ถ้าพูดถึงประเทศที่มีสถานที่โรแมนติกและคู่รักชอบไปเที่ยวกันมากที่สุด หนึ่งในนั้นก็คงจะมี “ฮอกไกโด” ประเทศญี่ปุ่นแน่นอน เมื่อหน้าหนาวมาเยือน หิมะสีขาวปกคลุมทั้งเมือง มันมีเสน่ห์และมนต์ขลัง ทำให้เราหลงรักได้ไม่รู้จบ วันนี้ Trave.mthai จะพาเพื่อนๆ ตามรอยทริป “แฟนเดย์” กับ 5 ที่เที่ยวสุดโรแมนติกในฮอกไกโด ไปดูกันซิว่า ใน 1 วัน เด่ยชัยและนุ้ย ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง
ตามรอยทริป “แฟนเดย์”
กับ 5 ที่เที่ยวสุดโรแมนติกในฮอกไกโด
1. Otaru (โอตารุ)
เมืองแห่งกล่องดนตรี คลองโอโตรุ และนาฬิกาไอน้ำโบราณ
เมืองโอตารุ จัดว่าเป็นเมืองที่สวยงามดั่งภาพวาดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว เป็นเมืองท่าเรือขนาดเล็ก มีแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นไฮไลท์ของเมืองมากมาย อาทิ
คลองโอตารุ ไหลผ่านกลางเมือง ตรงนี้แหละเป็นหนึ่งในจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครไปต้อง แช๊ะ! รูปตรงนี้กันทั้งนั้น ซึ่งเราสามารถนั่งเรือชมความงามเลียบสองฝั่งคลองได้ด้วย ตามถนนก็ประดับตกแต่งด้วยโคมไฟแบบวิคตอเรียน ยามค่ำคืนเมื่อแสงไฟสาดส่องสีนวล สร้างบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ

ย่านจัตุรัส (Marchen Square) เป็นจัตุรัสที่ตั้งอยู่ ถนนซาไกมาจิ(Sakaimachi Street) ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ ซึ่งด้านหลังก็จะเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Music Box Museum) เป็นอาคารเก่าแก่สไตล์ยุโรป สร้างด้วยอิฐแดง ภายในสร้างเป็นโครงไม้
มีด้วยกัน 3 ชั้น คือ ชั้นที่จำหนายกล่องดนตรีน่ารักๆ หลากหลายรูปแบบ, ชั้นจัดแสดงเกี่ยวกับกล่องดนตรีอายุร้อยกว่าปี มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น และชั้นที่สาม เราสามารถประดิษฐ์กล่องดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกได้ โอ้โหวววว!


นาฬิกาไอน้ำโบราณ (Stream Clock) สไตล์อังกฤษ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูป เก็บภาพสวยๆ อีกที่หนึ่ง ซึ่งนาฬิกาไอน้ำนี้จะปล่อยดังกังวานไปทั่วและปล่อยควันออกมาทุก 1 ชั่วโมง บรรยากาศเหมือนเราอยู่ในฮอกวอตส์ยังไงยังงั้น
นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์เครื่องแก้ว ซูชิ ร้านขนมหวาน และเบียร์โอตารุ ที่เป็นจุดเด่น น่าสนใจอีกที่ด้วย

————————————————————————————————————————–

2. Noboribetsu (โนโบริเบทสึ)
มองตากัน 1 นาที ที่หุบเขานรก
ถึงแม้ชื่อจะน่ากลัว แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่โรแมนติกมาก! เป็นแหล่งกำเนิดน้ำออนเซนที่เกิดจากการระเบิดของปากปล่องภูเขาไฟ ว่ากันว่าที่โนโบริเบทสึเป็นออนเซนที่ดีที่สุดในฮอกไกโดเชียวนะ มีน้ำแร่มากกว่า 9 ชนิด!

ระหว่างเส้นทางเดินไม้สุดคลาสสิค จะเต็มไปด้วยบ่อโคลนสีน้ำตาลและไอน้ำฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ และถ้าเราขึ้นไปจุดชมวิวบนหอคอย เราสามารถมองเห็นแก๊สภูเขาไฟที่พุ่งขึ้นมา พร้อมกับกลิ่นของกำมะถัน >,<
นั่งรถไฟต่อไปที่ เมืองท่าฮาโกดาเตะ กันดีกว่า เมืองนี้สวยนะ ถนนนี้ไงที่นุ้ยกับเด่นเดินเล่าเรื่องอดีตกัน
————————————————————————————————————————–

