20 เมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / 20 เมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก

สำนักพิมพ์เทเลกราฟ เผยรายชื่อ “20 อันดับเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก” ซึ่งคัดมาจากหนังสือ “ไทม์เอาท์’ส  ไกด์ ทู เดอะ เวิลด์’ส เกรทเทส ซิตี้” โดยพิจารณาจากระยะเวลาในการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน ปรากฏ 20 เมืองต่างๆ ดังต่อไปนี้

20 เมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก

 

20. เมืองพาราณสี (Varanasi) ประเทศอินเดีย

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,000 ปีก่อนคริสตกาล

Varanasi-and-Ganges-7

เมืองพาราณสี” ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา เดิมมีชื่อว่า “เบนาเรส” ถือเป็นเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งในศาสนาพุทธและฮินดู ตามตำนานเล่าว่าเมืองพาราณสีสร้างขึ้นโดยพระศิวะเมื่อเกือบ 5 พันปีก่อน แต่นักวิชาการสมัยใหม่เชื่อว่าพาราณสีน่าจะมีอายุกว่า 3 พันปีเท่านั้น

 

19. เมืองคาดิซ (Cadiz) ประเทศสเปน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,100 ปีก่อนคริสตกาล

Cadiz

เมืองคาดิซ ตั้งอยู่บนแหลมที่ยื่นออกไปในอ่าวคาดิซ (มหาสมุทรแอตแลนติก) เป็นที่ตั้งของกองทัพเรือสเปนมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 ในยุคแรกๆ เมืองนี้เคยถูกพ่อค้าชาวฟีนิเชียใช้เป็นจุดซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้า ต่อมาได้ตกเป็นอาณานิคมของชาวคาร์เธจ (ราว 500 ปีก่อนคริสตกาล) และได้กลายเป็นฐานในการแย่งชิงดินแดนในคาบสมุทรไอบีเรียของแม่ทัพฮานนิบาล ในเวลาต่อมาเมืองคาดิซได้ตกเป็นของชาวโรมัน และมัวร์ ตามลำดับ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ในยุคการสำรวจทางทะเล

 

3 อันดับต่อไปนี้ ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *

 

16. เมืองธีบส์ (Thebes) ประเทศกรีซ

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

1280px-20111106_Egypt_0879_Thebes_Deir_el-Bahri

ในอดีตธีบส์ เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจของชาวเอเธนส์โบราณ ทั้งยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุด (และเป็นผู้นำ) แห่งแคว้นโบเธีย ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสปาร์ตากับเอเธนส์ (ในสมัยโบราณดินแดนต่างๆ ของกรีก มักจะทำสงครามสู้รบกันเอง) แม้จะอยู่ในดินแดนกรีกแต่ธีบส์กลับเลือกยืนอยู่ข้างชาวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นศัตรูที่มักบุกเข้ามาทำสงครามกับกรีกหลายครั้ง ถึงขนาดให้ความช่วยเหลือกษัตริย์เซอร์เซส ที่นำกองทัพเปอร์เซียบุกเข้าโจมตีกรีก เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่าชนเผ่าไมซีเนียนเป็นผู้บุกเบิกและเข้ามาก่อตั้งถิ่นฐานที่เมืองธีบส์เป็นกลุ่มแรกๆ  ปัจจุบัน อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่อย่างเมืองธีบส์กลับกลายเป็นเพียงมาร์เก็ตทาวน์เล็กๆ แต่เนื่องจากมีทัศนียภาพที่งดงามจึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาเยี่ยมเยียนเสมอ

 

16. เมืองลาร์นาคา (Larnaca) ประเทศไซปรัส

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

larnaka sea front2

เมืองลาร์นาคา ก่อตั้งโดยชาวฟีนิเชีย ในอดีตมีชื่อว่า “Citium” ปัจจุบัน เป็นเมืองท่าที่สำคัญและเป็นเมืองรีสอร์ทริมทะเลที่ขึ้นชื่อ โดยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นแนวต้นปาล์มที่สวยงามริมชายหาด ซึ่งมีอยู่หลายแห่งด้วยกัน

 

16.  เมืองเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีซ

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,400 ปีก่อนคริสตกาล

100279-004-1E34202D

เอเธนส์ เป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมตะวันตกและเป็นต้นกำเนิดของประชาธิปไตย ทั้งยังเป็นที่ตั้งของวิหารพาร์เธนอนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530 รวมทั้งโบราณสถานเก่าแก่สมัยกรีก โรมัน ไบแซนไทน์ และออตโตมัน ปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโลก และมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเดินทางไปเยือนในแต่ละปี

 

