ที่พักหัวหิน ยายย่า รีสอร์ท YaiYa (Shutter&Review)
เหตุผลมากมายที่คนเราจะออกจากบ้านเพื่อท่องเที่ยว … คุณเคยคิดรึเปล่าว่า คุณออกไปเที่ยวเพื่ออะไร ตอบกันสารพันเหตุผล ปลดปล่อยใจ ค้นหาบางสิ่ง ต้องการเห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ต้องการไปให้ถึง สัมผัสประสบการณ์ใหม่ พักผ่อนกายใจ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็พอสรุปได้ว่าการท่องเที่ยวก็ถือเป็น “ รางวัล ” ที่มีพลังให้กับผู้ไปเที่ยวอย่างยิ่งใหญ่
ผมก็เช่นกัน หากพอมีเวลาแม้เพียงช่วงสุดสัปดาห์ ก็จะไม่เคยพลาดที่จะให้ “ รางวัล ” กับชีวิต เติมพลังเติมไฟให้กับร่างกายด้วยการไปเที่ยว เพราะก็ไม่รู้ว่าชีวิตคนเราจะยืนยาวสักเพียงใด จะอยู่ใช้เงินได้อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครรู้ได้ … ชีวิตของเรา ใช้ซะให้เต็มที่
สัปดาห์นี้มีโอกาสได้ไปเที่ยวอีกครั้งที่ “ หัวหิน ” หัวหินเมืองท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมของคนกรุงเทพฯ ทริปนี้ต้องการให้ “ รางวัล ” ด้วยการพักผ่อนกายใจ แบบสบายๆ นั่งๆ นอนๆ ชิวๆ เราเลือกเข้าพักที่ยายย่ารีสอร์ท รีสอร์ทเล็กๆ เราเลือกที่นี่เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานเป็นสถาปนิกแนะนำให้ลองไปดู แค่นั้นเราก็ลองไปดู ตัดมาถึงวันเดินทางกันเลย ขับรถไปตามถนนเพชรเกษม ผ่านดอนหอยหลอด เลี้ยวซ้ายผ่านเมืองเพชรบุรี ผ่านชะอำ ด้วยระยะทางสองร้อยกิโลเมตรนิดๆ ก็ถึงจนได้ YaiYa Resort

แรกสัมผัส
ที่นี่ให้บรรยากาศและการต้อนรับแบบเป็นกันเองครับ พอลงรถพนักงานหน้าฟอร์นก็เดินเข้ามาทักทายเหมือนรู้จักกันมานาน พูดจาเป็นมิตร และคุ้นเคย พอเดินลงไปที่หน้าล็อบบี้ที่ดูไม่เหมือนล็อบบี้ เพราะสเปซที่โล่งโอ่โถงมาก งานศิลปะ เก้าอี้ไม้ และภาพวาดถูกวางอย่างตั้งใจ ทำให้ดูเป็นแกลเลอรี่ซะมากกว่า บริเวณนี้ถูกตั้งชื่อว่า “ สุนทรีย์ศิลป์ ” ช่องลมที่เปิดกว้างและใช้เป็นช่องรับแสงถูกสาดส่องเข้ามาตกกระทบภายในอาคาร ไม่ต้องใช้แอร์หรือไฟส่องสว่างให้เปลืองทรัพยากรธรรมชาติ นี่แหละการเข้าถึงของสไตล์มินิมอลลิสม์อย่างแท้จริง เพราะการออกแบบที่ลงตัวดูเรียบง่ายในสไตล์มินิมอลลิสม์ คำว่า “ น้อย เรียบ ธรรมดา ” ถูกนำมาใช้ แต่มากด้วยคำว่า “ ความละเอียด ประณีต ทันสมัย ” และใช้ประโยชน์จากมันให้สูงสุด ที่ ยาย-ย่า นี้มีรากฐานการออกแบบมาจากคำว่า “ สราญ ” “ อภิรมย์ “ และ “ ปรีดา ” ด้วย 3 คำสั้นๆ นี้ ที่นี่ถึงได้สะท้อนรายละเอียดของสถาปัตยกรรมออกมาอย่างประณีต พร้อมทั้งแฝงความเป็นไทยลงไปด้วย เน้นการใช้วัสดุที่น้อยชิ้น เรียบง่าย ดูโล่งโปร่ง และรับลมกับแสงได้ดีดูลงตัว







