“คริสมาสต์” เทศกาลสำคัญของชาวคริสต์ กลายเป็นเทศกาลสากลที่ทั่วโลกให้ความสำคัญไม่แพ้ “ปีใหม่” หลายประเทศจัดงานกันคึกคัก ครึกครื้น และหลายประเทศจัดได้ยิ่งใหญ่ อลังการ จน CNN GO ต้องยกให้เป็น 10 อันดับ “เมืองน่าเที่ยว ช่วงคริสมาสต์“
10 อันดับ เมืองน่าเที่ยว ช่วงคริสมาสต์
อันดับ 10 เมืองซานฮวน ประเทศเปอร์โตริโก
คริสต์มาสที่ “ซานฮวน” เป็น Christmas ที่ยาวนานมากกกก เพราะฉลองกันตั้งแต่พฤศจิกายนยาวข้ามปีไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ไฮไลท์ของงานนี้ คือ “เอลเดียเดลอสเตรสเรเยสมาโกส” หรือ “วันสามกษัตริย์” ซึ่งตรงกับวันที่ 6 มกราคมเด็กๆจะ happy ดี๊ด๊า กว่าวัยไหนเพราะจะได้ของขวัญจากรัฐเพียบ!
อันดับ 9 กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ช่วงคริสมาสต์ “ลอนดอน” ไม่เคยเงียบเหงา เพราะ “ซานต้า” เต็มบ้านเต็มเมือง แต่ระยะเวลาของคริสต์มาสที่ลอนดอนจะสั้นกว่าที่อื่น เพราะจะสิ้นสุดแค่วันคริสต์มาส อีฟ หรือวันที่ 24 ธันวาคมเท่านั้น
อันดับ 8 กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
“นิวยอร์ค” เมืองที่ไม่เคยว่างเว้นจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “เทศกาลคริสมาสต์” และ “ปีใหม่” คนนับแสนนับล้านพร้อมใจกันมาฉลอง “countdown” ที่นี่ ทุกปีจะมีการตกแต่งต้นคริสต์มาสให้สวยงามตามสถานที่สำคัญต่างๆ แต่ที่ผู้คนล้นหลามที่สุดต้องยกให้ “ร็อคกี้เฟลเลอร์เซนเตอร์” คนเกือบร้อยทั้งร้อยต้องมาเก็บภาพเป็นที่ระลึก จนแถวเรียงรายกันไปมีความยาวถึง 8 กิโลเมตร
อันดับ 7 กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แม้ “ญี่ปุ่น” จะประสบภัยสึนามิและวิกฤตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เมื่อต้นปี แต่ด้วยความเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี ญี่ปุ่นไม่เคยทำให้เราผิดหวัง สร้างสีสัน “กรุงโตเกียว” ด้วยลูกเล่นจากจอแอลอีดีพร้อมประดับประดาไฟสวยสด “ญี่ปุ่น” ยังคงงดงาม และเป็นประเทศน่าเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเหมือนเช่นเคย
อันดับ 6 เมืองมูอองซาร์ตูซ์ ประเทศฝรั่งเศส
นอกจากเรืองรองด้วยแสงไฟแล้ว “มูอองซาร์ตูซ์” ถือเป็นคริสมาสต์ที่ละลานตาด้วยตุ๊กตาตัวน้อย ความน่ารักของ “สิ่งประดับตัวจิ๋ว” ชวนให้หลายคนพามันกลับบ้านอย่างปฏิเสธไม่ได้
อันดับ 5 นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
คริสต์มาสที่ “ซิดนีย์” อากาศชิลล์ สบายๆ เพราะช่วงเทศกาลตรงกับกลางฤดูร้อนพอดี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียส ชายหาดจึงกลายเป็นที่เฉลิมฉลองที่เหมาะเจาะ ศิลปินชาวออสเตรเลียและชาติอื่นมาจัดแสดงงานศิลปะกันอย่างคึกคัก แซมด้วยการแสดงท้องถิ่น เป็นกลิ่นอายแห่ง “สีสันวันคริสมาสต์”
อันดับ 4 เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี
“เวโรนา” บ้านเกิดของคู่รักก้องโลกอย่าง “โรมิโอกับจูเลียต”ถือเป็นคริสต์มาสที่ฉ่ำไปด้วยความหวาน มีการประดับตกแต่งต้นคริสต์มาสอย่างสวยงามติดไฟยามค่ำคืนเรียงรายไปตามริมคลองตอกย้ำความโรแมนติกด้วยการจุดดอกไม้ไฟที่ปราสาทอาร์โก
อันดับที่ 3 เมืองเรคจาวิค ประเทศไอซ์แลนด์
“13 ซานต้า” ตำนานอันเป็นเอกลักษณ์ของ “เรคจาวิค” ทุกปีบรรดาเหล่าซานตาคลอสจะแบกถุงมุ่งทำภารกิจของขวัญให้เด็กๆ และที่่ถือเป็นมนต์เสน่ห์ของที่นี่อีกอย่าง คือ “หมู่บ้านคริสต์มาส” ตามความเชื่อของชาวไอซ์แลนด์คือบ้านของพวกเอลฟ์ เปิดให้เข้าชมทุกวันหยุดสุดสัปดาห์เรื่อยไปตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายนไปจนถึงวันคริสต์มาส
อันดับ 2 กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
“เวียนนา” อีกหนึ่งเมืองโรแมนติก ที่อลังการด้วยแสงไฟประดับประดาและอาหารนานานชนิด ไม่ว่าจะเป็น ขนมปังขิง วาฟเฟิล อัลมอนด์โทสต์ เกาลัดหวาน ไส้กรอกย่าง ไวน์ ฯลฯ เฉลิมฉลอง “คริสมาสต์” กันยาวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปจนถึงวันที่ 25 ธันวาคม
อันดับ 1 เมืองนูเรมเบิร์ก ประเทศเยอรมนี
ชื่ออาจไม่ติดหู แต่รู้ไว้เถอะว่า “นูเรมเบิร์ก” ดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล “คริสต์มาส” ได้มากกว่า 2 ล้านคน เพราะที่นี่พิถีพิถัน ทั้งอาหารเลิศรส ร้านขายของหลากสไตล์ เรียกกันว่าเป็น “ตลาดคริสมาสต์” ทำให้ทุกค่ำคืนมีสีสัน ทั้งอาหารตา อาหารปาก สร้างสรรค์ทุกสิ่งให้เหมาะกับคนทุกวัย ส่งท้ายปีกันแบบ “อิ่มท้อง อิ่มใจ อิ่มตา”จริงๆ
———————————————————-
ที่มา : CNN Go