เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล 52 ตอนที่ 1
![amazing thailand การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/21/985-amazing_thailand.jpg)
สวัสดีครับ ชาว MThai ทุกท่าน วันนี้ Bonboy ณ MThai จะพาท่องเที่ยวทริปที่ชื่อว่า “เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล 52” ไปกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และอาจารย์คฑา ชิณบัญชร นักพยากรณ์ชื่อดังครับ ครั้งนี้ไปกันที่ อ่างทอง สุโขทัย กำแพงเพชร ระหว่างวันที่ 29-31 พฤษภาคม 2552 (ต้องขออภัยที่นำมาออกอากาศช้า…เพราะว่า ต้องเรียบเรียงข้อมูลอิงข้อเท็จจริงด้วยครับ)
ก่อนอื่นก็ต้องเล่าที่มาที่ไปซักนิดนึงว่า Bonboy ไม่ได้รับเชิญในการนี้ตั้งแต่แรกครับ (อ้าว) แต่บังเอิญว่า พี่แอ็ททีมงาน Gossipstar เขามาชวนให้ไปไหว้พระด้วยกัน เพราะเห็นว่าพักนี้ ผมหน้าหมองๆเครียดๆ ซึ่งผมก็ตอบรับทันที (เพราะรู้ตัวเหมือนกันว่าต้องการที่พึ่งทางใจอย่างด่วน) แล้วก็เลื่อมใส อาจารย์คฑา ชิณบัญชรมานานแล้วครับ เพราะว่าอ่านเนื้อหาดูดวงใน horoscope.mthai.com และ ในนิตยสาร gossipstar ก็แม้น..แม่น อยากเจอตัวเป็นๆว่า ทำไมถึงดูดวงได้แม่นโคตรขนาดนี้ แต่ถึงจะบังเอิญอย่างไรก็ต้องขอบอกว่า ไม่ผิดหวังที่ได้มา และพี่ๆน้องๆทีมงานทั่วสารทิศที่ได้รับเชิญในทริปเดียวกันก็อบอุ่นกันทั้งนั้นเลยครับ
เอาล่ะ เรามาเริ่มกันที่วันแรก มุ่งหน้าสู่อ่างทอง ไปที่วัดม่วง อำเภอวิเศษไชยชาญ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นวัดที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมากๆ เราจะเห็นองค์พระพุทธรูปสีทองท่านั่ง (ปางมารวิชัย) แต่ไกลเลยครับ
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/930-attachment.jpg)
(โกตา วิทยากรในเช้าวันนี้)
โกตา ซึ่งเป็นวิทยากรรับเชิญ เล่าว่า ตัวเองเป็นคนสนิทของ หลวงพ่อเกษม ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงสายวิปัสสนา หลวงพ่อเกษมนิมิตว่า มีพระรูปหนึ่ง (หลวงพ่อขาว) บอกแก่ท่านว่า มีวัดเก่าแก่ที่ถูกทำลายสมัยอยุธยา อยากให้มาช่วยฟื้นฟูสร้างเสียใหม่ แล้วจะมีคนมาช่วยก่อสร้างให้ใหญ่โตเอง เมื่อหลวงพ่อเกษมมายังพื้นที่แห่งนี้ก็เกิดเหตุมหัศจรรย์หลายเรื่อง มีเศรษฐีนำเงินมาบริจาค รวมทั้งได้รับแรงกำลังศรัทธาจากชาวบ้าน สร้างสรรค์ผลงานปูนปั้น และก่อสร้างสิ่งต่างๆจนเกิดเป็นศิลปะที่มีเอกลักษณ์ผสมระหว่างศาสนาพุทธแบบไทยๆ แบบมหายานตามคติจีน และตามคติพราหมณ์
ดังนั้น เราจึงสังเกตเห็นรูปปั้นเทวรูปพระพรหม พระศิวะ พระพิฆเนศ เทพประจำนักษัตร โป๊ยเซียน เจ้าแม่กวนอินพันมือ ที่สวยงามและผสมผสานความศรัทธาด้วยกัน จุดท่องเที่ยวคือ วิหารแก้ว อุโบสถล้อมกลีบบัว รูปปั้นนรก-สวรรค์ และพระพุทธรูปทองปางมารวิชัยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/931-attachment.jpg)
(อาจารย์ คฑา ชิณบัญชร บรรยายวิธีอธิษฐานขอพรต่อพระพรหม)
(ศาลเจ้าแม่กวนอินพันมือ)
วิหารแก้ว ภายในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อขาว (ในนิมิตของหลวงพ่อเกษม) และรูปปั้นเกจิอาจารย์และเทวรูปคติพราหมณ์ มีความสวยงาม ตกแต่งด้วยกระจกหลายชิ้นด้วยกัน
