British Museum (บริติช มิวเซียม) กลาง กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร อังกฤษ แห่งนี้ เรียกตนเองว่า เป็น Collection of the World ก็คงไม่ผิด เพราะมีของเก่าแก่ ที่ได้มาจากทุกมุมโลก ด้วยอำนาจของสมัยยุคล่าอาณานิคม และสิ่งของที่วางไว้ หลายสิ่งเห็นแล้ว ก็อุทานในใจว่า “ขนย้ายมาได้อย่างไร?” เพราะของบางอย่างมีน้ำหนักหลายตัน และอุทานอีกทีว่า “แล้วพื้นที่ดั้งเดิม จะเหลืออะไรให้ดูล่ะเนี่ย?” โดยเฉพาะที่ต้องมาดูคือ โลงมัมมี่ อิยิปต์ และวิหาร Parthenon แห่ง กรีก โบราณ
British Museum พิพิธภัณฑ์รวมเรื่องราวทั้งโลกในที่เดียว (ลอนดอน)

กำเนิด พิพิธภัณฑ์ British Musuem
พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 1953 และเปิดให้เข้าชม ฟรี อย่างเป็นทางการเมื่อ 1959 โดยเริ่มต้นจาก Sir Hans Sloane ผู้ซึ่งมีของสะสมโบราณมากมาย ได้ถวาย พระราชา George II เพื่อเป็นสมบัติประเทศ อังกฤษ (โดยได้เงินตอบแทน) จากนั้นก็มีของสะสมมาเพิ่มเติมมากมาย
ต่อมาก็มีการปรับแต่ง อาคาร จนสวยงาม ภายนอกเป็นวิหาร กรีก อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
อ้างอิง http://www.britishmuseum.org/about_us/the_museums_story/general_history.aspx

ไฮไลท์ British Musuem
สิ่งของมีค่ามากๆสำหรับการศึกษา ประวัติศาสตร์ โลกนี้ ได้แก่
- Rosetta Stone (หินจารึก อักษร ซึ่งเป็นการส่วนสำคัญการในแปลภาษา อิยิปต์ เป็นภาษา กรีก และเราก็แปลความหมายออกจากภาษา กรีก อีกทีหนึ่ง เรื่องภาษาอิยิปต์ หรือ Heiroglyphic สาบสูญ แต่ ภาษากรีกยังคงตกทอดมายังปัจจุบัน)
- วิหาร Parthenon (วิหารใหญ่แห่งอาณาจักร กรีก โบราณที่บูชา เทพี อาธีนา)
- โลง มัมมี่ ต่างๆจาก อิยิปต์ และรูปสลัก
- นาฬิกาโบราณ
- รูปสลักหน้าวิหารของ เปอร์เซีย อัสซีเรีย
หลังจากที่ของสะสมเริ่มเยอะขึ้น ก็มีการแยกย้าย เรื่องราว ของสะสม และหนังสือเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ ไปไว้อีกที่หนึ่ง คือ National Museum ส่วน บริติช มิวเซียม ก็กลายเป็นของสะสมที่ไม่ใช่เรื่องราวของ อังกฤษ เท่านั้น แต่กลายเป็นของมีค่าสำหรับทั้งโลกเลย

เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ และข้อครหา
เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ ของ พิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ ก็คือ แนวคิดเรื่อง การ ล่าอาณานิคม ในสมัยก่อนนั่นเอง ซึ่ง สหราชอาณาจักร มีความคิดในเรื่องของการขยายพื้นที่ปกครองเพื่อประโยชน์ทางการค้า วัฒนธรรม และการสำรวจ ซึ่งข้อหลังนั้นทำให้ มีการสำรวจมากมายในดินแดนต่างๆที่เป็นเมืองขึ้น บางครั้งก็ถึงขั้น “ถือวิสาสะ” ขนกลับ อังกฤษ ไปวิจัยต่อ
เรื่องถือวิสาสะนี้ ก็แรงเกินจนกระทั่ง คนที่ไปเที่ยว อิยิปต์ ยังบอกว่า พิพิธภัณฑ์ ที่นั่น ยังมี มัมมี่ และของสะสมไม่มากเท่ากับ บริติช มิวเซียม เลยด้วยซ้ำ (และก็มีตำนานคำสาป มัมมี่ ต่อมากับทีมสำรวจเหล่านี้)