15. เมืองบัลข์ (Balkh) ประเทศอัฟกานิสถาน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล

balk

บัลข์ หรือที่รู้จักกันในยุคกรีกโบราณภายใต้ชื่อ “แบคตรา” (เป็นเมืองหลวงของอาณาจักร “แบคเตรีย” หรือดินแดนโบราณยุคประวัติศาสตร์ในเอเชียกลาง) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถาน ครั้งหนึ่งเคยได้รับสมญานามจากชาวอาหรับว่าเป็น ‘Mother of Cities’ มีความเจริญรุ่งเรืองมากในสมัย  2,500-1,900 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนที่อาณาจักรเปอร์เซียและมีเดียจะเรืองอำนาจ ปัจจุบัน ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตฝ้ายประจำภูมิภาค

 

14. เมืองกีร์กูก  (Kirkuk) ประเทศอิรัก

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,200 ปีก่อนคริสตกาล

kirkuk-03

กีร์กูก อยู่ห่างไปทางตอนเหนือของกรุงแบกแดดราว 150 ไมล์ (241 ก.ม.) ตั้งอยู่บนพื้นที่ๆ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิแอสซีเรีย (ส่วนหนึ่งของเมโสโปเตเมีย) ที่มีชื่อว่า “Arrapha” แม้ว่าปัจจุบัน กีร์กูก จะกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของอิรัก แต่กำแพงและซากปรักหักพังของป้อมปราการเก่าแก่อายุเกือบ 5 พันปียังคงปรากฏให้เห็นตราบจนกระทั่งทุกวันนี้

 

13. เมืองอาร์บิล (Arbil) ประเทศอิรัก

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,300 ปีก่อนคริสตกาล

Hawler_Castle

เมืองอาร์บิล ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองกีร์กูก ในอดีตเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิแอสซีเรีย เปอร์เซีย ซาสซาเนีย อาหรับ และออตโตมัน ทั้งยังเคยเป็นเมืองสำคัญบนเส้นทางสายไหมในสมัยโบราณ ปัจจุบัน ป้อมปราการและกำแพงเมืองเก่าแก่ที่อยู่สูงจากระดับพื้นดิน 26 เมตรของเมืองอาร์บิล ยังคงปรากฏให้เห็นและถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง

 

12. เมืองไทร์ (Tyre) ประเทศเลบานอน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,750 ปีก่อนคริสตกาล

27961882

เมืองไทร์ เป็นต้นกำเนิดของตำนาน “เทพียูโรปา” และ “เจ้าหญิงดิโด้ (Dido) หรือ Elissa” นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกที่มีชื่อว่า เฮโรโดตัส (Herodotus) ซึ่งได้รับสมญานามว่า “บิดาแห่งประวัติศาสตร์” เป็นผู้บันทึกเอาไว้ว่าเมืองไทร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อราว 2,750  ปีก่อนคริสตกาล ในอดีตเมืองนี้เคยถูกอเล็กซานเดอร์มหาราช (กรีก) บุกเข้ายึดครองต่อมาได้รับเอกราชและกลายเป็นจังหวัดหนึ่งของโรมัน ปัจจุบัน เมืองไทร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ เนื่องจากมีโบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โรมัน ฮิปโปโดรม” ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522 )

 

11. เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) ประเทศอิสราเอล

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 2,800 ปีก่อนคริสตกาล

Jerusalem-City-31

เยรูซาเล็ม เป็นศูนย์กลางแห่งจิตวิญญาณของชาวยิว และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับที่ 3 ในศาสนาอิสลาม ทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางศาสนาหลายแห่ง อาทิ โดมทองแห่งเยรูซาเล็ม (ในภาพ) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างของอิสลามที่เก่าที่สุดในโลก, กำแพงตะวันตก หรือกำแพงร้องไห้,  โบสถ์แห่งสุสานศักดิ์สิทธิ์ และสุเหร่า อัล-อักซา เป็นต้น ในอดีตเยรูซาเล็มเคยถูกข้าศึกล้อม 23 ครั้ง ถูกโจมตี 52 ครั้ง ถูกยึด 44 ครั้ง และถูกทำลาย 2 ครั้ง

 

10. เมืองเบรุต (Beirut) ประเทศเลบานอน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล

Beirut-in-Lebanon_Ancient-ruins_3195

เบรุต เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 5 พันปี ปัจจุบันเป็นทั้งเมืองหลวง ศูนย์กลางการบริหาร วัฒนธรรม  และเศรษฐกิจ ของประเทศเลบานอน จากการขุดค้นทางโบราณคดีปรากฏหลักฐานของชาวฟินิเชีย อารยธรรมเฮลเลนิสติก โรมัน อาหรับ และออตโตมัน (ทั้งยังถูกกล่าวถึงเป็นลายลักษณ์อักษรในจดหมายที่ส่งถึงกษัตริย์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ในสมัยศตวรรษที่ 14 ก่อนคริสตกาลอีกด้วย) หลังสิ้นสุดสงครามกลางเมือง เบรุต ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา จึงได้รับการจัดอันดับจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทม์ ว่าเป็นสุดยอดสถานที่ที่ควรไปเยือนในปี 2009 และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เมืองที่มีชีวิตชีวามากที่สุดในโลก ประจำปี 2009 โดยโลนลี่ แพลนเน็ตอีกด้วย

