ถ้าจะเอ่ยถึงจังหวัดที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ กาญจนบุรี คงเป็นชื่ออันดับต้น ๆ ที่พุ่งเข้ามาอยู่ในหัวแน่นอน ด้วยภูมิประเทศที่เป็นที่ราบเชิงเขา ทำให้มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์หลากหลาย ก่อเกิดสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งยอดเขาสูงลิบ พร้อมทะเลหมอกชวนหลงใหล แม่น้ำสายสำคัญ อีกทั้งยังมีเขตแดนติดกับประเทศเมียนมาร์ สร้างมิติให้กับขนบธรรมเนียมอันเป็นเอกลักษณ์ travel.mthai.com ขอพาคุณไปสัมผัสชีวิตดี๊ดี กับ 10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี ที่คุณต้องเลิฟ
ชีวิตดี๊ดี! กับ 10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี ที่คุณต้องเลิฟ
1. วัดถ้ำเสือ อ.ท่าม่วง
![วัดถ้ำเสือ วัดถ้ำเสือ](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/IMG_2983-e1429873590692.jpg)
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้่อย รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพร
วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา ในตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง เป็นอำเภอที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา ต่อมาได้แรงศรัทธาจากชาวบ้าน ร่วมกันสร้างและบูรณะ จนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โต และมีความวิจิตรงดงาม
การเดินทาง : จากกรุงเทพฯ ผ่านอำเภอบ้านโป่ง เข้าถนนแสงชูโต จะผ่านแยกมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ จากนั้นพอถึงแยกท่าม่วง เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอท่าม่วง ผ่านหน้าโรงพยาบาลท่าม่วง วนวงเวียนหอนาฬิกา เพื่อเลี้ยวซ้ายไปถนนเลียบคลองชลประทาน เจอสามแยก เลี้ยวขวาไปอีก 2 กิโลเมตร (มีป้ายบอกทาง) ให้วิ่งไปทางเดียวกับวัดม่วงชุม พอเลยวัดม่วงชุมไปจะเห็นทางเข้าวัดถ้ำเสือ อยู่ทางซ้ายมือ
2. เขาช้างเผือก อ.ทองผาภูมิ
![เขาช้างเผือก เขาช้างเผือก](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/1509980_10205663646167411_2771941775669724486_n-e1429873786477.jpg)
เขาช้างเผือก เป็นที่เที่ยวสำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ชอบผจญภัย พิชิตยอดเขาสูง ยอดเขาช้างเผือกสูงตระหง่าน รอให้มาพิสูจน์ความกล้ากัน โดยเฉพาะจุดของสันเขาที่หวาดเสียวที่สุดที่เรียกว่า “สันคมมีด”
เขาช้างเผือก ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อำเภอทองผาภูมิ บนยอดเขามีลักษณะเป็นภูเขาหญ้า มีหินบ้างตามสันเขา การเดินทางไปยังยอดเขาช้างเผือก จะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อลงทะเบียนรายชื่อคนที่ขึ้นเขา ในแต่ละวันทางอุทยานฯ มีการจำกัดคนบนเขาไว้ที่ 60 คน เพราะพื้นที่กางเต็นท์บริเวณยอดเขามีพื้นที่จำกัด ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะนิยมมาแบบ 1 คืน 2 วัน
การเดินขึ้นสู่เขาช้างเผือกจะเริ่มจากบริเวณหลังหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอทองผาภูมิ เป็นระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงในการเดินขึ้นไปจนถึงจุดกางเต็นท์ เดินช่วงแรกจะผ่านป่าโปร่งๆ เป็นเนินเขาเตี้ยบ้าง สูงบ้าง เป็นเนินทุ่งหญ้าที่มีวิวสวยๆ ระหว่างทางให้ถ่ายรูป ช่วงนี้แดดค่อนข้างร้อน จากนั้นก็จะเป็นการเดินตามเชิงเขาบ้าง สันเขาบ้าง ช่วงนี้จะเป็นทุ่งหญ้าความสูงพอท่วมหัว แล้วจึงจะถึงจุดตั้งแคมป์
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ตรงเข้าอำเภอทองผาภูมิ (เส้นทางจะต่อกับเส้น 3272 เลย) วิ่งผ่านตัวอำเภอ (ตัวอำเภออยู่ทางขวา) เลียบอ่างเก็บน้ำในเขื่อนไปอีกประมาณ 30 กิโลเมตร จะถึงสามแยกบ้านไร่-ปิล๊อก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางปิล๊อก จากจุดนี้จะเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ประมาณ 24 กิโลเมตร อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิอยู่ทางขวามือ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทร 034-532-114, 034–510-979
3. สะพานมอญ อ.สังขละบุรี
![สะพานมอญ สะพานมอญ](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/10653456_864891470218760_8327253401500211403_n.jpg)
