ตื่นแต่เช้าออกเดินทางทริปสายบุญกันต่อ ในวันที่ 3 นี้เราต้องออกเดินทางจาก หาดใหญ่ ไป เชียงรายกันค่ะ ซึ่ง สายการบินแอร์เอเชีย (Air Asia) เปิดเส้นทางไป-กลับ 2 เที่ยวบินต่อวัน .. เราเดินทางเที่ยวบิน FD 420 เวลา 6.00 น. กำหนดถึง 8.15 น. (อ่าน ทริปสายบุญ! แอ่วเหนือ-ล่องใต้ ไหว้พระ วัดขึ้นชื่อประจำเมือง (ตอนที่ 1))
ทริปสายบุญ! แอ่วเหนือ-ล่องใต้
ไหว้พระ วัดขึ้นชื่อประจำเมือง (ตอนที่ 2)

พอเครื่องลงถึงสนามบินแม่ฟ้าหลวงปุ๊บ รับกระเป๋า แล้วออกเดินทางกันต่อเลย.. เราเดินทางไปกินข้าวเช้ากันที่ร้าน Chiang Rai Challenge ร้านน่ารัก เรียบๆ มีมุมถ่ายรูปหลายมุมเลย แถมได้วิวธรรมชาติ ภูเขา ต้นหญ้าสวยๆ ด้วย ร้านนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย อยู่ตรงนี้สามารถมองเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิม องค์ใหญ่ ของวัดห้วยปลากั้ง ทีตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก


มุมสวยๆ ของร้าน Chiang Rai Challenge ที่มองจากหอคอย สวยใช่ไหมล่ะ ^^

ที่ร้าน ยังมีพื้นที่ ให้อาหารแกะด้วยนะจ๊ะ

หน้าตาอาหาร น่าทานมากๆ รสชาติอร่อย เข้มข้น ^^

หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็เดินทางสายบุญของเรากันเลยดีกว่า แรงพร้อม ใจพร้อม ลุยกันเลย!! ซึ่งวัดแรกในจังหวัดเชียงราย ที่เราเดินทางไปก็คือ วัดปลาห้วยกั้ง เป็นวัดขึ้นชื่ออีกวัดหนึ่งของเมืองเชียงราย ตั้งอยู่บนภูเขาสูง มีเนินเขารายล้อมรอบวัด สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

วัดปลาห้วยกั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เดิมที่เป็นวัดรกร้าง แต่ได้ถูกบูรณะและก่อสร้างขึ้นใหม่ โดยพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโส ใช้เวลาก่อสร้าง 999 วัน จนกลายมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงรายอีกครั้ง มีความเชื่อกันว่า หากใครมาเยือนที่แห่งนี้แล้ว จะเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์

สิ่งที่โดนเด่นของวัดนี้ก็คือ “พบโชคธรรมเจดีย์” เป็นเจดีย์สูง 9 ชั้น รูปทรงแปลกตาคือ มีลักษณะเป็นทรงแหลมแบบศิลปะจีนล้านนา หลังคาสีแดง มีรูปปั้นมังกรทอดยาวทางสองข้างบันได และร้อมรอบด้วยเจดีย์เล็กๆ 12 ราศี

ภายในเจดีย์ ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมปางประทานพรองค์ใหญ่ แกะสลักจากไม้จันหอมที่นำมาจากประเทศจีน อินเดีย พม่า อีกทั้ง 8 ชั้นยังประดิษฐานพระพุทธรูป และพระอรหันต์ต่างๆ ไว้อีกด้วย

อาทิ หลวงพ่อพระพุทธโสธรจำลอง, เจ้าแม่กวนอิมปางพันมือ, หลวงปู่โต, หลวงปู่ทวด, พระพุทธรูปปางนาคปรก ในชั้นที่ 7 ถือว่าเป็นชั้นสวรรค์ดาวดึงห์ ปกป้องคุ้มครองปฐพี, ชั้นที่ 8 เป็นพระศรีอริยเมตไตรย เทพพระเจ้าแห่งความสำเร็จ ความร่ำรวย ประทานทรัพย์ ประทานพร และชั้น 9 พระอิศวร

