สเปน (spain) เป็นประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากจะไปเที่ยวสักครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเรื่องของฟุตบอล สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์อีกมากมาย.. เมื่อไม่นานมานี้ แพร อมตา จิตตะเสนีย์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘แพรี่พาย’ บิวตี้บล็อคเกอร์ชื่อดังของเมืองไทย เธอไปเที่ยวที่ประเทศสเปน ชมความงามของสถานที่ในประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวต่งๆ รวมถึงมีของกินแปลกมาเพือนๆ ดูกันด้วย!
ชีวิตมีสีสัน! เที่ยวสเปน บาร์เซโลนา-มาดริด กับ ‘แพรี่พาย’ บิวตี้บล็อคเกอร์สาวสวย
แพร อมตา จิตตะเสนีย์ หรือ ‘แพรี่พาย’ บิวตี้บล็อคเกอร์คนนี้ เธอเป็นอีกหนึ่งสาวที่ชื่นชอบการไปเที่ยวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะในประเทศ หรือต่างประเทศ ว่างเมื่อไหร่ก็มักจะหาเวลาไปท่องเที่ยวพักผ่อนอยู่เสมอ ซึ่งเธอก็จะ เช็คอิน! แชร์ภาพสถานที่สวยๆ พร้อมกับสไตล์การแต่งหน้าในแต่ละวัน ให้คนที่ติดตามได้ชมผ่านเฟสบุ๊คและอินสตาแกรม และทุกคนก็มักจะเห็นรอยยิ้มและความสดใสของเธออยู่ตลอดเวลา ชีวิตมีสีสันสุดๆ!
และเมื่อไม่นานมานี้ แพรี่พาย ได้ไปเที่ยวประเทศสเปนพร้อมกับครอบครัว ซึ่งเธอไปเที่ยว เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เป็นเมืองท่าสำคัญ อีกทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว กับ เมืองมาดริด (Madrid) เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสเปน เยี่ยมชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรมที่สวยงาม รวมถึงอาหารการกินของที่นี้ก็ดูมีสีสัน น่าทานมากๆ อีกด้วย #pearypiearoundtheworld เอาล่ะ ตาม แพรี่พาย ไปเที่ยวสเปนกัน!
บาร์เซโลนา (Barcelona)
Casa Milà

เป็นพิพิธภัณฑ์และพื้นที่ศิลปะใน Eixample ตึกนี้เป็นผลงานออกแบบของเกาดี และสร้างในปี 1906 ถึง 1912 ทั้งภายในและภายนอกมีการออกแบบตามสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของเกาดี โดยใช้เส้นสายโค้งมน ประติมากรรมแนวเหนือจินตนาการ และรายละเอียดอันประณีตบรรจงบนทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งภายในท่อระบายอากาศ
ปัจจุบันที่นี่เป็นที่ตั้งของพื้นที่แกลเลอรี่สำหรับการจัดนิทรรศการ ลานรอบบ้าน ห้องใต้หลังคา ชั้นล่าง พื้นที่บนหลังคา และอพาร์ทเมนต์ La Pedrera เปิดให้ผู้คนเข้าชมเพื่อดูตัวอย่างงานของเกาดี
ตึกนี้มีชื่อเล่นว่า La Pedrera ซึ่งมีความหมายว่า “เหมืองหิน” ในภาษาอังกฤษ นั่นเป็นเพราะการออกแบบภายนอกของตึกที่เป็นพื้นผิวขรุขระมีลักษณะคล้ายเหมืองหิน เดิมทีตึกนี้สร้างเป็นบ้านส่วนตัวและมีอพาร์ทเมนต์ให้เช่าที่ชั้นบน UNESCO ขึ้นทะเบียนตึกนี้เป็นอาคารมรดกโลกในปี 1984
Casa Batlló