สะพานมอญ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซองกาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก กับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทยในดินแดนสุดขอบประเทศแห่งนี้
การเที่ยวชมสะพานมอญ ควรแวะเดินชมตั้งแต่เช้า โดยเฉพาะช่วงเวลา 6.00 – 7.00 น. เป็นช่วงที่ได้เห็นวิถีชีวิตชาวมอญ ใส่บาตรพระทุกเช้า หากนักท่องเที่ยวต้องการใส่บาตร ก็มีอาหารขายบริเวณหมู่บ้านมอญ สายๆ หากเดินข้ามฝั่งไปยังหมู่บ้านมอญ ก็สามารถเที่ยวชมบ้านเรือนในแบบชาวมอญ ซื้อของที่ระลึก หรือจะแวะชิมขนมจีนน้ำยาหยวกกล้วย ที่เป็นอาหารพื้นบ้านชาวมอญก็ได้
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนเข้าตัวอำเภอทองผาภูมิ มีสามแยก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) ผ่านวัดท่าขนุน ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม สะพานข้ามแม่น้ำรันตี
ก่อนเข้าตัวอำเภอสังขละบุรีมีทางแยก ตรงไปทางอำเภอสังขละบุรี (จะมีป้ายบอกเป็นทางไปวัดวังก์วิเวการาม) วิ่งผ่านตัวอำเภอสังขละบุรี ข้ามสะพานซองกาเลีย แล้วจึงจะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสะพานไม้ สุดซอยจะเป็นสะพานอุตตมานุสรณ์ (สะพานมอญ) สุดซอยซ้ายมือจะมีที่สำหรับจอดรถแบบเสียค่าจอด (ประมาณ 20 บาท)
4. วัดจมน้ำ เมืองบาดาล อ.สังขละบุรี
![เมืองบาดาล วัดจมน้ำ เมืองบาดาล วัดจมน้ำ](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/994176_10204220914266468_5364181050030889532_n.jpg)
วัดใต้น้ำ หรือวัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ประมาณตุลาคม – มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ
ในช่วงหน้าแล้ง ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม น้ำในแม่น้ำลดลงมากจนสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์เก่าได้ สิ่งที่เหลือไว้ให้เห็น เป็นส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์ ตัวโบสถ์เหลือเพียงผนัง ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็น ภายในผนังโบสถ์ยังมีให้เห็นลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็น เป็นลายซุ้มองค์พระพุทธรูปอยู่ตามผนัง แต่เดิมมีทั้งหมด 2500 องค์ แต่ก็มีหลายส่วนที่หลุดหายออกไปเพราะโดนน้ำเซาะบ้าง หรือหลุดหล่นลงมาแตกเองบ้าง
5. ป้อมปี่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.ทองผาภูมิ
![อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานแห่งชาติเขาแหลม](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/10891992_10203332821471041_1654917912087819482_n.jpg)
จุดชมวิวป้อมปี่ เป็นสถานที่ชมวิวในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมที่หลายๆ คนพูดถึงว่าเป็นจุดที่มีวิวทิวทัศน์สวยงาม โรแมนติก และเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตก เหมาะแก่การพักผ่อนแบบไม่ลำบากมาก มีบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ มองเห็นท้องน้ำของอ่างเก็บน้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ์ ทิวทัศน์ภูเขาอยู่ไกลสายตาออกไป หน้าหนาวได้เห็นไอหมอกละเลียดตามผิวน้ำ จนหลายคนคิดไปว่ากำลังนอนอยู่ที่ปางอุ๋งจังหวัดแม่ฮ่องสอน เลยทีเดียว
การเดินทาง : จากตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งบนถนนแสงชูโตที่เป็นถนนสายหลัก ถึงสี่แยกแก่งเสี้ยน เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายอำเภอไทรโยค – ทองผาภูมิ (ทางหลวงหมายเลข 323) ก่อนถึงตัวอำเภอทองผาภูมิ มีสามแยก เลี้ยวขวาไปทางอำเภอสังขละบุรี (ด่านเจดีย์สามองค์) จะผ่านวัดท่าขนุน น้ำตกเกริงกระเวีย น้ำตกไดช่องถ่อง หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาแหลม(เกริงกระเวีย) เลยจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจะพบทางเข้าจุดชมวิวป้อมปี่อยู่ทางซ้ายมือ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร.086-131-3443(ป้อมปี่) 034-546-819, 034-532-099
6. มหาถ้ำลำคลองงู อ.ทองผาภูมิ
![ถ้าเสาหินลำคลองงู ถ้าเสาหินลำคลองงู](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/1405150169-1-o-e1429874058549.jpg)
วนอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นชื่อของลำห้วยซึ่งไหลวกวนและสลับซับซ้อนผ่ากลางผืนป่ากัดเซาะเพิงผาเทือกเขาหินปูนกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่หลายแห่ง ประกอบกับการสะสมของตะกอนหินปูนที่ใช้เวลานานแสนนานจึงเกิดเป็นหินงอกหินย้อยประติมากรรมของธรรมชาติที่สวยงาม ภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูจึงมีถ้ำหลายแห่งที่น่าเดินทางเข้าไปสำรวจความงดงาม เช่น
ถ้ำเสาหิน อยู่ห่างจากปากห้วยลำคลองงู 6 กิโลเมตร ลักษณะเป็นถ้ำทะลุภายในมีห้วยลำคลองงูไหลผ่านตลอด จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ เสาหินขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางถ้ำ วัดความสูงจากพื้นถึงยอดเสาได้ 62.5 เมตร นับได้ว่าเป็นเสาหินที่สูงที่สุดในโลกเท่าที่เคยพบมาในปัจจุบัน อีกทั้งภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อย รูปทรงต่างๆ เป็นจำนวนมาก จัดได้ว่าเป็นถ้ำที่มีความงดงามและมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
การเดินทาง : สามารถเข้าถึงได้โดยทางเรือ จากบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ขึ้นไปทางเหนือถึงบริเวณปากห้วยคลองงู แล้วเดินต่อจากปากห้วยคลองงูขึ้นไป 6 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะถึงปากถ้ำ ตลอดทางจะพบน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยคลองงู ไหลลดหลั่นลงไปตลอดทาง การเดินทางทางรถยนต์ เส้นทางที่สะดวก คือเริ่มต้นจากน้ำตกเอราวัณ ใช้เส้นทางผ่านถ้ำพระธาตุ ไปจนถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น จากน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านพุเตยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นเดินเท้าต่อจากบ้านพุเตยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงก็จะถึงถ้ำ
7. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อ.ศรีสวัสดิ์
![น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/10314659_1625486734331605_7771633092084799980_n-e1429874114618.jpg)
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น หรือ “น้ำตกห้วยขมิ้น” เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย ด้วยความงามของม่านน้ำตกที่ไหลลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นเล็กชั้นน้อย บรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยป่าเขา และต้นไม้นานาพันธุ์ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนต่างติดใจจนแวะมาเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นหลายต่อหลายครั้ง อย่างไม่รู้เบื่อ
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ตั้งอยู่ที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นพื้นที่ที่ยังคงเป็นป่าที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ สมัยก่อนการเข้าไปถึงตัวน้ำตก ทำได้ยาก ต้องผ่านเส้นทางที่ลำบาก ต้องใช้รถโฟว์วิล หรือขับรถอ้อมอ่างเก็บน้ำเพื่อข้ามแพขนานยนต์จากฝั่งตัวอำเภอศรีสวัสดิ์ มายังฝั่งน้ำตก ปัจจุบันมีเส้นทางลาดยางที่รถยนต์สามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ทำให้ผู้คนต่างมาเที่ยวชมน้ำตกกันอย่างไม่ขาดสาย
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ 034-547-018 (VoIP), 034-532-027
กองอุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้ 0-2579-0529, 0-2579-4842
8. โบสถ์สแตนเลส วัดป่าลำขาแข้ง อ.ศรีสวัสดิ์
![โบสถ์สแตนเลส วัดป่าลำขาแข้ง โบสถ์สแตนเลส วัดป่าลำขาแข้ง](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/114-e1429874178839.jpg)
โบสถ์แสตนเลส ณ วัดป่าลำขาแข้ง และพระพุทธรูปแสตนเลสหนึ่งเดียวในโลก ฉลุลายไทยวิจิตรงดงาม สร้างสรรค์จากแรงศรัทธาของประชาชน ที่ช่วยกันบริจาคสร้างขึ้นเพื่อนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงเจริญพระชนพรรษาครบ 80 พรรษา เป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในอำเภอศรีสวัสดิ์ การไปชมโบสถ์นี้ต้องนั่งเรือหางยาวจากเขื่อนศรีนครินทร์ไปชมความงดงามของโบสถ์แห่งนี้ เพราะวัดตั้งอยู่บนเกาะกลางน้ำของเขื่อนศรีนครินทร์ ไม่สามารเดินทางด้วยพาหะนะอย่างอื่น
