ถึงแม้จะเป็นช่วงหน้าฝนแต่เราก็ไม่ยอมแพ้ เก็บกระเป๋าไปเที่ยว จ.จันทบุรี กัน หลายคนอาจจะรู้กันดีว่าจังหวัดในแถบนี้ ทั้ง จันทบุรี ระยอง ตราด จะเป็นแหล่งสวนผลไม้ แต่การไปเที่ยวเมืองจันทน์ 2 วัน 1 คืน ของเรานั้น จะพาเพื่อนๆ ไปเยี่ยมชมย่านเมืองเก่า แหล่งท่องเที่ยวในประวัติศาสตร์ พร้อมกินของท้องถิ่นแสนอร่อยกันค่ะ บอกเลยว่าเมืองนี้เสน่ห์มากล้นทีเดียว ^^
เที่ยวจันทบุรี ย่านเมืองเก่า ‘จันทบูร’
ตะลุยกินอาหารพื้นเมือง!
ครั้งนี้ Travel.MThai ได้มีโอกาสตะลุยถิ่น เมืองจันทน์ ที่ไม่ได้มีดีแค่ผลไม้ แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวให้เราได้ชมและค้นหาอีกมากมาย หลายคนคงอาจจะเคยเที่ยวที่ธรรมชาติกันมาบ้างแล้ว คราวนี้ Travel.MThai ขอไปแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ดูบ้าง แต่จะไปที่ไหนบ้าง ตามกันมาเลย!
วันแรก เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ ตอน 7 โมงเช้า มุ่งหน้าไปยัง จ.จันทบุรี กันค่ะ แต่เพราะเป็นช่วงหน้าฝน ฝนตกตลอดการเดินทาง บวกกับรถติด ทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าที่เราคิดไว้พอสมควร
เรามาถึงจันทบุรีก็เกือบเที่ยงแล้ว ท้องร้องจ๊อกๆ ก็เลยแวะกินข้าวเที่ยงกันที่ จันทรโภชนา (สาขามหาราช) เป็นสาขาที่ 2 ตกแต่งเน้นโทนสีขาว สะอาดตา ร้านนี้มีชื่อเสียงมากในเมืองจันทน์ เปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว และเป็นร้านอาหารร้านแรกในจันทบุรี ที่ได้ “เชลล์ชวนชิม” ใครมาต้องแวะมาทานที่นี่นะ >,<
ร้านจันทรโภชนา มีเมนูเด็ดหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นเมือง แกงหมูชะมวง, เส้นจันท์ผัดปู, ถั่วฝักยาวผัดกุ้งแห้งใส่กะปิ, กระวานผัดฉ่าไก่, สละลอยแก้ว
และที่เด็ดๆ ก็คือนี่นำผลไม้ในแต่ฤดูมาทำเป็นเมนูอาหารด้วย อย่างที่เรากินกันวันนี้ก็คือ ส้มตำทุเรียน และ มัสมั่นไก่ใส่ทุเรียน อันนี้เริ่ดมาก เพราะเนื้อทุเรียนที่นำมาทำนั้นไม่เละ เนื้อเหมือนมัน และไม่มีกลิ่นทุเรียน ปลื้มปริ่ม!