 

9. เมืองกาเซียนเต็ป (Gaziantep) ประเทศตุรกี

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 3,650 ปีก่อนคริสตกาล

gaziantep1

เมืองกาเซียนเต็ป ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศตุรกี ใกล้พรมแดนประเทศซีเรีย มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ยุคของชาวฮิทไทท์ซึ่งเป็นชนโบราณ บริเวณใจกลางเมืองเป็นที่ตั้งของป้อมปราการราวันด้า ที่ถูกบูรณะซ่อมแซมโดยอาณาจักรไบแซนไทน์ในสมัยศตวรรษที่ 6 และเป็นที่ซึ่งมีการค้นพบศิลปะแบบโมซาอิของชาวโรมัน

 

3 อันดับต่อไปนี้ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *

 

6. เมืองพลอฟดิฟ (Plovdiv) ประเทศบัลแกเรีย

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล

filename-anti4en-fantastika

พลอฟดิฟ เป็นเมือง (จังหวัด) ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศบัลแกเรีย ก่อตั้งโดยชาวเทรเชียนโบราณ ต่อมาได้กลายเป็นเมืองสำคัญของชาวโรมัน หลังจากนั้นจึงตกอยู่ภายใต้การครอบครองอาณาจักรไบแซนไทน์ และออตโตมัน ก่อนที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศบัลแกเรีย เมืองนี้เป็นศูนย์กลางด้านวัฒนธรรมที่สำคัญ ทั้งยังมีโบราณสถานและอารยธรรมโบราณหลายแห่งหลงเหลือให้เห็นในปัจจุบัน อาทิ อัฒจันทร์และรางน้ำสมัยโรมัน ตลอดจนโรงอาบน้ำของจักรวรรดิออตโตมัน เป็นต้น

 

6. เมืองไซดอน (Sidon) ประเทศเลบานอน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล

sidon-04

เมืองไซดอน อยู่ห่างไปทางตอนใต้ของเมืองเบรุตราว 25 ไมล์ (40 ก.ม.) ถือเป็นเมืองสำคัญที่สุด และ (อาจ) เก่าแก่ที่สุดของชาวฟินิเชีย ทั้งยังเป็นรากฐานด้านการค้าอันยิ่งใหญ่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของชาวฟินิเชียอีกด้วย กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่งพระเยซูและเซนต์ปอล เคยเดินทางไปเยือนเมืองไซดอน รวมทั้งอเล็กซานเดอร์มหาราชที่บุกยึดเมืองกล่าวเมื่อ 333 ปีก่อนคริสตกาลด้วย

 

6. เมืองฟายุม (Faiyum) ประเทศอียิปต์

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,000 ปีก่อนคริสตกาล

widan_el_faras_qatrani

ฟายุม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองไคโร บนพื้นที่ๆ เคยเป็นส่วนหนึ่งของเมือง “Crocodilopolis” หรือ “อาร์สินี” ในสมัยอียิปต์โบราณซึ่งเคารพบูชาจระเข้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อว่า “Petsuchos ” ปัจจุบัน เมืองฟายุม มีห้างร้านขนาดใหญ่ มัสยิด และโรงอาบน้ำหลายแห่ง ทั้งยังมีปิรามิด Lehin และ Hawara ตั้งอยู่บริเวณด้านนอกของตัวเมืองอีกด้วย

 

5. ซูซา (Susa) ประเทศอิหร่าน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,200 ปีก่อนคริสตกาล

43374804

ในอดีต “ซูซา” เคยเป็นเมืองหลวงของเอลามหรือจักรวรรดิเอลาไมท์ ก่อนที่จะถูกจักรวรรดิอัสซีเรียเข้ายึดครอง ต่อมาเมืองซูซาได้ถูกจักรวรรดิเปอร์เชียอคีเมนียะห์ ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิไซรัสมหาราชเข้ารุกราน และได้กลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิดังกล่าวในเวลาต่อมา… เมืองซูซายังเป็นต้นกำเนิดของละครเรื่อง “เดอะ เปอร์เซียน” ซึ่งแต่งโดยนักประพันธ์ชาวกรีกที่มีชื่อว่า “เอสชิลุส” (บิดาแห่งโศกนาฎกรรมกรีก) และได้ชื่อว่าเป็นละครเก่าแก่ที่สุดที่ยังคงถูกนำมาแสดงอยู่ตราบจนปัจจุบัน ทุกวันนี้เมืองซูซาโบราณได้กลายเป็นเมืองยุคใหม่ภายใต้ชื่อ “ชูสห์” ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดคูเซสถานและมีประชากรอาศัยอยู่ไม่ถึง 1 แสนคน

