บ้านสันเจริญ สวนยาหลวง เที่ยวน่าน เที่ยวพะเยา เที่ยวภูเขา

หนีร้อนขึ้นดอย “สวนยาหลวง” บ้านสันเจริญ จ.น่าน ในวันที่ธรรมชาติยังบริสุทธิ์

Home / ข้อมูล 77 จังหวัด / หนีร้อนขึ้นดอย “สวนยาหลวง” บ้านสันเจริญ จ.น่าน ในวันที่ธรรมชาติยังบริสุทธิ์

หนีร้อนขึ้นดอย “สวนยาหลวง”
บ้านสันเจริญ จ.น่าน

ถ้าพูดถึงที่เที่ยว จ.น่าน ที่สามารถขึ้นไปนอนมองดาว และโอบกอดฟากฟ้าทะเลหมอกได้นั้น หลายคนก็คงนึกถึง ดอยเสมอดาว แต่รู้ไหม ยังมีอีกหนึ่งดอยสูง ที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักมากนัก ธรรมชาติจึงยังงดงามน่าค้นหา และเราก็อยากพาไปสัมผัสกันวันนี้ค่ะ

สวนยาหลวง บ้านสันเจริญ อยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยศึกษาการอนุรักษ์ต้นน้ำดอยกาด อ.ปง จ.พะเยา มีความสูง 1600 เมตร จากระดับน้ำทะเล สามารถขึ้นได้สองฝั่ง ทั้งฝั่งอ.ท่าวังผา จ.น่าน และอ.ปง จ.พะเยา เพราะมีพื้นที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เราขึ้นจากทางฝั่งน่านค่ะ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 77 กิโลเมตร

ต้องขอเกริ่นก่อนว่า เดิมทีสวนยาหลวงเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นของชาวเขาเผ่าเมี่ยนที่ใหญ่มากๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทย  แต่ด้วยน้ำพระทัยของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงให้ชาวบ้านหันมาปลูกพืชไร่ และพืชเศรษฐกิจอย่างเมล็ดกาแฟพันธ์อะราบิก้า ทดแทนฝิ่น ปัจจุบันกาแฟจึงกลายเป็นรายได้หลักของชาวบ้านไปโดยปริยาย

จากหมู่บ้านสันเจริญ เราต้องนั่งรถ 4WD ของชาวบ้านขึ้นสู่ยอดดอยสวนยาหลวง ที่ซึ่งไม่ได้ไปกันง่ายๆ นะคะ เพราะทางจัดว่าโหดและค่อนข้างสมบุกสมบันทีเดียว เป็นถนนลูกรัง ชันและคดเคี้ยว บางช่วงตกหลุมตกบ่อ เรานั่งอยู่ด้านหลังแทบไม่ได้ทรงตัวเลยค่ะ โขยกเขยกไปตามแรงส่ายของรถ แล้วก็ต้องคอยหลบกิ่งไม้ระหว่างทาง ได้รสชาติการผจญภัยไปแบบเต็มๆ

ผ่านระยะทางมาสิบกว่ากิโลได้ ประมาณหนึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงบนยอดดอยแล้ว ภาพทุ่งหญ้าเขียวขจี คลอเคลียรอบทิวเขา และสันเขาเบื้องหน้าเรียงตัวทอดยาว ช่วยลดความเหนื่อยล้าให้หายเป็นปลิดทิ้ง เรายืนถ่ายภาพและชื่นชมธรรมชาติอยู่ไม่นาน แสงสุดท้ายของวันก็ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้าไป สำหรับใครอยากมานอนกางเต็นท์ด้านบน สามารถกางได้นะคะ แต่ลมค่อนข้างแรง แนะนำให้กางในศาลาที่อยู่บริเวณเนินเขาจะดีกว่า สามารถประกอบอาหารได้ด้วยค่ะ