การขอพรเจ้าแม่กวนอิม แต่ละปางก็จะมีการขอพรที่แตกต่างกัน เช่น เจ้าแม่กวนอิมปางเภสัช ของพรในเรื่องเจ็บป่วยให้หาย, เจ้าแม่กวนอิมปางปราบมารสามหน้า ขออโหสิกรรมจากเจ้ากรรมนายเวร, เจ้าแม่กวนอิมปางประทานทรัพย์ ขอในเรื่องการเงิน ธุรกิจ การค้า เป็นต้น
วิวสวยๆ ของบริเวณรอบๆ วัดห้วยปลากั้ง ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังชั้นต่างๆ

นอกจากนี้ “พบโชคธรรมเจดีย์” แล้ว ยพระอาจารย์พบโชค ติสสะวังโสก็ได้มีการสร้าง เจ้าแม่กวนอิมตามนิมิตองค์ใหญ่ ขนาด ความสูง 69 เมตร 23 ชั้น สามารถขึ้นด้วยลิฟท์ ชั้น 22-23 สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเชียงราย



ที่ที่ 2 เราเดินทางไปยัง “บ้านดำ” สร้างขึ้นโดย อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติที่มีฝือทางด้านจิตรกรรม ปฏิมากรรม ซึ่งท่านได้สร้างผลงานศิลปะไว้มากมาย บอกเลยว่าเคยเห็นครั้งแรกสวยสะดุดตามากๆ ถึงแต่จะเป็นที่ดำที่ทำให้รู้สึกถึงความดุดันก็ตาม แต่ก็สวยมากๆ ทีเดียวค่ะ

ลักษณะเด่นของ บ้านดำ ก็คือ เป็นกลุ่มบ้าน ศิลปะล้านนา ทุกหลังจะทาด้วยสีดำ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อบ้านดำและยังเป็นสีโปรดของ อ.ถวัลย์ อีกด้วย มีทั้งหมด 36 หลัง จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ในบ้านแต่ละหลังจะประดับด้วยไม้แกะสลักที่มีลวดลายงดงาม นอกจากนี้ยังมีเขาสัตว์ เช่น เขากวาง เขาควาย และกระดูกสัตว์ เช่นกระดูกช้าง ประดับด้วย ซึ่งบ้านเหล่านี้อาจารย์ไม่ได้สร้างเพื่ออยู่อาศัย แต่สร้างเพื่อเก็บสะสมสิ่งของต่างๆ

ด้านในบ้านดำหลังแรก



บริเวณรอบๆ ระหว่างทางที่เราเดินไปยังบ้านหลังต่างๆ
ก็สงบร่มเย็น ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติและต้นไม้










หลังจากนั้นช่วงบ่ายๆ เราก็เดินทางเข้าที่พัก เก็บกระเป๋าและพักผ่อนกันสักพัก หลังจากออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ^^ คืนนี้เรามาพักกันที่ โรงแรม The Imperial River House Resort ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง เชียงราย ห้องสวย สะอาด กว้างมากๆๆๆ และบรรยากาศดีมากๆ ค่ะ


มองจากที่นั่งในห้องพักก็จะเป็นวิวสระว่ายน้ำ


ส่วนห้องน้ำนี่ปลื้มสุด กว้างมากๆ มีทั้งอ่างอาบน้ำ และห้องอาบน้ำแยกสัดส่วนชัดเจน
พอหันกลับไปทางประตูก็เป็นกระจกเต็มบาน ส่องได้เต็มตัวเลยจ้า ..