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ใน Eixample เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
สร้างขึ้นโดย อันตอนี เกาดี (สถาปนิกชื่อดังของโลก) ตั้งแต่ปี 1904 จนถึงปี 1906 ให้เป็นบ้านของผู้ปกครองเมืองผู้มั่งคั่งและครอบครัว หลังจากบูรณะเป็นเวลานานหลายปี บ้านหลังนี้จึงเปิดให้ผู้คนเข้าชมในปี 2002 และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ภายในบ้านไม่มีเฟอร์นิเจอร์ แต่ห้องหับต่างๆ ยังคงได้รับการเก็บรักษาให้อยู่ในสภาพเดียวกับตอนที่ครอบครัว Batlló อาศัยอยู่
ยืนที่ถนนและมองเข้ามาเพื่อชื่นชมความงามของด้านหน้าตัวบ้าน การออกแบบแนวเหนือจริงและการใช้สีฟ้าอ่อนทำให้เกิดความรู้สึกสงบดั่งมหาสมุทร สไตล์เกาดีของจริงจะต้องไม่มีเส้นตรง หลังคาหลากสีมีลักษณะคล้ายกระดูกสันหลังของมังกร หน้าต่างรูปไข่ เสารูปร่างคล้ายกระดูก และกระเบื้องโมเสกหลากสี ถือเป็นผลงานชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของเกาดีก็ว่าได้

Picasso Museum (Museu Picasso)

พิพิธภัณฑ์ Barcelona Picasso Museum หรือ พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของบาร์เซโลนา ที่แห่งนี้มีผลงานของปิกัสโซ มากกว่า 3,500 ชิ้น ทั้งภาพวาด ภาพเขียน รูปแกะสลัก และงานเซรามิกต่างๆ ได้พัฒนามาจากภาพขีดๆ เขียนๆ เมื่อครั้งยังเป็นเด็กจนกลายมาเป็นผลงานแบบคิวบิสม์ที่สำคัญที่สุดหลายชิ้น

พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ อยู่ในอาคารหลังใหญ่สไตล์โกธิค ในย่านเมืองเก่าที่คึกคักไปด้วยผู้คน อาคารบางหลังมีอายุยาวนานย้อนไปถึงศตวรรษที่ 13 อาคารทั้งห้าหลังนั้นเชื่อมต่อกันหมด คอลเล็คชันผลงานที่จัดไว้ถาวรของเขาก็ถูกจัดเรียงตามลำดับเวลา
แวะพักทานไอศรีม มันจะใหญ่อะไรขนาดนี้!
Park Güell (ปาร์กเกวย์)
ปาร์กเกวย์คือหนึ่งในบรรดาผลงานชิ้นแรกๆ ของเกาดีในฐานะสถาปนิก ที่นี่เป็นคอมเพลกซ์สวนที่มีองค์ประกอบด้านสถาปัตยกรรม ตั้งอยู่บนเขาเอลการ์เมล ในเขตกราเซีย เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา
สร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1900 ถึง 1914 เนื่องจากที่แห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุม 0.1718 กม² ทำให้เป็นหนึ่งในงานด้านสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปใต้ และเป็นส่วนหนึ่งในสถานที่ตั้งมรดกโลก ที่เป็นงานของเกาดี โอ้โห ….

Sagrada Família (ซากราดาฟามีเลีย)
เป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนา ออกแบบโดยอันตอนี เกาดี อีกแล้ว เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโมเป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลักษณะเด่นของอาคารแห่งนี้จะสังเกตได้ถึงสีที่ตัดกันของหินด้านหน้าและด้านหลังอย่างชัดเจน จะเห็นความแตกต่างกันระหว่างแบบเก่าและแบบที่สร้างต่อขึ้นไหม่ในปัจจุบัน
งานชิ้นนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2425 มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอย นับตั้งแต่ปีเริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้วแค่ 8 หอคอย แม้เกาดีจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผู้ร่วมงานของเขายังคงสานต่อโครงการโดยอาศัยรูปถ่าย ภาพร่าง และแบบจำลองที่เกาดีทำไว้

แต่แล้วในปี พ.ศ. 2479 โครงการก็ต้องหยุดชะงักเพราะสงครามกลางเมืองในสเปนห้องใต้ดินและแบบจำลองอย่างละเอียดก็ถูกเผาทำลาย แต่เมื่อสิ้นสุดสงครามทีมงานก็กลับมาทำงานกันต่อ โดยอาศัยภาพร่าง ภาพถ่ายและแบบจำลองอื่น ๆ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย ภายหลังได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ออกแบบ แต่ถึงจะใช้เทคโนโลยีมากมายมาช่วย กว่าโครงการนี้จะเสร็จก็อีกยาวไกลถึงปี พ.ศ. 2569