บ้านพักที่ 6 – สระศาลา
บ้านพักแบบ 2 ห้องนอน มี 2 ชั้น สระว่ายน้ำอยู่ด้านบน ผมสัมผัสได้ถึงความร่มรื่นของต้นไม้ระหว่างทางเดินและในบ้านพัก ประตูไม้สไตล์ไทยที่ถูกนำมาวางไว้เป็นทางเข้าดูลงตัวและให้ความรู้สึกที่ดูอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ห้องนอนชั้นล่าง เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องจะเจอทางเดินเล็กๆ ขวางประตูบานเลื่อนของห้องน้ำขนาดใหญ่มากไว้ ซึ่งแยกออกมาจากตัวห้องนอนอย่างเป็นอิสระจากกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าที่นี่ใส่ใจและให้ความสำคัญกับรายละเอียดของห้องน้ำเป็นอย่างมาก อ่างอาบน้ำ ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ ถูกแยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน อ่างอาบน้ำถูกวางในตำแหน่งที่มีช่องหน้าต่างไม้รับแสงได้ ใครที่ชอบนอนแช่อ่างอาบน้ำก็จะเพลิดเพลินไปกับการมองชมวิวจากภายนอก จุดเด่นของห้องพักด้านล่างผมคงต้องยกให้ห้องน้ำไปเลยล่ะครับ และที่ชอบมากเป็นพิเศษคือเรื่องการวางตำแหน่งของมินิบาร์ ที่ตู้เย็นจะถูกจัดวางไว้ในส่วนของห้องน้ำ แยกเป็นสัดส่วนจากห้องนอน ทำให้ไม่มีเสียงตู้เย็นดังให้รำคาญใจยามที่เรานอนหลับพักผ่อน ส่วนโทนสีของห้องน้ำที่เป็นสีครีมอ่อนๆ นั้น เข้ากันกับบานประตู หน้าต่าง และวัสดุเนื้อไม้สีเข้ม รวมทั้งเครื่องใช้ที่ทำจากหวายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และด้วยหลอดไฟดาวไลท์สีส้มก็ยิ่งให้ mood&tone ที่ดูวอร์มอบอุ่นสบายตา ส่วนในห้องนอนชั้นล่างนี้เป็นห้องเตียงคู่ที่มีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่เปิดรับแสงถึงสองด้าน สีขาวของห้องพักเข้ากันได้ดีกับผ้ามุ้งของเตียงนอน โซฟาเดย์เบดสีสันสดใส ถูกนำมาวางเพื่อเป็นสีสันซึ่งเบรคความเรียบง่ายของห้องได้เป็นอย่างดี พร้อมโต๊ะทำงานและเก้าอี้หวายที่ให้บรรยากาศแบบบูติค โต๊ะวางชิดบานกระจกเพื่อรับแสงธรรมชาติได้ในเวลากลางวันโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า นี่คือแก่นของมินิมอลลิสม์ครับ












ห้องนอนชั้นบน ถูกเชื่อมด้วยบันไดปูนด้านนอก เชื่อมต่อกันระหว่างห้องนอนชั้นล่างกับห้องนอนชั้นสอง เมื่อขึ้นมาชั้นสอง สิ่งแรกที่เห็นและสะดุดตาเป็นอย่างมากคือ ร่มสีแดงสด ที่ดูจะเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ จากการถูกนำมาใช้ในหลายๆ จุด มันดึงดูดสายตาให้ต้องมอง มันเหมือนสีสันและลูกเล่นของการตกแต่ง ด้านบนถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนของห้องพักและส่วนของระเบียงไม้ทรงไทยสำหรับนั่งเล่นนอนเล่น พื้นที่ทั้งสองส่วนนี้ถูกเชื่อมด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวเอาไว้ สระว่ายน้ำถูกล้อมไปด้วยดอกลีลาวดีสีขาวอย่างสวยงาม ในส่วนของห้องพักการตกแต่งไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากด้านล่าง อาจมีการวางตำแหน่งที่ต่างกันเพียงนิดหน่อย และเป็นเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่ แต่โดยรวมถือว่าตกแต่งเหมือนกัน ความตั้งใจของการออกแบบสำหรับพื้นที่ด้านบนนี้ ให้น้ำหนักและความโด่ดเด่นไปที่ศาลาทรงไทยริมสระว่ายน้ำที่มีไว้นั่งเล่น ที่ใช้เป็นพื้นที่ตรงกลางที่จะใช้ประโยชน์จากผู้ที่เข้าพักทั้ง 2 ห้องได้มากที่สุด รวมไปถึงสระว่ายน้ำด้วยเช่นกัน การที่ศาลาและสระว่ายน้ำถูกวางตำแหน่งไว้บนชั้นสอง ถือเป็นจุดต่างจาก pool villa หลายๆ ที่ แต่ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือ รับลมและแสงได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการเปิดกว้างไม่ให้รู้สึกอึดอัดด้วยครับ