พักผ่อนกันได้พอหายหน่อย สถานีต่อไปเราออกเดินทางไป วัดร่องขุน วัดชื่อดังและเป็นวัดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไทย สร้างโดยท่านอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ซึ่งการสร้างวัดนี้ท่านได้รับแรงบันดาลใจมาจาก 3 สิ่ง คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ท่านได้สร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลที่ ๙ ซึ่งลักษณะของวัดร่องขุน ถอดแบบมาจากวัดมิ่งเมือง จังหวัดน่าน






ห้องน้ำสีทองทั้งหลัง อลังการ

เดินชมวัดร่องขุนกันก็จะเย็นมากแล้ว เราเดินทางไป ไร่บุญรอด กันต่อค่ะ วันนี้เราจะไปกินอาหาร พร้อมๆ กับชมพระอาทิตย์ตกดินไปด้วย ฟินไปสิ!!!
มาถึงทั้งทีต้องผ่านสิงค์ยักษ์กันก่อน ^^

ตรงทางเข้าก็มีดอกไม้สวยๆ บานเต็มไปหมดเลย >,<

วันนี้เราจะมาทานข้าวเย็นกันที่ ร้านภูภิรมย์ (Phu Phi Rom) เป็นร้านอาหารที่อยู่ในไร่บุญรอด และเป็นอีกจุดชมวิวยามเย็น เห็นพระอาทิตย์ตกสวยๆ อีกด้วย แต่ก่อนจะไปกินข้าว เรายังพอมีเวลาแวะเดินเล่น ถ่ายรูปที่ไร่ชา อยู่ใกล้กับร้านอาหารนิดเดียวเอง ^^







นี่คือหน้าตาเมนูอาหารที่เราสั่งมาทานกันค่ะ น่ากินใช่ไหมล่ะ ^^



หลังจากทานเสร็จ เราก็เดินทางไปในตัวเมืองกันต่อ เราจะพาไปชม หอนาฬิกาเชียงราย แลนด์มาร์คและสีสันของเมืองเชียงราย เป็นงานศิลปะที่แฝงด้วยกลิ่นอายพระพุทธศาสนา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีที่สวยที่สุดในประเทศไทย ออกแบบโดย อ.เฉลิมชัย


ในเวลา 19.00, 20.00, 21.00 นาฬิกาของทุกวัน จะมีไฟข้างในเปลี่ยนสีพร้อมกับมีเสียงเพลงเชียงรายรำลึก หรือ ดนตรีบรรเลง ดังลั่นใจกลางเมืองให้ผู้ที่ผ่านไปมาได้ชมศิลปะแสงสีเสียงตระการตา

จบทริปอีกหนึ่งวันในเชียงราย กลับที่พักนอนเอาแรง แล้วพรุ่งนี้ไปลุยสายบุญกันต่อ! เป็นวันสุดท้ายแล้ว .. ตื่นเช้ามาก็ลงมาทานอาหารเช้า ซึ่งทางโรงแรมก็มีอาหารเช้าหลายแบบให้เลือดกินค่ะ กินเสร็จก็มานั่งเล่นที่ริสระว่ายน้ำ เตรียมพร้อมออกเดินทางกัน เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้แล้ว >,<

ห้องอาหาร โรงแรม The Imperial River House Resort

สระว่ายน้ำ ^^


ที่นี่มีจักรยานให้ยืมปั่นเล่นกันด้วยนะ ^^

เราออกเดินทางกันต่อในเช้าวันสุดท้าย สายบุญวันนี้เราเริ่มต้นกันที่ วัดร่องเสือเต้น วัดนี้สวยมากๆ เล่นสีสันสดใส น้ำเงินฟ้าเหลือบม่วง โดดเด่นมากๆ สร้างเป็นลวดลายกนกและผสมความดุดันเข้าด้วยกัน สร้างโดยคุณ สล่านก หรือนายพุทธา กาบแก้ว ลูกศิษญ์ของอาจารย์เฉลิมชัย โดนท่านนิยามพระวิหารแห่งนี้ว่า เป็นทิพยสถาน คือเป็นการสรรเสริญพระพุทธเจ้าทั้งในรูปแบบของประติมากรรมและจิตรกรรม เมื่อคนเข้าไปมีจิตใจดีก็จะรักษาศีลก่อให้เกิดสมาธิและปัญญาตามมา




ข้างในพระวิหารก็สวยมากๆ ค่ะ



วัดพระแก้วเชียงราย คือวัดที่เราเดินทางมาถึงเป็นที่ต่อไป ที่วัดแห่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของพระแก้วมรกต ซึ่งพระแก้วมรกตถูกค้นพบ ณ วัดแห่งนี้ ต่อมาจึงย้ายไปประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในกรุงเทพฯ

