ที่ถ่ายรูปสวย อินเดีย ที่เที่ยวห้ามพลาด ที่เที่ยวอินเดีย เที่ยวอินเดีย เมืองชัยปุระ เมืองเดลี

[รีวิว] เที่ยวอินเดีย 5 วัน 5 คืน กับ 3 เมือง ชัยปุระ-อัครา-เดลี

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / [รีวิว] เที่ยวอินเดีย 5 วัน 5 คืน กับ 3 เมือง ชัยปุระ-อัครา-เดลี

“เห้ย..ไปอินเดียจริงดิ” “คิดไงไปอินเดียเนี้ยยย” “ไปอินเดียท้องเสียแน่ๆ” “ระวังเรื่องกลิ่นล่ะ” สารพัดคำพูดที่มักได้ยินตอนบอกคนอื่นว่าจะไป เที่ยวอินเดีย แต่การมาอินเดียในครั้งนี้ทะลายกำแพงความกลัวทุกๆ อย่างจากที่เคยได้ยินมาหมด และตอนนี้ก็ ตกหลุมรักอินเดีย เข้าแล้วล่ะ

[รีวิว] เที่ยวอินเดีย 5 วัน 5 คืน
กับ 3 เมือง ชัยปุระ-อัครา-เดลี

เรื่องน่ารู้ ก่อนไปอินเดีย

– คนอินเดียน่ารัก ยิ้มแย้ม เฟรนด์ลี่สุดๆ และชอบถ่ายรูปมากกกก ชอบมาขอถ่ายรูปด้วย เราก็ถ่ายๆกับเค้าไปเถอะ เค้าไม่ทำอะไรเราหรอก ตอนอยู่อินเดียเลยรู้สึกป๊อปปูล่าเลยอ่า 555555

– อาหารการกิน เอาจริงก็ยากหน่อยสำหรับคนที่ไม่ชอบกลิ่นเครื่องเทศ แต่ถ้าลองเปิดใจลองกินดู มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ สรุปมาม่าที่เตรียมมาคือเหลือเยอะมาก เพราะเพลินกับอาหารอินเดีย แต่ถ้าจะให้เซฟก็เลือกร้านที่ดีๆหน่อย ปลอดภัยชัวร์

– อินเดียร้อนตับแล่บ ก็เลือกมาในฤดูหนาวของเค้าสิจ๊ะ ครั้งนี้เฟิร์นมาในปลายเดือน พ.ย. อากาศตอนเช้าๆ อยู่ที่ประมาณ 15-16 องศา แต่พอตอนบ่ายก็ประมาณ 27-28 องศา อากาศกำลังสบายๆ แร้ไม่เปียก

– กลิ่นจั๊ก อ่ะมันก็มีบ้างแหละ เพราะคนที่นี่กินแต่เครื่องเทศ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเดินมา 100 คนต้องจั๊กแรงทุกคนนะ มันก็เป็นบางส่วน อันนี้เราก็มองข้ามมันไปให้อภัยเค้าหน่อย อยู่ไปอยู่มาเดี๋ยวจมูกก็ชินเนอะ

– การเข้าห้องน้ำ อันนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น อาจจะต้องเลือกเข้าด้วย หลายครั้งที่เฟิร์นไปซื้อกาแฟในร้านเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำดีๆ หน่อย แต่มันก็โอเคเลยนะ ทางที่ดีพกทิชชู่เปียกไปเยอะๆ

– การขับรถบนท้องถนนคือที่สุดของที่สุดจริงๆ นั่งไปเกร็งตรีนไป ไฟเลี้ยวนี่ไม่จำเป็นเลยปาดได้ปาด แทรกตรงไหนได้แทรก ระทึกทุกวินาทีบนท้องถนน เสียงแตรก็ก้องกังวาลไปในโสตปราสาท บันเทิง!