(ด้านหน้าวิหารแก้ว)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/935-attachment.jpg)
ต่อมาคือ อุโบสถล้อมกลีบบัวเป็นกำแพง ซึ่งเปรียบเทียบดั่งความสงบและการตรัสรู้ มีต้นสาละโดยรอบ (พระพุทธเจ้ากำเนิดใต้ต้นสาละ) สวยงามมากๆ
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/936-attachment.jpg)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/937-attachment.jpg)
(กำแพงกลีบบัวรอบอุโบสถ)
แล้วก็เดินทางผ่านบริเวณที่เรียกว่า นรก เป็นรูปปั้นจำลองการทรมานชดใช้กรรมในขุมนรก ตามความชั่วแบบต่างๆ เช่นการเป็นคนอกตัญญูต้องกลายเป็นเปรต การพูดโกหกจะต้องโดนดึงลิ้นยาว การมีชู้จะต้องปีนต้นงิ้ว (มีกิ๊ก ที่ทำให้มีคนลำบากใจก็บาปนะจ๊ะ) ดูแล้วก็ ไม่อยากทำชั่วอีกเลย ผมคงจะไม่มีชู้กับใครเขาอีกแล้วครับ (ซะงั้น…)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/938-attachment.jpg)
(รูปปั้นเปรต ย้ำเตือนให้พวกเรากระทำแต่ความดี)
(พระศรีศากยมุนีศรีวิเศษไชยชาญ)
ณ จุดที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูปชี้ลง เราสามารถไปยืนข้างใต้ แล้วอธิษฐานขอพรได้ครับ
(Bonboy แตะพระหัตถ์และอธิษฐานขอพร)
เมื่อเดินกลับ ในบริเวณใกล้ๆกันนั้น จะมีบริเวณที่เรียกว่าเป็น รูปปั้นนิทานสอนใจ จากตำนาน ชาดก และบทประพันธ์ต่างๆ สอนถึงความดี ความชั่ว จากนั้น จะเป็นบริเวณที่เรียกว่า สวรรค์ที่ มีเทพต่างๆตามคติความเชื่อแบบผสมเช่นกัน
ช่วงกลางวันเราไปทานอาหารกันที่ร้าน แม่ลาปลาเผา อันมีสัญลักษณ์เป็นขวดน้ำยักษ์ที่ทำมาจากขวดน้ำเล็กๆมาเรียงกันแล้วฉาบปูน อาหารขึ้นชื่อ ก็ชื่อ “ปลาช่อนเผา” เนื้อเหนียวนุ่ม กับน้ำจิ้มมะขามเปียกหวานหอม ไม่วายจะต้องซื้อเค้กปลาช่อนกลับไปทานด้วย ชิมแล้วได้กลิ่นเค้กเนยนมหอม ไม่มีกลิ่นคาวเลย สูตรเฉพาะของเขาจริงๆ
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/941-attachment.jpg)
(เค้กปลา สูตรแม่ลาปลาเผา)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/942-attachment.jpg)
(อดใจไม่ไหว กินเกือบหมด แล้วเพิ่งนึกได้ว่าต้องถ่ายรูปมาฝากผู้อ่าน -_-“)
จากนั้นเดินทางเข้าสู่ภายในวัดที่มี หลวงพ่อโตสมัยสุโขทัย และพระพุทธรูปปางลีลาที่มีลักษณะที่อ่อนช้อยงดงาม สามารถแตะมือเพื่ออธิษฐานขอพรได้ (เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น เมื่อได้พรนั้นแล้ว ค่อยมาขอใหม่ ชาวบ้านแนะนำอย่างนั้นครับ) วัดนี้มีส่วนที่เสียหายสึกกร่อนจากอดีตไปบ้าง แต่ทาง อบต. ก็ได้เก็บรักษาใส่ตู้ไว้เพื่อให้ชมเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/943-attachment.jpg)
(วัตถุโบราณที่ทาง อบต. แห่งนี้ เก็บรักษาเป็นอย่างดี)
(นกยก อบต. คณฑี กำลังอธิบายให้อาจารย์ คฑา ชิณบัญชรและคุณรักจิตต์ กิตติคำรณ หัวหน้างานสื่อสารองค์กร กองประชาสัมพันธ์ภายในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
(หลวงพ่อโต ในวัดปราสาท)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/946-attachment.jpg)
(อธิษฐานขอพรด้วยการแตะพระหัตถ์ ขอได้แค่อย่างเดียวเหรอ …อยากได้เป็นสิบเป็นร้อย งกจริงๆเลยเรา)