นอกจากของคาวแล้ว ที่ร้านจันทรโภชนา ก็มีอาหารแปรรูป ผลไม้แปรรูป ของหวาน ให้เลือกซื้อกลับบ้าน หรือเป็นของฝากก็ได้ด้วยค่ะ
หลังจากอิ่มท้อง ก็เดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปของเราคือ “ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ” ที่เมืองจันทน์นั้นถือเป็นอันดับต้นที่มีการค้าขาย ส่งออกอัญมณีใหญ่ที่สุดของโลก! ที่นี่จะมีจัดนิทรรศการให้เราได้รู้ถึงความเป็นมาของอัญมนี ตั้งแต่การขุด ขั้นตอนการผลิต จนถึงการแปรรูปเลย
เดินเข้ามาก็จะเจอกับอัญมณีชนิดต่างๆ โดยที่ยังไม่ผ่านการแปรรูป มีข้อมูลความเป็นมาให้ได้ศึกษากันค่ะ
จันทบุรีได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลากมิติ ที่มีทั้งการทำการเกษตร ปลูกผลไม้ ทำไร่ ประมง ท่องเที่ยว และจันทบุรียังมีอุตสาหกรรมที่สำคัญมากก็คือ อุตสาหกรรมพลอย มีชื่อเสียงเรื่องการทำพลอยมาตั้งแต่สมัยโบราณ รัชกาลที่ 2 มีพลอยที่โด่งดังไปทั่วโลก คือ ‘ทับทิมสยาม’
เราเพิ่งจะรู้เหมือนกันว่า ที่จันทบุรีนั้นจะมีการซื้อขายพลอยกันคึกคักมากๆ มีมูลค่าการซื้อนับสิบล้านบาทต่อวันเลย ถ้าคิดเป็นปีก็กว่าหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว OMG!!! หลังจากนั้นเขาก็จะนำไปเจียระไน ทำเป็นเครื่องประดับ และเราได้ฉายา ‘พลอยเมืองจัทน์’ มีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วโลก อีกด้วย
บนลูกโลกนั้น จะแสดงให้เราเห็นถึงอัญมณีในที่ต่างๆ ทั่วโลก
ห้องจัดแสดงประวัติความเป็นมาของอัญมณี ตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น ยุคอารยธรรมอียิปต์, ยุคอารยธรรมจีน, ยุคอารยธรรมเมโสโปเตเมีย, ยุคอารยธรรมกรีกโบราณ เป็นต้น
การจำลองมงกุฏของราชวงศ์ต่างๆ โดยใช่อัญมณี ประดับ สวยเล่อค่าค่ะ บอกเลย!!


เมื่อเดินชมจนถึงทางออกก็จะมีร้านเครื่องประดับหลายร้านตั้งอยู่ ให้เราได้เลือกซื้อกัน ทั้งสร้อยคอ แหวน ตุ้มหู
ส่วนเราชอบอันนี้ เป็นพลอยหินสีในขวดโหล เห็นแบบนี้แต่ละสีมีความหมาย ช่วยในเรื่องต่างๆ ด้วยนะ เหมือนกำไลหินที่ฮิตๆ กันนั่นแหละ >,< นำซื้อเป็นของฝากน่ารักๆ
“พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี” คือจุดหมายต่อไปของเรา ตั้งอยู่บริเวณโบราณสถานค่ายเนินวง ซึ่งเป็นป้อมค่ายคูเมืองคันดินโบราณ ที่สร้างขึ้นเพื่อรับศึกญวนในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่นี่เราจะได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาตร์ เมืองจันทน์เยอะแยะเลยค่ะ
ลงรถปุ๊บก็เจอป้อมค่ายคูเมือง แบบนี้เลย
เข้าไปข้างในก็จะมี พี่ๆ คอยต้อนรับ พี่วิทยากรพูดแนะนำ และพาชมสถานที่ต่างๆ ด้วยค่ะ
โดยภายในพิพิธภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 6 ห้องด้วยกัน คือ