ตัวโบสถ์ส่องประกายงดงามยามเมื่อต้องแสงแดด และเมื่อเข้าใกล้จะได้เห็นลวดลายฉลุขอลายไทย บริเวณซุ้มประตูโบสถ์และหน้าต่าง เมื่อเข้าไปนั่งไหว้พระรู้สึกเย็นมาก ใครอาจจะคิดว่าโบสถ์สร้างด้วยเตนเลสเงางามแบบนี้ ข้างในไม่ร้อนหรือ แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดเพราะตัวโบสถ์ทำโครงเป็นสเตนเลส ใช้สเตนเลสแผ่นปะทั้งด้านใน และด้านนอก แต่อัดฉนวนไว้ตรงกลาง ทำให้กันความร้อนได้ดี รวมทั้งพื้นเป็นแกรนิตเลยโปร่งโล่งสบาย
หากมองออกไปบริเวณรอบๆวัดก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขา ที่สวยงามท่ามกลางเขื่อนศรีนครินทร์ ลองลืมภาพ โบสถ์ที่สร้างด้วยปูซีเมนต์ในแบบเดิม มาเยี่ยมชมโบสถ์สเตนเลสและพระพุทธสเตนเลสที่ วัดนี้แล้วจะได้ความ แปลกใหม่สุดแสน Unseen มาเลยทีเดียว
9. เขาสันหนอกวัว อ.สังขละบุรี
![เขาสันหนอกวัว เขาสันหนอกวัว](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/E11687153-8.jpg)
“เขาสันหนอกวัว” เป็นอีกหนึ่งในสถานที่เที่ยวปราบเซียน ท้าทายขาลุย และนักผจญภัยที่ชอบเดินป่า พิชิตภูผา เหมาะสำหรับคนที่รักธรรมชาติ ฟิตร่างกายพร้อมรับการเดินไต่ระดับ ขึ้นสู่ยอดเขาสูงตระหง่าน
เขาสันหนอกวัว เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี มีระดับความสูงที่ 1,767 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ตั้งอยู่ทางเหนือของที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอสังขละบุรี ในแนวเทือกเขาเขียว ที่เป็นป่าฝั่งตะวันตกของพื้นที่อุทยานฯ มีส่วนที่ติดต่อกับพื้นที่ป่าในเขตทุ่งใหญ่นเรศวร จึงมีความเป็นธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ สภาพป่ามีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น และยังคงมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ คำว่าสันหนอกวัว มาจากลักษณะของยอดเขาที่นูนออกมา รูปร่างคล้ายกับส่วนที่เป็นสันนูนบนหลังของวัว ที่เรียกว่าโหนก หรือหนอก
เขาสันหนอกวัว เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินป่าขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติ และชมทัศนียภาพจากบนยอดเขา การเดินทางขึ้นเขานั้นจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพื่อนำทางไปยังจุดที่สามารถตั้งแค้มป์ได้ การเดินทางจะเริ่มจากเจ้าหน้าที่ขับรถนำไปยังจุดเริ่มเดินเข้าไปในป่า บริเวณเชิงเขาหัวโล้น ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ จากนั้นต้องใช้การเดินเท้าขึ้นไปบนยอดเขา ที่จะต้องมีเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ นำทางไปเท่านั้น ระยะทางจากด้านล่างไปยังจุดตั้งแค้มป์ ประมาณ 9 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง ไม่สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียวได้ จะต้องพักค้างแรม กางเต็นท์นอนบนเขา
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร. 034-546819
10. ต้นจามจุรียักษ์ อ.เมือง
![ต้นจามจุรียักษ์ ต้นจามจุรียักษ์](http://travel.mthai.com/app/uploads/2015/04/10172670_865600606829666_6569569145170560787_n.jpg)
ต้นจามจุรียักษ์ ตั้งอยู่บนเส้นทางไปอำเภอด่านมะขามเตี้ย บ้านกสิกรรม หมู่ 5 ต.เกาะสำโรง หากมาจากวัดถ้ำมังกร เลยจากวัดถ้ำมังกรไปประมาณ 3 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าไปในกองการสัตว์และเกษตรกรรมที่ 1 (กองผสมสัตว์) กรมการสัตว์ทหารบก ผ่านวัดถ้ำมุนีย์นาถ แล้วเลี้ยวขวา
ต้นจามจุรียักษ์มีอายุมากกว่า 100 ปี ขนาด 10 คนโอบ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75 เมตร ความสูงเรือนยอด 20 เมตร มีพื้นที่ของพุ่มประมาณ 1 ไร่ 2 งาน 4 วา มีทรงพุ่มแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตสวยงามร่มรื่น ซึ่งปัจจุบันหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยากมาก
ปัจจุบันต้นจามจุรียักษ์ ถือเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะบรรดาช่างภาพ ที่ต่างบรรจงสร้างสรรค์ผลงานสุดอลังการผ่านต้นไม้อันยิ่งใหญ่แห่งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.kanchanaburi.co/th , เรียบเรียงโดย : Travel MThai
ติดตามภาพถ่ายสวย ๆ จากช่างภาพผู้สนับสนุนของเรา ได้ที่ : www.facebook.com/baagklong , www.facebook.com/ChillDTravel , www.facebook.com/Suracheat1