boarding pass Check Through connecting flight direct flight transfer transit การต่อเครื่องบิน บินไปต่างประเทศ บินไปเที่ยวต่างประเทศ วิธีขึ้นเครื่องบิน

ขั้นตอนการ “ต่อเครื่องบิน” เมื่อต้องบินไปต่างประเทศ

Home / ทิปท่องเที่ยว / ขั้นตอนการ “ต่อเครื่องบิน” เมื่อต้องบินไปต่างประเทศ

ใกล้ช่วงวันหยุดยาว เทศกาลท่องเที่ยวต้องมา เห็นเพื่อนๆเดินทางโดยเครื่องบินกันบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา “ตกเครื่อง” หรือ “งง” หากต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง หรือ ต่อเครื่องระหว่างทาง วันนี้เราเลยขอเจาะลึกเรื่องการเดินทางโดยเครื่องบินแบบ “ต้องต่อเครื่อง” กันค่ะ มันคืออะไร แล้วต้องทำอย่างไรกันบ้าง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้กับแทบทุกสนามบิน เพราะเป็นการปฏิบัติกันแบบสากล

ขั้นตอนการ “ต่อเครื่องบิน” เมื่อต้องบินไปต่างประเทศ

ว่ากันง่ายๆเวลาเดินทางโดยเครื่องบิน มักจะมี 2 แบบ คือ

  1. Direct Flight (บินตรง) – ขึ้นเครื่องปุ๊ปก็นั่งไปเรื่อยๆจนถึงปลายทาง
  2. Connecting Flight (ต่อเครื่อง) – มีการแวะพักที่สนามบินระหว่างทาง และค่อยขึ้นเครื่องใหม่อีกครั้ง เพื่อไปยังสนามบินปลายทาง

ศัพท์เกี่ยวกับการบินแบบต่อเครื่อง ที่ได้ยินกันบ่อยๆ

  • Transit (ทรานซิท) คือการแวะพักเครื่องระหว่างทาง และกลับมาขึ้นเครื่องลำเดิมหรือลำใหม่ก็ได้ แต่เลขเที่ยวบิน (Flight Number) ส่วนใหญ่จะเป็นเลขเดิม! การ Transit มีเหตุผลต่างๆกันไป เช่น เพื่อรับผู้โดยสารระหว่างทาง หรือ อาจจะแวะเติมน้ำมันระหว่างทาง เป็นต้น แต่เครื่องบินจะอยู่ที่สนามบินระหว่างทางนี้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง!
  • Transfer (ทรานสเฟอร์) คือ การเปลี่ยนเครื่องระหว่างทาง และจะกลับมาขึ้นเครื่องของสายการบินเดิม หรือ สายการบินใหม่ก็ได้ โดยเลขเที่ยวบิน (Flight Number) จะแตกต่างกัน
  • Stop Over คือ การแวะพักเครื่องบินระหว่างทาง และพักเกิน 24 ชั่วโมงขึ้นไป
  • Check Through (Check Thru), Fly Thru คือ การเดินทางแบบต่อเครื่อง เมื่อแวะพักสนามบินกลางทาง ไม่ต้องไปรับกระเป๋าสัมภาระ เพราะจะถูกลำเลียงไปยังเครื่องลำใหม่หรือลำเดิมโดยอัตโนมัติ เราไปรับกระเป๋าที่ปลายทางได้เลย
  • Boarding Pass (บอร์ดดิ้ง พาส) คือ เอกสารยืนยันการขึ้นเครื่องบิน ในเที่ยวบินที่ได้ทำการจองไว้

ขั้นตอนการ “ต่อเครื่องบิน”

1. จุดเริ่มต้นที่สนามบินต้นทาง

  • Check in (เช็คอิน) ไม่ว่าจะบินแบบบินตรง หรือ ต่อเครื่อง เมื่อมาถึงสนามบินต้องทำการเช็คอินกับสายการบินก่อน และควรสอบถามกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่า กระเป๋าสัมภาระเรานั้น Check Through หรือไม่
    ข้อสังเกตุง่ายๆ:
    >หากได้ Boarding Pass มา 2 ใบ แปลว่ากระเป๋า Check Through ให้เลย
    >หากได้ Boarding Pass มา 1 ใบ แปลว่าต้องไปรับกระเป๋าที่สนามบินระหว่างทาง และทำการ Check in ใหม่อีกครั้ง เพื่อไปยังสนามบินปลายทาง

2. จุดพักที่สนามบินระหว่างทาง

  • ตามที่เกริ่นไปตอนแรกในขั้นตอน Check in ให้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าการต่อเครื่องนั้น เราต้องรับกระเป๋าสัมภาระที่สนามบินระหว่างทางหรือไม่ หรือ สัมภาระถูก Check Through ให้  จึงแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้

1. กรณีกระเป๋าสัมภาระถูก Check Through

  • เมื่อออกมาจากเครื่องบินแล้ว เดินตามป้าย Transfer, Transit หรือ Connecting Flight และ เดินตามป้ายนั้นจนถึง Gate ที่เราต้องต่อเครื่อง (เมื่อมาถึงแนะนำให้ตรวจสอบหมายเลข Gate ที่เราต้องไปรอ และไฟล์บินอีกครั้ง)

2. กรณีกระเป๋าสัมภาระไม่ถูก Check Through

  • เมื่อออกมาจากเครื่องบินแล้ว เดินตามป้าย Arrival ผ่าน ตม. ปกติ (อย่าลืมกรอกใบ ตม. และในช่องที่พัก ให้กรอกว่า “Transit”) ส่วนใหญ่ กรณีพักระหว่างทางไม่เกิน 24 ชั่วโมง ไม่ต้องขอวีซ่า แต่ให้พริ้นใบ E-Ticket ไปด้วย (เผื่อกรณี ตม. ขอดู) ทั้งนี้ต้องเช็คข้อมูลการเข้าของแต่ละประเทศอีกครั้ง เพราะบางประเทศอยู่ไม่เกิน 24 ชั่วโมงแต่ก็ต้องทำวีซ่า
  • เมื่อผ่าน ตม. ขาเข้าแล้ว ให้ไปรับกระเป๋าสัมภาระที่สายพานรับกระเป๋า
  • และเมื่อถึงเวลาต้องการเข้าไปใน Gate ก็ต้องทำการ Check in อีกครั้ง สแกนกระเป๋า โหลดสัมภาระ ผ่าน ตม. ขาออก เพื่อไปยัง Gate

3. เมื่อถึงสนามบินปลายทาง

  • เมื่อออกจากเครื่องบินก็เดินตามป้าย Arrival ผ่าน ตม. และไปรับกระเป๋าสัมภาระที่สายพาน
  • ออกจากสนามบินไปท่องเที่ยวได้ตามอัธยาศัย

หวังว่า ใครที่เดินทางท่องเที่ยวแล้วต้องบินแบบต่อเครื่อง จะเดินทางถึงจุดหมายปลายทางกันได้อย่างไม่งง ไม่ตกเครื่อง ไม่หลงนะคะ^^


บทความที่น่าสนใจ

รู้ไว้ไม่ตกเครื่อง! เทียบช่วงเวลาเปิด-ปิด Gate จาก 7 สายการบิน

 

เอาอะไรขึ้นเครื่องได้บ้าง

 

ไขข้อข้องใจ พาเด็กขึ้นเครื่องบินต้องเตรียมตัวยังไง