พอตกบ่ายผมมีโอกาสได้เข้าไปแวะไปสปาของที่นี่ “YaiYa Spa” แต่เสียดายที่เจ้าหน้าที่ให้บริการกับลูกค้าที่มาเข้าพักเต็มแล้ว ไม่สามารถใช้บริการได้ สปาของยายย่าถือเป็นจุดเด่นของที่นี่อย่างหนึ่งที่มีไว้ แต่ถึงไม่ได้ใช้บริการก็แอบเก็บภาพมาฝากไว้ เผื่อใครมีโอกาสได้ไปในครั้งหน้าครับ



ตกเย็นเรามีโอกาสได้ Dinner ที่ห้องอาหารครัวยายย่า “ThaiPas” ด้วยความตั้งใจแรกเริ่มว่าเราอยากให้ทริปนี้เป็นทริปพักผ่อนสบายๆ เราจึงไม่อยากออกไปทานข้างนอกให้วุ่นวาย ประมาณ 5 โมงเย็นเราจึงลงไปกันเพราะต้องการนั่งชมวิวทะเลก่อนฟ้ามืด บรรยากาศของห้องอาหารที่เปิดโล่งอยู่ริมสระว่ายน้ำ ทำให้สามารถพักสายตามองทะเลได้ เราเลือกที่จะนั่งทานอาหารในสวนกลางแจ้งที่ดูร่มรื่น หลังจากได้พูดคุยกับพนักงานต้อนรับถึงอาหารขึ้นชื่อที่อยากให้แนะนำ เราก็ได้สั่งอาหารมาหลายอย่าง กุ้งทอดซอสไวน์ขาว พิซซ่าคัลโซเน่ สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดพริกแห้งทะเล ลาซานย่าเนื้อ ทานคู่กัน สลัดทูน่า สลัดผักย่าง และซุปฝักทอง ต้องบอกก่อนว่า อาหารที่นี่จะคัดสรรวัตถุที่มีคุณภาพทั้งสิ้น โดยรวมแล้วค่อนข้างจะถูกปากเป็นอย่างมาก เพราะมีการดัดแปลงเพิ่มรสชาติจัดจ้านลงไปให้ถูกปากคนไทย และที่ต้องเน้นเป็นพิเศษ เพราะถือเป็น signature ของที่นี่ พิซซ่าคาลโซเน่ เพราะที่นี่ใช้เตาถ่านในการอบพิซซ่า ทำให้กรอบและหอมกรุ่นเป็นพิเศษ พอใช้มีดหั่นพิซซ่าออกมาจะเห็นผักขมด้านในที่มีชีสและแฮมเป็นไส้อยู่ แป้งเนื้อบางกรอบที่เมื่อได้ทานคู่กันผักขมที่เก็บความร้อนระอุปนอยู่กับแฮมและชีสนุ่มๆ หอมแตะจมูก เข้ากันได้ดีเป็นที่สุด ส่วนอีกหนึ่งเมนูที่ถือเป็น signature ของที่นี่เช่นกัน และถือว่าเด็ดดวงไม่แพ้กัน สปาเก็ตตี้เส้นดำผัดพริกแห้งทะเล เส้นดำที่ทำขึ้นเองจากดีหมึกสดๆ เลือกใช้แป้งชั้นดีมาทำเส้นนุ่มๆ เมื่อนำมาผัดกับพริกแห้งทำให้หอมและถูกปากผมมากครับจานนี้ ทานคู่กับกุ้งลายเสือตัวใหญ่คัดพิเศษ ปลาหมึกอวบๆ และหายแมลงภู่นิวซีแลนด์ เข้ากันที่สุดในสามโลกครับ พอตกเย็นระหว่างที่เราทานอาหารทางรีสอร์ทก็มีบริการสอนโยคะริมสระน้ำทุกวันเสาร์ โดยอาจารย์ผู้ชำนาญด้านโยคะครับ … วันแรกเราจบที่ห้องอาหาร ThaiPas แบบพุงกาง ก่อนจะขึ้นไปนอนหลับพักผ่อนกับแบบชิวชิว











รุ่งเช้าวันใหม่ เรารับอาหารเช้าที่ยายย่าเตรียมไว้ให้ก่อนที่จะสะพายกล้องเดินส่องอะไรเล่นริมหาด และก็ถือว่าจบทริปพักผ่อนแบบสบายๆ สไตล์มนุษย์เงินเดือนที่เฝ้ารอวันเสาร์-อาทิตย์แบบใจจดจ่อ ^^









ที่พักหัวหิน ยายย่า (YaiYa)

*ห้ามนำภาพหรือบทความนี้ไปเผยแพร่ก่อนได้รับการอนุญาตจากเว็บไซต์ travel.mthai.com