ปางลีลา เกิดจากจินตนาการของศิลปินที่คิดไปถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์หลังเยี่ยมพระมารดา เกิดเป็นท่วงท่าย่างก้าวที่เปี่ยมด้วยความศรัทธา
อาจารย์คฑา ชิณบัญชร ให้ข้อมูลเสริมว่า พระพุทธรูปในสมัยสุโขทัย จะมีใบหน้าวงรี ใบหน้ายิ้ม และมีท้องน้อยยื่นเล็กน้อย เป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งเมื่อเทียบกับสมัยอยุธยาแล้วพระพุทธรูปจะมีใบหน้ากว้างและขึงขังกว่า ทั้งนี้เพราะ สุโขทัย มีความสงบร่มเย็นกว่า (สุโขทัย แปลว่า “รุ่งอรุณแห่งความสุข”) ต่างจากสมัยอยุธยาที่มีแต่ศึกสงครามทั้งภายในและภายนอก (ใครอยากรู้ไปดูหนัง ศรีสุริโยทัย และนเรศวรของท่านมุ้ย หรือหาหนังสืออ่านเอานะครับ)
นอกจากนี้ ยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์ว่า วัดแห่งนี้ไม่ถูกทำลายไปมากนัก เพราะว่าชาวบ้านสมัยนั้นมีไหวพริบดี รู้ว่าหากพม่ามายึดเมืองใดจะทำสัญลักษณ์เสารูป “หงส์” ไว้ที่หน้าหมู่บ้านหรือวัด แล้วหันหน้าหงส์ไปที่กรุงหงสาวดี (เพื่อแสดงการจงรักภักดีในฐานะเมืองขึ้น) ดังนั้นชาวบ้านจึงทำเสาหงส์ไว้หน้าวัด ทำให้พม่าเข้าใจว่า ได้เข้ามาบุกรุกพื้นที่นี้ไปแล้วจึงยกทัพผ่านไปโดยไม่ได้ทำอันตรายต่อ ศาสนสถานแห่งนี้
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/947-attachment.jpg)
(เสาหงส์แสดงถึงเป็นการเมืองขึ้นต่อหงสาวดี)
เรื่องคติในการยึดเมืองและการตกเป็นเมืองขึ้นของชนชาติต่างๆก็ต่างกันไป ไทย-ลาว จะใช้วิธีการอัญเชิญพระที่ศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองนั้นๆมาไว้ที่เมืองหลวง (ดังเช่น พระแก้วมรกตที่เราอัญเชิญมาไว้ยังกรุงเทพฯ) ในขณะที่พม่าจะใช้วิธีการสร้างเสาหงส์ และอาจจะทำลายบางพื้นที่นั้นเสีย เนื่องจากวัดเป็นศูนย์กลางชุมชนและการศึกษา การทำลายพื้นที่วัดก็เท่ากับหยุดยั้งความเจริญและทำลายกำลังใจของเมืองนั้นๆ
ทีมงาน อบต. ไม่เพียงแต่ให้ความรู้เรา แต่ยังมีขนมกล้วย ขนมฟักทอง และน้ำสมุนไพรให้ชิมอีก รวมทั้งนำเด็กๆน้องๆนักเรียนมาแสดงการร่ายรำแบบพื้นบ้านให้ดูด้วยครับ ถึงว่าน้องๆจะไม่ใช่มืออาชีพมีรำหลุดคิวกันบ้าง และความน่ารักของเด็กๆ และความตั้งใจของชาวบ้านชนะใจทีมงานมากๆครับ
(การแสดงของนักเรียน)
(น้องคนนี้ ตัวป่วน ไม่ได้แสดงกับเขา แต่ก็มากระโดดโลดเต้นด้วย ต้องลากมาถ่ายรูปซะหน่อย)
วันแรกจบด้วยการลอยกระทงที่ลำน้ำปิง ซึ่งมีสาขาลำน้ำไหลผ่านหมู่บ้านแห่งนี้ด้วย บ้างก็เล่าว่า การลอยกระทงเป็นการขอขมาแม่น้ำคงคา บ้างก็ว่าเป็นการบูชาโลหะปราสาท แต่ในครั้งนี้ (ซึ่งไม่ใช่วันลอยกระทง) อาจารย์คฑา ชิณบัญชร เสริมความมงคลของทีมงาน (รวมทั้งท่านผู้อ่านนะครับ) ด้วยการลอยกระทงบูชาพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าที่สถิตยังเมืองบาดาลมีนาคคอยบูชา ซึ่งเชื่อว่า พระบรมสารีริกธาตุกระจายให้เก็บรักษาอยู่ในสามโลก คือ โลกมนุษย์ สวรรค์ และบาดาล
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/950-attachment.jpg)
(กระทงที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้คณะสื่อ)
![](http://travel.mthai.com/app/uploads/old_attachment/2009/06/12/951-attachment.jpg)
(คณะสื่อมวลชนลอยกระทงกันครื้นเครง)