สำหรับเราและเพื่อนร่วมทริป ขอลงไปนอนพักเอาแรงที่โฮมสเตย์ของชาวบ้านในไร่กาแฟ โดยติดต่อผ่านพี่กฤษ ผู้เป็นทั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน (กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ) / ไกด์ท้องถิ่นรูปหล่อ / เจ้าของร้านกาแฟ Lapien Coffee (กาแฟลาเปี้ยน) และผู้ดูแลนักท่องเที่ยวอย่างเราตลอด 2 วัน 1 คืน แถมทำกับข้าวอร่อยๆ ให้กินอีก ประทับใจสุดๆ ซึ่งที่นี่เขาจะไม่มีไฟฟ้าใช้นะคะ แต่มีไฟจากแบตเตอร์รี่ที่ชาวบ้านขนขึ้นไป ส่วนสัญญาณโทรศัพท์จะมาๆ หายๆ เช่นเดียวกับวายฟายค่ะ ความตั้งใจจริงของทริปนี้คือจะมานอนดูดาวล่าช้าง แต่ดั๊นนมาผิดวันไปหน่อย เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง สว่างจ้า ไม่เห็นดาวสักดวงเลยจ้า

เวลาตี 5.30 ของเช้าวันใหม่ ได้เวลาผจญภัยขึ้นเขาสวนยาหลวงอีกครั้ง เพื่อซึมซับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า สัมผัสลมหนาวในฤดูร้อน ที่อุณหภูมิลดต่ำเหลือ 13 องศา หูยย แล้วคิดดูว่าหน้าหนาวจะหนาวขนาดไหน ชมทิวทัศน์ธรรมชาติ 360 องศา ดอกหญ้าชูช่อพริ้วตามแรงลม มันงดงามมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เดี๋ยวจะหาว่าโม้ ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง!! นอกจากนี้ เรายังได้ดูพี่กฤษ ดริปกาแฟโชว์ท่ามกลางขุนเขาอีกด้วย โคตรเท่อะ กลิ่นกาแฟหอมละมุน รสกลมกล่อม จัดว่าคอกาแฟห้ามพลาดเชียว

ก่อนโบกมือลาสวนยาหลวง เราแวะมาไหว้พระพุทธรูปปางประทานพร ที่ประดิษฐานอยู่บนเขา โดยคณะสงฆ์วัดป่าคอวังและคณะน้ำน่านออฟโรด ได้อัญเชิญขึ้นมาไว้ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อปกปักรักษาชาวบ้าน บ้านสันเจริญ

เพื่อนคนไหนอยากได้ประสบการณ์ชีวิต ที่ทั้งสนุก เหนื่อย มันส์ ครบรสชาติ แบบนี้ละก็ ติดต่อ พี่กฤษ ภูวนาท เจริญรัตนนุกุล ที่เบอร์ 086-390-7737 นี้ได้เลย หรือทาง inbox ในเพจ ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ มีบริการนำเที่ยวขึ้นสวนยาหลวง พร้อมที่พักแบบโฮมสเตย์ รวมอาหารเย็น ในราคาคืนละ 1000 บาท ต่อคน

แม้ฤดูร้อนอย่างเดือนมีนาคมจะไม่มีทะเลหมอกสวยอลังการอย่างช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่ไฮไลท์เด็ดคงหนีไม่พ้น กลุ่มดาวนับล้านดวง ที่เปล่งแสงระยิบระยับอยู่บนฟากฟ้า ที่นักล่าช้างไม่ควรพลาดแม้แต่นิดเดียว แต่หากมาหน้าฝน รถโฟวิลจะขึ้นไปส่งได้แค่ครึ่งทาง ไม่ถึงข้างบนนะคะ เพราะทางอาจถูกตัดขาด หรือติดหล่มจนไปไม่ได้ ต้องอาศัยการเดินเท้าขึ้นไปค่ะ

การท่องเที่ยวในหมู่บ้านสันเจริญ ไม่ได้จบเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าเราจะพาไปเที่ยวรอบๆ หมู่บ้านกันค่ะ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ต้องรอติดตามน้า

จิบกาแฟ แลตะวัน

สถานที่เที่ยวในจังหวัดน่านที่น่าสนใจ

– ‘ตึกรังษีเกษม’ สัมผัสกลิ่นไอ ความคลาสสิค จากวันวานสู่ปัจจุบัน
– แอ่วเนิบๆ ที่เมืองน่าน นั่งรถรางทัวร์ บ้านม่วงตึ๊ด

ขอบคุณการเดินทางครั้งนี้ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ คุณภูวนาท เจริญรัตนนุกุล (พี่กฤษ)