เจดีย์นี้ อดีตเคยประดิษฐานพระแก้วมรกตไว้ภายใน


และวัดสุดท้ายที่เรามากราบสักการะกันก็คือ วัดดอยงำเมือง วัดเก่าแก่ที่เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย เพราะเป็นที่บรรจุอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราช และกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนสถานที่แห่งนี้เป็นโบราณสถานแห่งชาติ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478



ที่บรรจุอัฐิของพ่อขุนเม็งรายมหาราช ซึ่งจะไม่ทำเป็นทรงเจดีย์แหลม

จากนั้นเราเดินทางไปทานมื้อเที่ยงกันที่ ร้านมาลองเต๊อะ เป็นร้านอาหารเหนือ รักสุขภาพ รสชาติอร่อย มีเมนูหลากหลายที่เราเองก็ยังไม่เคยทานมาก่อน ร้านน่ารัก บริการเป็นเอง ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ รอบข้างด้วย



ตบท้ายด้วย ไอศกรีมโฮมเมด ของทางร้าน

ถัดไปข้างๆ ก็จะเป็น ขัวศิลปะ เป็นศิลป์สถานซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของกลุ่มศิลปินเชียงรายที่ตั้งใจสร้างหอศิลป์สำหรับแสดงงานและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยอาจารย์เฉลิมชัย ซึ่งจะมีการจัดแสดงศิลปะของศิลปินเชียงราย ตอนที่เราไปนั้นกำลังจัดแสดงศิลปะที่รำลึกถึงอ.ถวัลย์ ดัชนี ค่ะ
ตึก 2 ชั้น ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งหน้าไปทางอำเภอแม่สาย สุดชายแดนไทย



เอาล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องกลับบ้านกันแล้วสินะ! แต่เดี๋ยวก่อน เวลาเรายังพอมีเหลือก่อนไปสนามบิน ผู้ใหญ่ใจดีพาเราไปเที่ยว หมู่บ้านชาวเขา กัน ซึ่งที่นี่จะรวบรวมหมู่บ้านของชาวเขา 5 ชนเผ่า คือ เย้า, ลาหู่, ปาต่อง, กะเหรียง(คอยาว) และปะหล่อง แต่ละชนเปาก็จะแต่งตัวแต่งต่างกันไป


ภายในเขาก็จะบอกเส้นทางให้เราเดินไปตามทาง ซึ่งก็จะไปเจอเชนผาต่างๆ ไล่ไปตั้งแต่ชนเผาแรกจนสุดท้าย มีการทำสิ่งของเครื่องใช้ เครื่องประดับ ขายแก่นักท่องเที่ยว แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะเงียบเหงาไปหน่อย ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมามากนัก

ถ้าเพื่อนๆ ได้มีโอกาสมาเที่ยวเชียงราย ก็อย่าลืมแวะมากันนะคะ มาช่วยอุดหนุนสินค้าของชาวเขาที่นี่กันนิดหน่อย เพราะรายได้ส่วนหนึ่งของเขาก็มาจากการขายของนี่แหละ













ก่อนกลับเราก็แวะถ่ายรูปกันที่ มหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย
และสวยที่สุดแห่งเอเชีย “มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง” กันค่ะ สวยสมชื่อจริงๆ ^^

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ แอร์เอเชีย และ ททท. ที่พาทีมงาน Travel.mthai เดินทางท่องเที่ยวทริปสายบุญข้ามภาคใต้-เหนือ กันเลยทีเดียว และขอขอบคุณอาจารย์ชวลิต จิตภักดี ผู้เชียวชาญทางด้านประวัติศาตร์และพุทธสถาน ผู้ที่ให้ ความรู้เกี่ยวกับการออกทริปสายบุญในครั้งนี้ ทริปนี้เป็นทริปที่สนุกและประทับใจมากๆ หวังว่าเพื่อนๆ ที่ได้อ่านอยากเที่ยวตามรอย พาครอบครัวเที่ยวกันในวันหยุดสุดสัปดาห์นะคะ ^^