เที่ยวสกอตแลนด์ ตอนที่ 2 บุกพิพิธภัณฑ์ ตามหาชาติพันธุ์

ก็อย่างที่เคยพูดไว้ว่า หากไปเที่ยวที่ไหนก็ต้องลงลึกแบบล้วงลับตับแตกให้ถึงกึ๋น ว่าบ้านนี้เมืองนี้เคยเป็นมาอย่างไร

แล้วใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร หากล้วงไม่ได้ก็ต้องลงไปสัมผัสกับวิถีชีวิต เพื่อให้การเดินทางทุกครั้งมีความหมายที่คุ้มค่านั่นคือ การได้พบเพื่อนใหม่ที่อยู่คนละซีกโลก ได้เรียนรู้ได้สัมผัสกับชีวิตจริงที่แตกต่าง นี่แหละคือการเดินทางที่ค้นหา

เที่ยวสกอตแลนด์ ตอนที่ 2 บุกพิพิธภัณฑ์ ตามหาชาติพันธุ์

ยังสาละวนอยู่ที่ เอดินบะระ เพราะยังอยากรู้ว่ามีดีอะไรอีกและแล้วก็รู้มาว่า เอดินบะระนี่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นแหล่งมรดกโลก และมรดกทางวัฒนธรรมซะด้วย แถมยังเป็นที่ยอมรับในเรื่องของสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามแบบฉบับทางประวัติศาสตร์ยุโรป ที่มีมากว่า 4,500 ปีก่อน โดยเฉพาะปราสาทเอดินบะระ และการผสมผสานเมืองใหม่กับเมืองเก่าได้อย่างกลมกลืนที่ย่าน New Town ได้จดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกไปแล้วเมื่อปีค.ศ.1995 สถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งคือถนนรอยัลไมล์ ซึ่งเป็นถนนที่สร้างตามแนวสันเขาเชื่อมโยงปราสาทเอดินบะระกับพระราชวังเปรียบเสมือนการเชื่อมโยงพื้นที่ประวัติศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน ปราสาทเอดินบะระมีพื้นที่ขนาดใหญ่ทำเอาทึ่งแล้วพาให้หวลนึกถึงความมานะพยายามของคนยุคนั้น ที่สามารถก่อสร้างปราสาทขนาดนี้ด้วยมือล้วนๆ โดยปราศจากเครื่องจักรหรือเครื่องทุนแรงใดๆ

สลัดความตะลึงให้ฟื้นสู่ความเป็นจริงแล้ว บุกตะลุยค้นหาชาติพันธุ์กันในศูนย์รวมประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าคงไม่มีที่ไหนถ้าไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ เพราะพิพิธภัณฑ์ของทุกประเทศ มักจะเก็บความเป็นมาในอดีตให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันไว้อย่างสมบูรณ์

National Museum of Scotland (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสกอตแลนด์) ตั้งอยู่บนถนน Queen Street เป็นพิพิธภัณฑ์ที่โอ่อ่ากว้างขวาง ซึ่งเก็บรวบรวมโบราณวัตถุวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของประเทศสกอตแลนด์ ตั้งแต่ยุคกลางไว้อย่างครบครันรวมทั้งงานศิลปะวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ รวมถึงวัฒนธรรมของโลก เช่น สิ่งประดิษฐ์จากทั่วโลก ที่รวมถึงสิ่งที่ค้นพบทางธรณีวิทยา

ภายในมีหลายชั้น และแต่ละชั้นก็จะแบ่งเป็นห้องจัดแสดงงาน นอกจากสิ่งที่ค้นพบทางโบราณคดีของประเทศแล้ว ยังมีนิทรรศการมากมาย เช่น วัฒนธรรมของชาติต่างๆ อย่างอียิป และเอเชียตะวันออก อีกทั้งยังมีรูปปั้นขนาดใหญ่เรือโบราณจัดแสดงตามจุดต่างๆ บริเวณห้องโถงกลาง ซึ่งจำนวนผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เยอะมากมีทั้งเด็กผู้ใหญ่คนชราทั้งคนพื้นเมืองและนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก อาจเป็นเพราะว่าค่าเข้าชมนั้นฟรี ด้วยนะขอบอกแต่คุ้มเกินคุ้มควรมากันแต่เช้า เพราะจะใช้เวลานานมากเนื่องจากห้องจัดแสดงนั้นมีเยอะ เรียกว่าเดินกันเท้าระบมเลยหล่ะ

เมื่อตามหาชาติพันธุ์ชาวสกอตได้หนำใจ แล้วก็ขอออกจากอดีตมุ่งสู่ชีวิตปัจจุบันของชาวสกอตกันบ้าง ชาวยุโรปไม่ว่าจะประเทศไหน มักจะชอบออกมาเริงร่าในยามค่ำเหมือนกันหมด แต่ไม่ใช่ว่าจะออกมาเมากันซะเมื่อไหร่แต่พวกเขามักชอบนัดเพื่อนฝูงในยามค่ำ เพื่อที่จะไปดูหนังดูละครกันต่างหาก ซึ่งหากเป็นประเทศสกอตแลนด์แล้วก็ต้องที่นี่เลย

Playhouse (เพลย์เฮ้าส์) ตั้งอยู่ที่เมืองเอดินบะระนี่แหละ ซึ่งในอดีตเป็นโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นโรงละครและสถานที่แสดงดนตรีเหมือนกับโรงละครโอเปร่า มีขนาดความจุ 3,059 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นที่มีความลดหลั่นกันน่าจะประมาณหกชั้นเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม

โรงละครแห่งนี้ ตอนกลางคืนจะดูสวยงามกว่าตอนกลางวันนะเราว่า แต่ดันไปได้ยินเรื่องเล่าที่ล่ำลือกันมาว่าโรงละครแห่งนี้มีผีสิง โดยมักจะมีคนเห็นผู้ชายในชุดสีเทาปรากฏกายที่นั่งชั้นหกของโรงละคร แต่มันก็นานมาแล้วดีไม่ดีอาจเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อนก็ได้ แต่ช่างเถอะคนออกเยอแยะถึงเจอก็คงพูดกันไม่รู้เรื่อง เพราะชาวสกอตน่ะเขามีภาษาเป็นของตัวเอง

บรื๋อ… ไม่เอาแล้วเข้านอนดีกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปขึ้นเขาชมวิวเมืองเอดินบะระ ให้ชุ่มปอดก่อนบอกลาแล้วไปต่อกันที่เมืองใหม่ที่ใหญ่อลังการเตรียมตัวให้พร้อมแล้วพรุ่งนี้เจอกัน

เรื่องโดย Omyim

บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com