศอัฟกานิสถาน

afganistan_mazar-e-sharif_blue-mosque_fb

มัสยิดสีฟ้าครามอันสวยงามวิจิตร กระเบื้องทุกแผ่นที่ใช้ในการตกแต่งมัสยิดนี้ ได้รับการทำลวดลายดอกไม้จากการตัดกระเบื้องสีชิ้นเล็กๆ แล้วมาประกอบกันเป็นลายดอกไม้บนกระเบื้องแผ่นใหญ่ มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสุสานของอาลี ผู้ซึ่งเป็นลูกเขยของพระศาสดาโมฮัมหมัด ผู้นำแห่งศาสนาอิสลาม ตามความเชื่อของชาวเมืองแห่งนี้เล่ากันว่าร่างของท่าอาลีที่ถูกซ่อนมาบนหลังของอูฐ เพื่อหลบหนีข้าศึกนั้นได้ถูกฝังลงในแผ่นดินแห่งนี้ แต่ไม่สามารถหาพิกัดได้ และท่านอาลีได้มาเข้าฝันชาวเมืองถึงสถานที่ฝังร่างของท่าน หลังจากนั้นจึงได้มีการขุดค้นพบสุสานของท่านและได้สร้างมัสยิดครอบสุสานขึ้น เพื่อระลึกถึงและเป็นเกียรติให้แก่ผู้นำอิสลามแห่งอัฟกานิสถานท่านนี้ ในบริเวณมัสยิดยังมีต้นไม้ที่ประดับด้วยนกพิราบสีขาว ตามความเชื่อของชาวพื้นเมืองว่ามัสยิดแห่งนี้ เป็นสัญลักษณ์ถึงสันติภาพ และความสงบสุขอีกด้วย

มัสยิดเชค ซาเยด (Sheikh Zayed Mosque) เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 

uae_abu-dhabi_sheikh-zayed-grand-mosque_shutterstock_122304352_fb

มัสยิดของสุลต่านที่หรูหราอลังการอีกแห่งหนึ่ง แม้ว่ามัสยิดแห่งนี้จะมีอายุเพียงแค่ 7 ปีเท่านั้นแต่ก็ได้ไต่อันดับขึ้นเป็นแลนด์มาร์คสำคัญอันดับ 2 ของโลกในปีนี้ จากนักท่องเที่ยวรอบโลก ตัวอาคารของมัสยิดนั้นสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหมด และส่วนของสีทองประดับนั้นก็ชุบด้วยทองคำแท้ พื้นที่ของมัสยิดทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 30 เอเคอร์ (ราว 75.87 ไร่) และใช้เวลาการก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 – ค.ศ. 2007 จึงจะแล้วเสร็จ นอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่สำคัญของประเทศแล้ว ยังมีส่วนของห้องสมุดขนาดใหญ่ที่รวบรวมความรู้ของศาสตร์ด้านต่างๆ ไว้มากมาย ในหลากหลายภาษา และเอกสารสำคัญๆ ในอดีตที่มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีอีกด้วย

มัสยิดนาบาวี หรือ มัสยิดแห่งมาดีนะห์ (Al-Masjid al-Nabawi/ Prophet’s Mosque) เมืองมาดีนะห์ ใกล้กับสนามบินเมืองเจดดะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย

saudi-arabia_medina_al-masjid-al-nabawi_shutterstock_50904472_fb

ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 622 ปีก่อนคริสตกาล มัสยิดแห่งนี้ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวอิสลาม ที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของโลก รู้จักกันในนามว่า “มัสยิดของท่านศาสดา” เพราะสร้างขึ้นโดยพระศาสดาของศาสนาอิสลาม “มูฮัมหมัด” โดยแต่เดิมนั้นมัสยิดแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมต่อกับบ้านของท่าน ว่ากันว่าการตกแต่งภายในของมัสยิดแห่งนี้เต็มไปด้วยปริศนาโค้ดลับของศาสนาอิสลามอยู่ตามลวดลายกำแพงและผนังเสาต่างๆ และรหัสลับเหล่านี้ก็สานต่อเรื่องราวของศาสนาอิสลามและคำสอนได้อย่างฉลาดและแยบยล มัสยิดแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญทางศาสนา ที่ทำการศาล ที่ทำการสมาคมท้องถิ่นและโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามอีกด้วย

มัสยิดล้อมอัลละฮอม (Al-Masjid Al-Haram) เมืองมักกะห์ ใกล้กับสนามบินเมืองเจดดะห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย 

saudi-arabia_mecca_shutterstock_104837168_fb

ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ 636 ปีก่อนคริสตกาล เป็นมัสยิดที่มีความสำคัญที่สุดของโลกและถือเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่สามารถจุคนได้ถึง 4 ล้านคน มัสยิดแห่งนี้ยังรู้จักกันในนาม “แกรนด์มัสยิด” (Grand Mosque) อีกด้วย ในแต่ละปีจะมีชาวอิสลามจากทั่วทุกมุมโลกแห่แหนไปแสวงบุญและสักการะมัสยิดศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ในช่วงเวลาของการประกอบพิธีฮัจญ์หรือฮัจย์ (Haj) เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิต

มัสยิดฮัซซัน 2 (The Hassan II Mosque or Grande Mosquée Hassan II) เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมร็อกโก

morocco_casablanca_the-hassan-ii-mosque_shutterstock_73259968_fb_0

มัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของโลกและใหญ่ที่สุดในประเทศโมร็อกโกและในเขตอาฟริกา สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1993 โดยภายในอาคารสามารถจุคนได้ถึง 25000 คน และในบริเวณลานอเนกประสงค์ภายนอกนั้น สามารถจุคนได้มากกว่า 80000 คน กองทุนในการสร้างมัสยิดแห่งนี้ มาจากผู้มีจิตศรัทธามากมายจากทั้งประชาชนในประเทศและชาวอิสลามจากทั่วทุกมุมโลก การตกแต่งมีความโอ่อ่าและสวยงามตามลักษณะผสมของศิลปะอิสลาม ศิลปะมัวร์ และงานฝีมือพื้นบ้านของโมร็อกโก ในบริเวณด้านนอกของมัสยิดนั้น ก็มีน้ำพุประดับถึง 40 แห่งอีกด้วย

ข้อมูลและภาพจาก skyscanner.co.th