เกาะสีชัง เกาะเล็กๆ ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ไปเยือนกี่ครั้งก็ไม่รู้จักเบื่อ เพราะมนต์เสน่ห์ของที่นี่แตกต่างจากเกาะท่องเที่ยวทั่วไป สภาพความเป็นอยู่น้ำใจ และการเอื้ออาทรต่อนักท่องเที่ยว การไม่หาผลประโยชน์เกินควรกับนักท่องเที่ยวทำให้การมาเที่ยวที่นี่รู้สึกสงบสุข
เกาะสีชัง ทะเลแห่งความสุข
เกาะสีชัง ไม่ได้มีเฉพาะหาดทรายและน้ำทะเลสีฟ้าครามเท่านั้น แต่ยังมีร่องรอยของประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำอีกมากมาย ครั้งหนึ่งเกาะแห่งนี้เคยเป็นพระราชฐานตากอากาศในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่สำหรับการเสด็จแปรพระราชฐานของเจ้านายหลายพระองค์ จึงทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยพระตำหนักน้อยใหญ่ให้เห็นมากมาย หนึ่งในตำหนักที่สำคัญคือ พระจุฑาธุชราชฐาน อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในรัชกาลที่ 5 ประกอบด้วยเรือนไม้ 4 หลัง และท่าเรือเป็นสะพานไม้สีขาวทอดยาวชวนให้นึกถึงบรรยากาศของละครโรแมนติก
ถ้ายังดื่มด่ำความงดงามยังไม่พอ ลองไปต่ออีกหน่อยบริเวณด้านหลังของเกาะมีจุดชมวิวที่ชื่อ ช่องเขาขาด หรือ ช่องอิศริยาภรณ์ มีสะพานสีขาวทอดยาวไปตามแนวเขาด้านข้างเป็นน้ำทะเล เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ตกดิน และนั่งพักผ่อนเป็นอย่างมาก
มาเที่ยว เกาะสีชัง เห็นวิถีชีวิตและความเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวของคนบนเกาะแล้ว ทำให้นึกถึงกลอนบทหนึ่งที่ว่า
“….สีชัง ชังแต่ชื่อ
เกาะนั้นหรือจะชังใคร
ขอแต่แม่ดวงใจ
อย่าชังชิงพี่จริงจัง….”
(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว)
เกาะสีชัง อยู่ห่างจากฝั่งศรีราชา ประมาณ 12 กิโลเมตร หากจะเดินทางมาที่นี่ ต้องนั่งเรือมาจากท่าเรือเกาะลอยราคามีให้เลือกตั้งแต่หลักไม่ถึงร้อย ถึงสปี๊ดโบ๊ทแบบส่วนตัวเช่าเหมาลำ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 – 60 นาที ใครที่เพิ่งเริ่มต้นนั่งเรือไปเที่ยวเกาะทริปนี้ น่าจะเหมาะที่สุดเพราะใช้ระยะเวลาไม่นานมาก นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่มีวันหยุดน้อยเพราะที่นี่ใช้เวลาเที่ยว 1-2 วันก็คุ้มค่าแล้ว
การเดินทางบนเกาะ หากชอบความผาดโผน และอยากเป็นส่วนตัวที่นี่มีรถจักรยานยนต์ให้เช่า ราคาตามแต่ตกลงซึ่งไม่แพงมาก แต่หากอยากนั่งสบายๆ ก็ลองนั่งสกายแลปต์เครื่องของที่นี่ดู รับรองว่าขึ้นเขาแต่ละทีหวาดเสียวได้ใจมากๆ ถ้าเที่ยวจนเหนื่อยแล้วก็แวะทานซีฟู๊ดสดๆ หมึก หอย กุ้ง มีให้เลือกมากมาย ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิดด้วย
เกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
ข้อมูลและภาพจาก สายลมฝน @Sailomfon
เรียบเรียงโดย Travel MThai