Port Vell, Barcelona

Port Vell เป็นท่าเรือเก่าแก่ของเมืองบาร์เซโลน่า ซึ่งเมื่อก่อนจะมีตึกและโกดังเก็บของเก่าๆ เป็นจำนวนมาก จนเมื่อในปี 1992 ประเทศสเปนได้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิค ท่าเรือแห่งนี้จึงได้มีการปรับปรุงใหม่ โดยสร้างถนนและอาคาราบ้านเรือนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตั้งแต่นั้นมาท่าเรือ Port Vell ก็กลายเป็นแห่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองบาเซโลน่าอีกแห่งหนึ่ง
และในปัจจุบันมีเรือยอร์ชจอดเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ให้อารมณ์เหมือนอยู่ชายทะเล บรรยากาศชิวๆ สบายๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ตั้งของอนุสาวรีย์ นักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ “คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส” ความสูง 60 เมตรอีกด้วย
Barcelona, Camp Nou (กัมนอว์)

เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ตั้งอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา แคว้นกาตาลุญญา เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1954 และเปิดใช้งานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2500 ก่อนจะมีการปรับปรุงซ่อมแซมอีกหลายครั้ง เคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเมื่อปี พ.ศ.2525 ฟุตบอลในโอลิมปีกเมื่อปี พ.ศ.2535 เป็นต้น
สเปน บาร์เซโลนา
เดินทางกันต่อด้วยรถไฟ จากเมืองบาร์เซโลนา ไปยัง เมืองมาดริด
มาดริด (Madrid)
El Escorial (เอล เอสกอเรียล)
ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงมาดริด สร้างเพื่อรำลึกถึง ชัยชนะของสเปนเหนือฝรั่งเศส ในสงคราม Saint Quentin ในปี ค.ศ. 1557 พระเจ้าฟิลิปที่ 2 ทรงเลือกทำเลบนเชิงเขาที่สูงจากน้ำทะเลราว 1,028 เมตรด้วยพระองค์เอง และจัดเป็นสิ่ง ก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกยุคนั้น
เอล เอสกอเรียล ประกอบด้วยพระราชวัง โบสถ์ โรมัน วิหาร คอร์ทยาร์ด หอสมุด โรงเรียน และพิพิธภัณฑ์ โดดเด่นด้วยหอคอย 4 หลังสูง 55 เมตร โดมหลังคาสูงตระหง่าน 92 เมตร อีกทั ้งภายในยังตกแต่งด้วยภาพเขียนศิลปิน มีชื่อ เช่น เอล เกรโก, ทิเชียน, เวลาซเควซ เป็นต้น
Puerta del Sol (ปูเอร์ตา เดล โซล)
เป็นย่านที่ผู้คนคึกคัก มักใช้เป็นจุดนัดพบของคนที่อยู่ในเมืองนี้ ตั้งอยู่และรายล้อมไปด้วยอาคารสีครีมแบบศตวรรษที่ 18 ลองสังเกตุดูจะมีรูปปั้นหมีตั้งอยู่ตรงใจกลางเป็นจุดที่มีลักษณะเด่น หรือ รูปปั้นคนขี้ม้า (พระเจ้าคาร์ลอสที่ 3) นอกจากนั้นที่นี่ยังเป็นแหล่งช๊อปปิ้งชั้นเยี่ยม มีของแบรนด์เนมให้เลือกซื้อกันเยอะแยะไปหมด!
นอกจากนี้ก็ยังมี อาหาร หน้าตาแปลกๆ แบบ 2 อย่างนี้อีกนะ!
อันแรกเรียกว่า paella (ปาเอยา) อาหารประจำชาติของประเทศสเปนเชียวนะ ข้าวนำไปหุงในกระทะแบนใบใหญ่ ใส่เนื้อสัตว์ (ส่วนมากใช้อาหารทะเล) และเครื่องเทศ น้ำสต็อก เสิร์ฟบนกระทะร้อน พร้อมตักทานในกระทะได้เลย
เมนูที่สอง คือ Churros (ชูโรส) หรือ ปาท่องโก๋สเปน เป็นแป้งทอด มีลักษณะยาวเป็นแท่ง นิยมรับประทานในสเปน ฝรั่งเศส ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส และสหรัฐอเมริกา โดยมากในสเปน นิยมจุ่มกับช็อกโกแลตร้อนหรือกาแฟนม ซึ่งชาวสเปนนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า
ขอบคุณรูปภาพ-ข้อมูล อินสตาแกรม @pearypie , www.expedia.co.th, th.wikipedia.org, http://ayathaitravel.com/