-สิงสาลาสัตว์ตาท้องถนนเยอะมาก มีทั้งอูฐ ช้าง ม้า วัว ควาย แพะ หมา ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ยิ่งกว่าไปสวนสัตว์

– อินเดียไม่มีเซเว่นนะ มีแต่ร้านขายของชำคล้ายๆ บ้านเรา ไปช้อปปิ้งร้านพวกนี้แก้ขัดได้

– ตามสถานที่ท่องเที่ยวจะมีคนปรี่เข้ามาขายของ ถ้าเราไม่สนใจก็เซย์ No! ไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เดี๋ยวเค้าก็เลิกตามเราเอง

– Passport คนไทย ใช้ลดค่าเข้าได้หลายสถานที่ ได้ราคาเดียวกับคนอินเดียเลยอ่า ดีเว่อร์ อย่าลืมพกติดตัวไปด้วยล่ะ

สำหรับการไปอินเดียของเฟิร์นครั้งนี้ใช้เวลา 5 วัน 5 คืน กับ 3 เมือง คือ ชัยปุระ (Jaipur) – อัครา (Agra) – เดลี (Delhi) 3 เมืองนี้เรียกได้ว่าเป็น Golden Triangle of India เลยนะ ส่วนงบที่ใช้ไปทั้งหมดประมาณ 10,000 บาท ไม่รวมค่าตั๋วนะจ๊ะ ตั๋วนี่แล้วแต่บุญวาสนาในการกดตั๋วเลย ขาไปเฟิร์นเลือกไปกับสายการบิน AirAsia ลงที่เมืองชัยปุระ ส่วนขากลับ กลับที่เมืองเดลี กับสายการบิน SpiceJet (สายการบินประจำชาติอินเดีย)

การทำ Visa แน่นอนละว่าสำหรับคนไทยที่จะไปอินเดียจะต้องใช้วีซ่า ส่วนการทำวีซ่านั้นก็ง่ายมากๆ โดยเรายื่นขอเป็น e-Visa ยื่นออนไลน์ทางเว็ปไซต์ https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html ค่าวีซ่า 80 usd คิดเป็นเงินไทยประมาณ 2700 กว่าบาท (แล้วแต่ค่าเงินในช่วงนั้นๆ) จากนั้นรออีกประมาณ 1-2 วัน ก็จะมีเมลล์ส่งมายืนยันว่าวีซ่าผ่านแล้วน้าาา ให้ปริ้นตัว e-Visa นั้นไว้ แล้วมายื่น ต.ม. ตอนเข้าเมืองที่อินเดียได้เลยจ้า

การเดินทางในอินเดีย การไปเที่ยวอินเดียครั้งนี้ เราเลือกที่จะเช่ารถพร้อมคนขับ (แถมไกด์มาให้ด้วยในบางสถานที่) เฟิร์นใช้รถจากบริษัท Delhi Rajastan Car Tour ในการเดินทางตลอดทั้งทริป (ตามเว็ปนี้เลย https://www.delhirajasthancartour.com) ได้คนขับรถชื่อ Mr.Vinodkumar พี่แกน่ารักมากจริงๆ ช่วยเหลือทุกอย่างเลย ทำให้การมาอินเดียในครั้งนี้ยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้นไปอีก ส่วนค่าใช้จ่ายใน 5 วัน หารกันแล้วคนละประมาณ 3,000 บาท (ไปกัน 6 คน) ถือว่าคุ้มค่าเลยแลกกับความสะดวกสบายของเรา

ที่พัก เฟิร์นพัก 2 เมือง นอน Jaipur 3 คืน ที่โรงแรม Pandya Niwas ห้องละประมาณ 700 กว่าบาท (ไม่มีอาหารเช้านะ แต่สั่งเพิ่มได้) และที่ Agra 2 คืน พักโรงแรม Hotel Alleviate (ที่นี่แอบมองเห็นทัชมาฮาลด้วย) ราคาประมาณ 1,100 บาท ที่พักดี มีอาหารเช้าให้ ด้านบนสุดเป็น Rooftop มีร้านอาหารและบาร์ชื่อร้าน Hichkee ร้านนี้บรรยากาศดี๊ดีเลยล่ะ ตอนกลางคืนไปนั่งกินดื่มชิลๆ

สายโซเชียล อย่าลืม Internet ทริปนี้เฟิร์นใช้ Sim2fly ของ AIS ราคา 399 บาท สามารถใช้เน็ต 4G/3G แบบ Non-stop ความเร็วสูงสุด 4G ใช้ได้นาน 8 วัน  (แต่สัญญาณบางจุดก็แอบขาดๆ หายๆ ไปนะ)