1. ห้องจัดแสดงสินค้า และวิถีชาวเรือในสมัยโบราณ เส้นทางการเดินเรือ เมืองท่าโบราณ และสินค้าที่นำไปแลกเปลี่ยนค้าขาย โดยมีเรือสำเภาจำลองขนาดเท่าของจริง ซึ่งบนเรือได้มีการจัดแสดงให้เราได้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของลูกเรือระหว่างเดินทาง ตลอดจนสินค้าต่างๆ ด้วยค่ะ
เรือสำเภาจำลองขนาดเท่าของจริง
ของมีค่าที่พบจากแหล่งเรือจม บริเวณอ่าวไทย
ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนเรือสำเภาจำลอง บริเวณชั้นล่างของเรือก็จัดแสดงให้เห็นเกี่ยวกับสิ่งของ เครื่องปั้นดำเผา ถ้วย ชาม ไม้ฝาง ทองแดงง เป็นต้น ที่จะนำไปแลกเปลี่ยนค้าขาย
พอขึ้นมาด้านบนของเรือ เราก็จะเห็นหุ่นปั้นจำลอง ที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง
ที่เพือนๆ เห็นอยู่นี่ คือ ใบสาคู ในสมัยก่อนใช้ทำเป็นใบเรือ มีความเหนียวและทนทานมากๆ
(ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย)
ความสวยงามของ เรือสำเภา ด้านหลัง
หลังจากเดินชมห้องแรกกันไปแล้ว มาต่อกันห้องที่ 2
ห้องจำลอง จัดแสดงขั้นตอนการปฏิบัติงานโบราณคดีใต้น้ำ
การเก็บกู้ชิ้นส่วนของโบราณต่างๆ
3. ห้องคลังวัตถุโบราณ อันนี้ถูกจัดเก็บไว้ในห้อง เพื่อนรักษาสภาพของชิ้นส่วนต่างๆ ค่ะ
4. ห้องเรือและวิถีชาวเรือ จำลองเรือประเภทต่างๆ ที่ล้วนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างตามการใช้สอยในแต่ละพื้นที่
5. ห้องของดีเมืองจันทน์ จัดแสดงประวัติความเป็นมาของ จ.จันทบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนประสัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ การก่อตั้งเมือง ตลอดจนเรื่องราวของ ‘ชาวชอง’ ชนพื้นเมืองของจันทบุรี นอกจากนี้ยังมีให้ข้อมูลเกี่ยวกับที่ท่องเที่ยว วัฒนธรรม ธรรมชาติ และของดีเมืองจันทน์ให้เราได้รับรู้กันอีกด้วย

6. ห้องบุคคลสำคัญ ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับ พระราชประวัติของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เหตุการณ์สำคัญการทำสงครามก่อนและหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เส้นทางเดินทัพเมื่อครั้งมารวมพลที่จันทบุรี
มาถึงจันทบุรีทั้งที จะลืมสโลแกน แดนผลไม้ ได้ยังไง ตามไปกินผลไม้อร่อยๆ กันที่ “สวนผลไม้ป้าแกลบ” กัน! ที่นี่ไม่ได้มีแค่เพียงสวนผลไม้ให้เราได้เลือกหยิบ จับ กิน กันอย่างเดียว แต่มีผลไม้แปรรูปหลากหลายชนิด
ไปถึงก็มีผลไม้วางให้ทานกันละลานตาเลยจ้า …
เมืองจันทน์ มหัศจรรย์แดนผลไม้ จะขาดราชินีไปได้ยังไง “ทุเรียน” มีให้เลือกทั้งแบบ 2 แบบ หวานปกติ กับหวานน้อย ที่นี่มีสโลแกนด้วยนะ หวานน้อย แต่อร่อยมาก สำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ อร่อยตามสโลแกน คอนเฟิร์มค่ะ ^^
นอกจากผลไม้สด ที่นี่ก็มีผลไม้แปรรูปหลากหลายเลยค่ะ แต่ที่อยากแนะนำเลยก็คือ ทุเรียนทอด และทุเรียนแบบสแนค เป็นแท่งกรอบชิ้นเล็กๆ ทานเล่นเพลินดีแท้!
ดูสิ หน้าตามันยั่วยวน น้ำลายไหล ขนาดไหน!!!