รวมทั้ง วิหาร Parthenon ในปัจจุบันนี้ ที่ กรีซ ก็เหลือเพียงซากปรักหักพัง ครั้นจะบูรณะขั้น ก็กล่าวหาว่า คงไม่มีศิลปะใดๆจะให้ซ่อม เพราะส่วนใหญ่มาอยู่ที่ อังกฤษ เสียหมด ซึ่งทาง อังกฤษ ก็ตอบข้อครหานี้ว่า คิดดูแล้วกันว่า ถ้า อังกฤษ ไม่เก็บกลับมาแสดงใน พิพิธภัณฑ์ ศิลปะเหล่านี้ก็ยังคงถูกปล่อยปละเป็นซากพังๆไปอีกหลายสิบปี (อืม! ตอบได้ดี!)
เมื่อหมดยุคล่าอาณานิคม บางคนบอกว่า อังกฤษยังฝันหวานวันวานในความยิ่งใหญ่ จึงมีพิพิธภัณฑ์นี้อยู่ และไม่ส่งของสะสมคืนประเทศเจ้าของเขาเสียที

ซึ่งก็มีมีแก้คำครหาเพิ่มว่า นี่คือความตั้งใจที่จะเป็น พิพิธภัณฑ์ แห่งเดียว ที่เก็บประวัติศาสตร์โลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นการเก็บเพื่อการศึกษาจริงๆไม่แสวงหาผลกำไร เพราะการเข้าชม ฟรี! (ดังนั้น ไม่เห็นจำเป็นต้องส่งของคืนซะหน่อย แถมยังดูแลให้อย่างดีด้วยนะ)
อ้างอิง: ไกด์ทัวร์ประจำทริป เป็นคนอังกฤษได้รับใบอนุญาติถูกต้องจ้า
บรรยากาศ และข้อแนะนำการเดินชม บริติช มิวเซียม
ผมแนะนำว่า การเดินชมนั้น เดินที่ชั้นล่าง Ground Level ที่มีชุดสะสมของ กรีก เปอร์เซีย อัสซีเรีย และ อิยิปต์ นั่นคือ ไฮไลท์ใหญ่ที่สุดแล้วครับ อลังการและตะลึง ที่ผู้ดี อังกฤษ เก็บมาทั้งประตูเมือง รูปปั้น วิหาร หน้าบัน เสา ฝาโลงศพ แม้กระทั่ง กำแพงวัง (การเดินทั่วส่วนเหล่านี้ ใช้เวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง)



จากนั้น ไปชม ห้องนาฬิกา ชั้น 3 ที่เรียกว่า มีกลไลนาฬิกาโบราณ ที่มีวิวัฒนาการแบบมีเสียงเพลง ด้วยน่าทึ่งมากๆ (ส่วนนี้ใช้เวลา 15 นาที) และยังมี มัมมี่ อีกเพียบในชั้นนี้ด้วย ทั้งโลงและทั้งศพที่ห่อผ้า และไม่ได้ห่อผ้า และของใช้ รูปปั้นของ อิยิปต์ และ กรีก อีกบางส่วน (ส่วนนี้ใช้เวลา 30 นาที)



ส่วนที่เหลือ จะมี ห้อง Neville ที่เป็นเหมือนห้องสมุด ผสมห้องนักสำรวจมีการโชว์ของสลับสับเปลี่ยนกันไป (15 นาที) ส่วนของอารยธรรมแอฟริกาชั้นใต้ดิน (20 นาที) ส่วนของอารยธรรมเอเชีย (20 นาที) และส่วนของจิตรกรรมภาพวาดต่างๆ




ซึ่งคนส่วนใหญ่ จะดูเพียงส่วนของ กรีก อิยิปต์ กันด้วยเวลา 1-2 ชั่วโมง แล้วก็จบกัน ไปเที่ยวอย่างอื่นต่อ (เพราะของชิ้นอื่นๆ ไม่ได้สำคัญมากนัก พอหาดูได้ที่อื่น)
ระหว่างการชม คุณจะเจอกับ กลุ่มนักเรียนตัวน้อย ที่มากับอาจารย์ และได้รับโจทย์ให้วาดภาพศิลปะกลับไป
การเดินทาง มายัง บริติช มิวเซียม
สามารถมาทาง Underground ได้ทั้งสี่มุม (สี่สถานี) ได้แก่ Goodge Street, Tottenham Court Road, Rusell Square และ Holborn (โดยประตูหน้า รูปวิหารอยู่ที่ Great Russell Street และเปิดประตูหลังให้เข้าได้ ไม่ต้องเดินอ้อม ที่ Montague Place)
การเข้าชม ให้ไปหยิบคู่มือ ที่ Information counter ก่อนเลย แล้ววางแผนเส้นทาง จะได้ไม่ต้องเดินย้อนไปมาเสียเวลาครับ