3. Hakodate (ฮาโกดาเตะ)
จุดชมวิวทิวทัศน์สวยๆ ติดอันดับโลก
ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองท่าขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญมากๆ อีกเมืองหนึ่ง ตั้งอยู่เกือบใต้สุดของฮอกไกโด ที่นี่มีวิวทิวทัศน์ติด 1 ใน 3 วิวที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น และติดอันดับโลกด้วย ลองพาคนรักไปชมวิวที่นี่ดูสิ โรแมนติกสุดๆ! และถึงแม้ไม่ได้ชมวิวยามค่ำคืน แต่วิวตอนกลางวันก็สวยไม่แพ้กัน อีกทั้งวิวบนยอดเขาในแต่ฤดูก็จะมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปด้วย ส่วนการเดินทางขึ้นไปบนยอดภูเขาฮาโกดาเตะเพื่อชมวิว ก็สามารถนั่งกระเช้าไปบนยอดเขา เพียง 3 นาทีเท่านั้น

Red Brick Warehouse & Hakodate Factory ท่าเรือและโกดังอิฐแดง ที่นี่แหละเป็นฉากหลังที่เด่นชัยและนุ้ยมายืนกินไอติมกัน ^^ เป็นโกดังสไตล์ยุโรป ตั้งอย่างสวยงามอยู่ 5 หลัง หันหน้าออกไปยังทะเล ซึ่งปัจจุบันได้ถูกดัดแปลงให้เป็นแหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ที่ฮิตมากๆ ในหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งถ้ามาเที่ยวช่วงฤดูหนาว ก็จะมีการประดับไฟสวยงามมากที่เดียว

————————————————————————————————————————–

4. Akaigawa Town
เล่นสกีที่ คิโรโระ สกีรีสอร์ท .. ลั่นระฆังแห่งความรัก
สถานที่ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้! เป็นสถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรัก 1 วัน ของเด่นชัยและนุ้ย มีระฆังแห่งความรักตั้งอยู่บน ลานสกีคิโรโระ ซึ่งเป็นระฆังที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าใครมาขอพรเรื่องความรักที่นี่แล้วจะสมหวัง และที่ คิโรโร๊ะ ยังเป็นที่ตั้งของ โบสถ์สุดโรแมนติกอีกด้วย

คิโรโระ สกีรีสอร์ท (Kiroro Ski Resort) เป็นสกีรีสอร์ท ที่มีหิมะแบบ powder snow ละเอียดนุ่มเหมือนผงแป้ง! ที่นี่มีชื่อเสียงมาก ผู้คนนิยมมาเล่นสกีกันในช่วงกลางเดือน ธ.ค.-เม.ย. สามารถนั่งกระเช้ากอนโดล่าขึ้นสู่ยอดเขา เพื่อชมความงามของวิวทิวทัศน์ที่งดงาม และขึ้นไปเคาะระฆัง บนลานสกีคิโรโระ
ที่นี่ยังมีออนเซนให้ได้ผ่อนคลายกันด้วย มีทั้งแบบกลางแจ้งและในร่ม อีกทั้ง คิโรโระ ยังได้รับการจัดอันดับจาก National Geographic ให้เป็น 1 ใน 20 สถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดแห่งปี 2016 (2016 Best of The World List) อีกด้วย
————————————————————————————————————————–

5. Sapporo
เที่ยวเทศกาลหิมะที่ซัปโปโร
มีเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง จัดขึ้นประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกๆ ปี บนพื้นที่จัดงาน 3 ส่วนคือ สวนสาธารณะโอโดริ, ย่านการค้าซูซูกิโน และซัปโปะโระคอมมูนิตีโดม (สึโดมุ) ในงานมีการนำเสนอประติมากรรมที่สร้างจากหิมะและน้ำแข็งเป็นจำนวนนับร้อยชิ้น เทศกาลหิมะซัปโปะโระเป็นเทศกาลหิมะที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น และมีผู้เข้าชมงานจากทั่วโลกกว่า 2 ล้านคนทุกปี ซึ่งบริเวณสวนสาธารณะโอโดรินั้นจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะฤดูไหนก็จะเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ให้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ

มาถึงซัปโปโร ทั้งทีก็ต้องถ่ายคู่หอคอย! ซัปโปโรทีวีทาวเวอร์ (Sapporo TV Tower) หอคอยที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองซัปโปโร แบบพาโนรามา 360 องศา และหอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร

นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย อาทิ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum), ซัปโปโรโดม (Sapporo Dome), ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine), อุทยานแห่งชาติ Shikotsu-Toya (Shikotsu-Toya National Park) เป็นต้น
เรียบเรียง Travel.Mthai.com