โบกมือลา บ้ายบาย สวนป้าแกลบ .. เดินทางไปที่พักของเราคืนนี้กันดีกว่า
คืนนี้เราเข้าพักที่ โรงแรม มณีจันท์ รีสอร์ท แอนด์ สปอร์ตคลับ (Maneechan Resort) ค่ะ เป็นโรงแรมที่ขึ้นชื่อในจังหวัดจันทบุรี โดยด้านหน้าทางเข้าก็จะทำสถาปัตยกรรมเป็นเหมือนป้อมปืน ซึ่งเขาตั้งใจออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ของเมืองจันทน์
บนเพดานจะทำเป็นเหมือนรูปเจียระไน เหลี่ยมพลอยเมืองจันทน์ 81 เหลี่ยม
Welcome Drink ของที่นี่ค่ะ “น้ำส้มมะปี๊ด” หรือส้มจี๊ด นั่นเอง รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ไม่แสบคอ สดชื่น >,<
ห้องพักค่ะ
เปิดม่านออกมาก็เจอวิวสวน สบายๆ บรรยากาศดีมากๆ ^^
หลังจากนอนเต็มอิ่ม ตื่นมาฝนก็ยังคงตกปรอยๆ และสม่ำเสมอ ทั้งคืนยันเช้า (ฮืออ ~)
ป่ะ .. ทานข้าวเช้ากันดีกว่า
เราก็มาทานข้าวเช้ากัน ที่นี่มีของให้เลือกทานเยอะแยะไปหมด ทั้งก๋วยเตี๋ยว , เมนูเบรคฟาสต์, ขนมปัง, ชา กาแฟ, ซุป, สลัดผัก, ผลไม้, น้ำผลไม้คั้นสด, ไอศกรีม ถามว่ามื่อเช้านี้อิ่มไหม .. บอกเลยว่า มาก!!!!!
กินไปอย่างละนิด อย่างละหน่อย ..
แล้วมาจบลงที่ ‘ไข่กระทะ’ >,<
อิ่มมื้อเช้าแล้วเราจะออกเดินทางกันไปที่ ย่านเมืองเก่า ‘ชุมชนริมน้ำจันทบูร’ กันค่ะ แต่ก่อนจะถึงนั้นขอแวะไปกราบนมัสการ ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และศาลหลักเมืองประจำจังหวัด ให้เป็นศิริมงคลกันซะหน่อย ทั้ง 2 ที่ตั้งอยู่ติดกันเลยค่ะ
แต่! ฝนฟ้าไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ ฝนตกหนักกระหน่ำสุดๆ แต่เราก็สู้ไม่ถอย ใส่คอนเวิร์ส (ไม่ใช่ไรพกไปคู่เดียว >,<) พร้อมชุดกันฝน ลุยฝนไปไหว้กันซะเลย
ถึงแล้ว ‘ชุมชนริมน้ำจันทบูร’ เป็นที่ที่มีเสน่ห์และน่ารักมากๆ เลยค่ะ ทั้งผู้คนและร้านขายของระแวกนี้ มีร้านอาหาร ร้านขนมเก๋ๆ ให้เลือกนั่งหลายร้านเลย
ย่านเก่าจันทบูร นั้นเป็นชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำจันทบุรี แต่เดิมจะเรียกกันว่า “บ้านลุ่ม” เป็นชุมชนเก่าแก่ของคนจีนและญวนอพยพ ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ต่อมาได้พัฒนาให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าของจันทบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 5
เราแวะมาที่ ร้าน ‘ท่ามาจัน’ ร้านนี้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร คือเขาจะใช้ ปิ่นโต ใส่อาหารพร้อมเสิร์ฟให้เราทานกัน ได้บรรยากาศย้อนวัยเด็กแบบสมัยก่อนเลย ดีงามอ่ะ
ปิ่นโตน่ารักมาก!
