หนาวนี้ที่ เวียงสา – ดอยผาผึ้ง

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง, ภาคเหนือ, เที่ยวภูเขา / หนาวนี้ที่ เวียงสา – ดอยผาผึ้ง

เข้าสู่ธันวาคมปีนี้ ลมหนาวพัดมาทีพาเอาทั้งกายและใจสะท้าน ขนาดอยู่ในกรุงเทพฯ ยังหนาว และถ้าขึ้นเหนือจะหนาวขนาดไหน แถมเวลาก็เดินไวเหมือนโกหก ใกล้จะหมดไปอีกหนึ่งปีแล้ว หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง เกิดขึ้นมากมายในปีที่ผ่านมา มีทั้งดี และมีทั้งร้าย มีทั้งความวุ่นวาย โกลาหล ซึ่งทุกคนมิอาจหลีกเลี่ยง บางทีก็เบื่อเมืองใหญ่แล้วสิ ครั้งนี้จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋าเดินทางไปหาเมืองเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาและธรรมชาติ สัมผัสลมหนาวให้ฉ่ำกาย ฉ่ำปอด จนลืมความวุ่นวายในเมืองหลวงกันไปเลย

หนาวนี้ที่ เวียงสา – ผาผึ้ง

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

เมืองเล็กๆ ที่จะจุดหมายการเดินทางครั้งนี้ มีชื่อว่า ‘เวียงสา’ เป็นทางผ่านจากจังหวัดแพร่ไปสู่จังหวัดน่าน ทำให้เวียงสาได้ฉายาว่าประตูสู่เมืองน่าน ถึงเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็เล็กและน่ารัก เพราะคนเวียงสาสายสัมพันธ์แน่นเหนียว จับมือกลมเกลียวตั้งกลุ่มคนฮักเมืองเวียงสา ที่พยายามปลุกและปั้นเวียงสาให้กลายเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยววิถีชุมชนของน่าน เวียงสา เดิมทีมีชื่อว่าเวียงป้อ เป็นเมืองทางทิศใต้ของนครน่าน มีตำนานเล่าว่าเวลาเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงคราใดมักเรียกผู้คนที่มีจำนวนไม่มาก นัก มารวมกันที่ปากแม่น้ำสาซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำน่าน จึงทำให้เรียกกันในชื่อ อ.เวียงสา ในปัจจุบัน ถ้าชอบบรรยากาศวิถีชุมชนล่ะก็ แวะมาสัมผัสซึมซับที่เวียงสาแห่งนี้ รับรองจะไม่ผิดหวัง การเดินทางเที่ยวในเวียงสาแห่งนี้ แสนจะเรียบง่าย ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ เราจึงสามารถเดินเที่ยว หรือจะถีบจักรยานสองล้อชมเมืองก็ได้

และสำหรับใครที่หลงใหลในจักรยานเมื่อมาที่นี่ไม่ควรพลาด “เฮือนรถถีบ” ของ “ลุงสุพจน์ เต็งไตรรัตน์” ที่ตั้งอยู่ภายในปั๊มกลางเวียง

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

เฮือนรถถีบ เป็นแหล่งรวมรถจักรยานคลาสสิก เก่าแก่ หายาก มากหลาย อาทิ จักรยานเก่าแบบพับเก็บได้ และจักรยานเก่าจากยุโรปหลากหลายยี่ห้อ เช่น ราเลย์ กาเซีย โบบินฮูด ฟิลิปส์ นิวฮัทสัน จักรจานเก่าแบบชนิดจุดไฟที่หัวด้วยเทียน (ตะเกียง) รวมถึงจักรยานล้อโต 2 คัน ที่ซื้อมาจากพิพิธภัณฑ์เยอรมันซึ่งในเมืองไทยมีเพียงที่นี่ที่เดียวซึ่งถ้า หากใครอยากจะขี่จักรยานเที่ยวแบบเรื่อยๆ ชิลๆ ปั่นชมบ้านชมเมือง ชมวิถีชีวิต ทั้งในเวียง ท้องทุ่ง สวน และบรรยากาศริมน้ำ ก็สามารถเช่าจักรยานจากคุณลุงสุพจน์กันได้

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

นัดพบที่หน้าอำเภอไม่ไกลจากเฮือนรถถีบ จะเป็นโซนใจกลางเมือง (กลางเวียง) ด้านหนึ่งเป็นที่ว่าการอำเภอที่เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น ทรงคลาสสิก สวยงามสมส่วน มีหน้ามุขยื่นออกมาดูโดดเด่น ซึ่งในหลวงและพระราชินีเคยเสด็จมาประทับ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเยี่ยมราษฎรภาคเหนือครั้งแรกความคลาสสิ คสวยงามของที่ว่าการอำเภอแห่งนี้ ยังคงอยู่ได้ด้วยความพยายามอนุรักษ์อาคารเก่า อันทรงคุณค่าหลังนี้เอาไว้

โดยจะปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำอำเภอ ที่ทุกคนเข้ามาร่วมเรียนรู้วิถีวัฒนธรรมของเวียงสาร่วมกันได้

ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอหลังเก่า คือ วัดบุญยืน อารามหลวงที่เก่าแก่มาก อายุกว่า 200 ปี วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถที่มีหลังคาลดหลั่นกันลงมา ด้านหน้า พระอุโบสถมีประตูไม้แกะสลักเป็นรูปเทวดา ลายพรรณพฤกษา ด้านหลังมีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เก่าแก่ เดินเข้ามาภายในพบองค์พระประธาน เป็นพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก สร้างด้วยปูนปิดทองทั้งองค์ แปลกตาตรงที่พระพุทธรูปนั้นสง่างาม สวยแบบขลังๆ เปี่ยมศรัทธายิ่งนัก

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

 

แวะดอยแสนหวานนามว่า “ดอยผาผึ้ง”

ออกเดินทางจากเวียงสา มายัง “ผาผึ้ง” ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน (อยู่ห่างจาก อ.เวียงสา ประมาณ 120 กม.) มาสัมผัสอากาศหนาวบน ดอยผาผึ้ง ซึ่งอยู่บริเวณหมู่บ้านมณีพฤกษ์ หมู่บ้านชาวม้งที่อพยพมาจากจีน เพื่อมาตั้งถิ่นฐาน และทำการเพาะปลูกอยู่บริเวณนี้ ดอยผาผึ้งเป็นภูเขาหินปูนสูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร ซึ่งไม่มีต้นไม้ใหญ่มากนัก ส่วนมากจะเป็นทุ่งหญ้าคา มีลักษณะเหมือนดอยภูแว ที่ดอยผาผึ้งนี้เป็นจุดชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้อย่างสวยงาม อีกทั้งยังเห็นทัศนียภาพของสันดอยภูแวและดอยช่อได้ดอยผาผึ้งเป็นป่าต้นน้ำ ลำธารผืนสุดท้ายของลำห้วยน้ำสระและลำห้วยฮูด ซึ่งเป็นลำน้ำที่สำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนในตำบลน้ำตกให้มีน้ำใช้ในการอุปโภค บริโภคอย่างพอเพียงทุกฤดูกาลที่ดอยผาผึ้งนี้มีตำนาน แต่ตำนานของดอยผาผึ้งอาจจะไม่โลดโผนโดดเด่น สถานที่แห่งนี้เคยเป็นดินแดนแห่งความหวานชื่นอย่างแสบทรวง เพราะเต็มไปด้วยน้ำผึ้งอันสนหวานที่ผู้คนต่างก็หลั่งใหล มาดื่มกินกันมาเป็นเวลาช้านาน

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

ซึ่ง ณ บัดนี้ มันก็หลายเป็นตำนานไป เพราะ ผาผึ้ง ไม่มีฝูงผึ้งให้เห็นแล้ว ไม่ไกลจาก ดอยผาผึ้ง เป็นที่ตั้งของถ้ำผาผึ้ง ในสมัยก่อนถ้ำผาผึ้งแห่งนี้ ใช้เป็นที่หลบภัยของชาวบ้าน สามารถจุคนได้หลายร้อยคน

บริเวณทางเข้านั้นเป็นป่าที่สมบูรณ์มาก เป็นป่าดิบ มีต้นเต่าร้างขึ้นอยู่ตลอดทาง ปากถ้ำผาผึ้งกว้างประมาณ 40 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร ต้องเดินลงไปอีก 25 เมตรจึงถึงพื้นถ้ำ ช่วงต้นของถ้ำจะเป็นโถงขนาดใหญ่มากสูงประมาณ 20 เมตร จะมีน้ำย้อยไหลลงมาจากเพดานถ้ำตลอด จนเกิดเป็นชั้นหิน มองดูเหมือนน้ำตก ไหลต่อลงไปเรื่อยๆและยังมีหินย้อยที่สวยงาม เดินเข้าไปข้างในจนสุดถ้ำเป็นระยะทางประมาณ 400 เมตร ยังมีอากาศหายใจอยู่ บริเวณปลายถ้ำจะมีช่องซึ่งกว้างประมาณ 20-30 เซนติเมตร ภายใต้ช่องจะได้ยินเสียงน้ำไหลผ่านลึกลงไปอีกซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกมาก

หนาวนี้ที่ เวียงสา - ผาผึ้ง

สองทริป เวียงสา – ผาผึ้ง พาชมบรรยากาศวิถีชุมชน และยลดอยที่มีตำนานแสนหวาน ก็ถือเป็นการเติมพลังให้กับชีวิต ก่อนที่จะต้องกลับไปใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ต่อ … นี่แหละนะ ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป

 บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com

www.emaginfo.com


View Larger Map