 

2  อันดับต่อไปนี้ก่อตั้งในเวลาใกล้เคียงกัน *

 

3. เมืองดามัสกัส (Damascus) ประเทศซีเรีย

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,300 ปีก่อนคริสตกาล

templeofbel_wideweb__430x251

บางตำราระบุว่า “ดามัสกัส” เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลก โดยระบุว่าอาจมีการตั้งถิ่นฐานของประชากรมาตั้งแต่สมัย 10,000 ปีก่อนคริสตกาล (ยังคงเป็นที่ถกเถียงอยู่ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม การตั้งรกรากถาวรที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดเริ่มต้นขึ้นหลังจากชาวอาราเมียนอพยพเข้ามา พร้อมทั้งริเริ่มระบบชลประทาน (คู คลอง) ซึ่งยังคงถูกนำมาใช้เป็นแนวทางในการก่อสร้างระบบชลประทานในปัจจุบัน… ดามัสกัส ถูกรุกรานจากชาติตะวันตกเป็นครั้งแรกโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช หลังจากนั้นได้ตกอยู่ในครอบครองของจักรวรรดิโรมัน ชาวอาหรับ และจักรวรรดิออตโตมันตามลำดับ ปัจจุบัน ดามัสกัส เป็นเมืองหลวงของซีเรียและเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมืองเก่าซึ่งมีโบราณสถานและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ให้เยี่ยมชมและศึกษามากมาย

 

3. เมืองอเล็ปโป้ (Aleppo) ประเทศซีเรีย

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 4,300 ปีก่อนคริสตกาล

18510_a704

อเล็ปโป้ เดิมมีชื่อว่าฮาลับ เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศซีเรีย (ราว 4.4 ล้านคน) น่าเสียดายที่เมืองใหม่ในปัจจุบันถูกสร้างทับพื้นที่ๆ เป็นเมืองโบราณ ทำให้การสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดีทำได้ยากมาก… ในสมัย 800 ปีก่อนคริสตกาลเมืองฮาลับเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวฮิทไทท์ ก่อนที่จะตกอยู่ภายใต้น้ำมือของจักรวรรดิอัสซีเรีย กรีก และชาวเปอร์เซีย หลังจากนั้น เมืองฮาลับยังถูกยึดครองโดยชาวโรมัน ไบแซนไทน์ อาหรับ และเคยถูกล้อมกรอบ 2 ครั้งในช่วงสงครามครูเสด หลังจากนั้นจึงตกเป็นของชาวมองโกล และจักรวรรดิออตโตมัน ตามลำดับ

 

2. เมืองบิบลอส (Byblos) ประเทศเลบานอน

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 5,000 ปีก่อนคริสตกาล

byblos004

เดิมทีเมืองนี้ถูกชาวฟินิเชียตั้งชื่อว่า “เกบัล” ภายหลังถูกตั้งชื่อใหม่เป็น “บิบลอส” โดยชาวกรีกที่นำเข้าต้นกกหรือปาปิรุสจากเมืองดังกล่าว… บิบลอส มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ยุคหินใหม่ (ซากโบราณสถานในยุคดังกล่าวยังคงปรากฏให้เห็นตราบจนปัจจุบัน) จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากมาย อาทิ วัดของชาวฟินีเชีย ปราสาทบิบลอส โบสถ์เซนต์จอห์น เดอะ แบพทิสต์ (สร้างในสมัยสงครามครูเสด) และกำแพงเมืองในยุคกลาง เป็นต้น

 

1. เมืองเยริโค (Jericho) ในเขตเวสต์แบงก์ ดินแดนปาเลสไตน์

เริ่มมีการตั้งรกรากของประชากรเมื่อราว 9,000 ปีก่อนคริสตกาล

800px-Sugar_Jericho_Mill

เยริโค ตั้งอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ได้ชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมานักโบราณคดีได้ขุดพบหลักฐานทางโบราณคดีมากกว่า 20 แห่งที่บ่งบอกว่ามีการตั้งถิ่นฐานอย่างต่อเนื่องในเมืองเยริโค โดยโบราณสถานเก่าแก่ที่สุดมีอายุมากถึง 11,000 ปี หรือเมื่อ 9,000 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบัน เป็นบ้านของประชากรราว 20,000 คน

 

 ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : http://paow007.wordpress.com/ telegraph.co.uk / wiki / flickr.com / tripadvisor.com