แต่วันนี้เราไม่ได้มาชิมของอร่อยร้านนี้ เพราะมีงานของ ททท. โครงการอาหารถิ่นตะลุยกินทั่วไทย ค่ะ และมีสาธิตการทำข้าวคลุกพริกเกลือ อาหารถิ่นประจำจังหวัดจันทบุรีด้วย
บรรยากาศภายในร้าน ชวนให้นึกถึงวัยเด็ก ตกแต่งด้วยไม้ และมีของสะสมสมัยก่อนเยอะเลย
ในแถบย่านชุมชนริมน้ำจันทบูร นั้นมีร้านขายของ ขายอาหาร และของหวานเต็มไปหมด รวมถึงร้านกาแฟน่ารักๆ ร้านนี้ด้วย ‘ร้านบางเวลา Cafe’&Gallery’ ร้านอยู่เยื้องๆ กับร้านท่ามาจันเลย พี่เจ้าของร้านชื่อพี่ น้อยหน่า เป็นนักวาดการ์ตูนขายหัวเราะเก่า ตอนนี้กลับบ้านมาเปิดร้านกาแฟค่ะ (เฮ้ย! เราอ่านกันตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ)
ร้านน่ารัก อบอุ่น ส่วนรูปภาพที่เห็นก็เป็นตัวการ์ตูนประจำตัวพี่น้อยหน่าค่ะ ร้านมี 2 ชั้น เปิดประตูไม้แล้วเดินขึ้นไปนั่งเล่น กินของอร่อยๆ ของทางร้านได้ชิลๆ เลย
นอกจากที่นี่จะมี เบเกอรี่และเครื่องดื่ม ขายแล้ว ยังมีของน่ารักขายอีกด้วย ทั้งโปสการ์ด เสื้อยืด หนังสือ ของทำมือ ล้วนเป็นตัวการ์ตูนที่พี่น้อยหน่าวาดค่ะ น่ารักมากๆ
ซื้อ โปสการ์ด กลับไปฝากเพื่อนๆ ดีกว่า ^^
แต่ที่เราชอบที่สุดก็คือ ถ้าซื้อของทานในร้านพี่เขาจะวาดรูป portrait ตัวเราให้ด้วย ตอนนั้น ตรงนั้นเลย คือดี! ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น. ยกเว้นวันจันทร์นะจ๊ะ (FB : บางเวลา กาแฟและแกลเลอรี่ )
นี่ไง! พี่น้อยหน่า กำลังวาดรูปให้เราอยู่เลย ^^
ออกจาก คาเฟ่ น่ารักๆ แล้วไปหาของกินกันต่อ! ถ้าพูดถึงอาหารถิ่นประจำจังหวัดจันทบุรีแล้ว ก็ต่อเป็น “ข้าวคลุกพริกเกลือ” ฮั่นแน่! คิดเหมือนเราล่ะสิ เราฟังครั้งแรกก็งงๆ อยู่ว่า เอาพริกเกลือที่จิ้มกับผลไม้มาทำหรอ แต่เปล่าค่ะ! ข้าวคลุกพริกเกลือของที่นี่คือ น้ำจิ้มซีฟู้ด นำมาคลุกกับข้าว เสิร์ฟพร้อมเนื้อหมูนุ๊มนุ่ม หรือกุ้ง ปลาหมึก ตะหาก
เรามาทาน ข้าวคลุกพริกเกลือ กันที่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิกต้มยำมะนาว” ค่ะ เดินเลาะริมน้ำจันทบูร ข้ามสะพานมาอีกฝั่ง ร้านจะตั้งอยู่ในซอยแรกเลย อยู่ตรงข้ามกับวัดจันทนาราม ที่นี่เป็นเจ้าแรกที่ขายข้าวคลุกพริกเกลือ นอกจากนี้ก็ยังมีก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิกต้มยำมะนาว รสเด็ด ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00 – 15.30 น. ยกเว้นวันอาทิตย์ค่ะ
หน้าตาเป็นแบบนี้ .. รสชาติกลมกล่อม อร่อย เราชอบนะ ยิ่งกินกับไข่มะตูมเยิ้มๆ แล้ว ฟิน!
กินอิ่มแล้ว! ออกเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกันต่อดีกว่า ที่ “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” เขาว่ากันว่า ที่นี่เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีความเก่าแก่ และเป็นโบสถ์หรือวัดที่งดงามที่สุดในประเทศไทยด้วย พอได้เห็นเท่านั้นแหละ โอ้โห! สวยกว่าที่คิดเยอะมากๆ
อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล หรือ วัดพระแม่ปฏิสนธินิรมล มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ประดับตกแต่งด้วยกระจกสีสแตนกลาส(สวยที่สุดในอาเซียน) โบสถ์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนที่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
โบสถ์แห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ซึ่งใช้เวลา 2 ปี ในการบูรณะ ข้างนอกได้ต่อเติมยอดแหลม ส่วนด้านในที่เพื่อนๆ เห็นเป็นสีโอรสนั้นถูกทาใหม่ทั้งหมด รวมถึงผนัง เพดาน ลวดลายต่างๆ ได้ถูกเพ้นท์ใหม่ทั้งหมดโดยช่างศิลป์จากกรมศิลปากร
เข้าไปข้างในโบสถ์กัน!