ร่ายยาวมาหมดละ มาถึงแพลนเที่ยวแต่ละสถานที่ตามนี้เลย 5 วัน 5 คืนกับ 18 สถานที่

วันที่ 1 ชัยปุระ (Jaipur)

1. Amber Fort

วันแรกเริ่มต้นกันที่ Amber Fort ป้อมปราการที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบเมาตา (Maota) มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดู และศิลปะราชปุต

การเดินทางขึ้นไปสามารถไปได้ทั้งขี่ช้าง หรือนั่งรถจี๊ป หรือจะเดินขึ้นไปก็ได้ เฟิร์นเลือกขี่ช้างขึ้นไป ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย 1,100 รูปีต่อ 2 คน แลกกับความบันเทิงบนหลังช้างถือว่าคุ้ม ได้ทั้งการเกร็งตัวสุดดดด กลัวตก เกาะแน่น และน้องช้างก็น่าเอ็นดู เดินไป กินน้ำไป พ่นน้ำไป ขี้ไป เอ้ออออ สนุกสุดๆ

ขี่ช้างขึ้น Amber Fort

ก่อนลงจากช้าง พ่อควาญช้างตัวดีเค้าก็จะหันมาขอทิป ตรงนี้จริงๆไม่ต้องให้ก็ได้นะเพราะมีป้ายเขียนตั้งแต่ก่อนจะขึ้นมาแล้วว่าไม่ต้องให้ทิป แต่ด้วยความใจดีและกลัวจะไม่ได้ลงจากหลังช้างก็เสียให้ไปเบาๆ 100 รูปี

ค่าเข้า Amber Fort คนละ 500 รูปี แต่เฟิร์นเลือกซื้อเป็นบัตรรวม สามารถเข้าได้อีก 8 สถานที่ในเมือง Jaipur ราคาคนละ 1,000 รูปี ใช้ได้ในเวลา 2 วัน
สถานที่ทั้ง 8 ที่ ตามนี้เลย (3 ที่สุดท้ายเฟิร์นไม่ได้ไปนะ)
– Amber Fort
– Jantar Mantar
– Albert Hall
– Nahargarh Fort
– Hawa Mahal
– Sisodia Rani Bagh
– Vidhyadhar Bbagh
– Isarlat

ซื้อบัตรเสร็จเข้างานได้จ่ะ อันนี้เป็นทางเข้าเพื่อชมภายใน Amber Fort

เว่อร์วังอลังการมั๊ยล่ะ

จุดนี้คนก็จะออต่อคิวกันถ่ายรูปเยอะนิดนึง มาถึงแล้วก็รอต่อคิวกันหน่อ

ภายใน Amber Fort

ที่เห็นกลมๆ นั่นคือกระทะนะน่าจะเอาไว้ทำอาหารกินกันทั้งวังเลยแหละ

2. Sri Jagat Siromaji Temple

ที่ต่อมาคือ Sri Jagat Siromaji Temple ที่นี่ไม่ได้มีอยู่ในแพลนแต่แรก แต่หลังเสร็จจาก Amber Fort ลุงไกด์ใจดีของเราก็พาเดินลงมาอีกทาง (ขี่ช้างขึ้น แต่เดินลงนะ) เลยมาเจอกับวัดฮินดูเก่าแก่วัดนี้

ตอนแรกก่อนเข้าไปนึกว่าวัดร้าง ซึ่งมันก็ดูร้างจริงๆ แหละ แต่พอเข้าไป อื้อหือออ สถาปัตยกรรมสวยงามจริงๆ

ลุงไกด์บอกว่าที่นี่มีพระอยู่รูปเดียวแล้วเป็นวัดที่เก่าแก่มากแล้วด้วย

3. Panna Meena Ka Kund

Panna Meena Ka Kund คือบ่อเก็บน้ำโบราณแบบขั้นบรรได มีไว้ให้ชาวบ้านได้ใช้สอย ที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก Amber Fort เลย เดินถัดจากวัดฮินดู Sri Jagat Siromanji มานิดนึงก็เจอแล้ว