ที่เพื่อนๆ เห็นอยู่นี้คือ จำลองแม่พระ จากองค์พระประธาน จำลองมาเป็น แม่พระประดับพลอย หล่อองค์ด้วยเงินบริสุทธิ์ หนัก 76 กิโล. หลังจากนั้นก็ใช้สว่านเจาะเป็นรูเล็ก นำพลอยหลายชนิดต่อเข้าไป ซึ่งทุกเม็ดมีหนามเตยใช้ล็อคเพชรไว้หมด เป็นงานที่ละเอียดและสวยงามมากค่ะ มีหนึ่งเดียวในโลกด้วย สร้างขึ้นเนื่องการโอกาสฉลองโบสถ์มีอายุครบ 100 ปี ชุมชนอายุครบ 300 ปี
ขับรถไปอีกหน่อย ทาง อ.แหลมสิงห์ อยู่ติดทะเล ก็จะพบกับ “ตึกแดง” ลงไปถ่ายรูปได้แป๊บเดียว พี่ฝนก็เทกระหน่ะลงมาอีกครั้ง! >,< น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เปิดให้เราเข้าชมข้างในอาคาร แต่ไม่เป็นไรเราเอาข้อมูลมาฝากๆ
“ตึกแดง” เป็นอาคารที่สร้างขึ้นโดยทหารฝรั่งเศส ตอนที่ยึดเมืองได้ และพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของป้อมปัจจามิตร ที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 .. เป็นอาคารชั้นเดียวก่อด้วยอิฐถือปูน ตัวอาคารทาสีแดง ข้างในมีด้วยกัน 5 ห้อง มีประตูกลางเชื่อมถึงกันหมด ที่นี่ใช้เป็นกองบัญชาการและเป็นที่พักสำหรับทหารฝรั่งเศสที่ประจำการอยู่บริเวณปากน้ำแหลมสิงห์
ถัดไปอีกหน่อย เราก็จะพบแลนด์มาร์กอีกที่ “คุกขี้ไก่” ที่เราได้ยินกันตั้งแต่เด็กๆ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตอนที่ถูกฝรั่งเศสยึดครองเหมืองจันทบุรีเช่นเดียวกันกับตอนสร้างตึกแดง เมื่อเหตุการณ์ ร.ศ.112
โดยที่นี่เล่ากันว่าใช้เป็นที่กักขังนักโทษ ตัวคุกสร้างด้วยอิฐถือปูน กว้างยาวด้านละ 4 เมตร สูง 10 เมตร หลังคาเป็นรูปปิรามิด มีประตูออก 1 บาน มีช่องระบายลมทุกด้าน
เดิมฝรั่งเศสสร้างเป็นป้อม เรียกว่า “ป้อมฝรั่งเศส” ต่อมาได้จับนักโทษมาขัง แล้วเลี้ยงไก่ไว้ข้างบนให้ถ่ายมูลใส่หัวนักโทษ นี่แหละคือที่มาของคุกขี้ไก่ >,< แต่ปัจจุบันก็ทรุดโทรมไปมาก เพราะไม่ได้รับการดูแล
จบทริป 2 วัน 1 คืน ที่จันทบุรีกันแล้ว หวังว่าเพื่อนๆ คงจะชอบกันนะคะ ชวนกันเที่ยวในเมืองไทยกันดีกว่า เพราะบ้านเรามีแหล่งท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ ที่พร้อมให้เราค้นหาอีกมากมาย อย่างเช่นวันนี้ที่ Travel.MThai ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่จันทบุรี เมืองที่มากไปด้วยประวัติศาสตร์ อาหารอร่อย ^^ ครั้งหน้าเราไปไหน อย่าลืมติดตามกันนะคะ บ้าบาย …
ขอขอบคุณ ศูนย์อบรมอาชีพและธุรกิจมติชน (Matichon Academy), การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)