ที่นี่เค้ามีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ ตอนแรกเจ้าหน้าที่ไม่ให้ลงไปข้างล่าง แต่ถ้าอยากลงไปต้องจ่ายเงินมาซะดีๆ ไอ้เราก็งกไง ก็เลยเซย์โนไปจ้าาา มานึกๆ อีกที เสียดายโว้ยยยยย 55555

น้ำเขียวขจีเลยล่ะ

4. City Palace

City Palace ค่าเข้าชมราคา 500 รูปี สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์และบริเวณรอบๆได้ แต่ถ้าจ่ายราคา 2,500 รูปีจะได้เข้าชมพระราชวังในส่วน Private Zone (หนึ่งในนั้นก็มีห้องสีฟ้าๆที่คนไทยชอบไปถ่ายรูปกัน) ซึ่งครั้งนี้เฟิร์นเลือกจ่ายแค่ 500 รูปี

เลือกสีชุดยังไงให้กลมกลืนกับฉากหลัง 555555

ประตู 4 ฤดู แต่ถ่ายมาได้แค่ 2 เองอ่า คนเยอะเกิ๊น

ข้างบนจะเป็นส่วน Private Zone

ส่วนของพิพิธภัณฑ์ ตรงนี้ข้างในห้ามถ่ายรูปนะ

5. Jantar Mantar

Jantar Mantar เป็นหอดูดาว ที่เก็บรวบรวมเครื่องมือทางดาราศาสตร์ชิ้นสำคัญในสมัยโบราณ อันนี้ก็ไม่ได้มีในแพลนตอนแรก แต่เห็นว่าอยู่ใกล้ๆ City Palce เลยแว่บมาสักหน่อย บวกกับค่าเข้ารวมอยู่ในราคาตั๋วที่ซื้อตั้งแต่ที่ Amber Fort ด้วย

6. Hawa Mahal

ตะลอนกันมาทั้งวัน เราขอจบวันแรกที่ Hawa Mahal พระราชวังแห่งสายสม หรือ หรือพระราชวังฮาวามาฮาล (Hawa Mahal)  สร้างด้วยหินทรายสีชมพูและสีแดง งดงามมาก ใครมาชัยปุระแล้วต้องมาถ่ายรูปกับที่นี่นะ

แต่ก็มีพื้นที่ให้ถ่ายแค่นี้จริงๆ 555555

ภายใน Hawa Mahal ข้างบนสุดมีจุดชมวิวมองเห็นเมืองชัยปุระ

ลุง 2 คนนี้น่าร้ากกกกกกก

ที่ Hawa Mahal มีพื้นที่ให้ชมไม่มาก เสร็จแล้วเราก็ข้ามมาถ่ายรูปที่คาเฟ่ Wind View Cafe ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Hawa Mahal เดินข้ามถนนมาหาไม่ยากเลย (จริงๆมี 2 คาเฟ่อยู่ติดกัน อีกที่ชื่อ The Tattoo Cafe เลือกเอาตามสะดวกกันเลยจ้า)

วันที่ 2 ชัยปุระ (Jaipur)

7. Galtaji Temple

ฃวันที่ 2 เริ่มต้นด้วยวัดของศาสนาฮินดูชื่อ Galtaji Temple หรือ Monkey Temple เป็นวัดที่มีลิงเยอะมาก น้องก็จะอยู่ตามทางยั้วเยี้ยไปหมด

แอบเหมือนร้างๆ อีกแล้ว

น้องลิงตัวจิ๋ว น่ารัก เค้าไม่ทำร้ายเรานะ ไม่ต้องกลัวค่า

ที่เห็นคนอยู่ลิบๆ นั่นเค้าลงไปแช่น้ำศักดิ์สิทธิ์

8. Albert Hall Museum

Albert Hall เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมศิลปะและวัฒนธรรมต่างๆ ไว้มากมาย ภายในพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปนะ แต่ว่าชาวอินเดียทั้งหลายก็หยิบกล้องมาเซลฟี่กันเต็มเล

9. ร้าน Caffe’ Palladio 

ร้าน Caffe’ Palladio จริงๆ อันนี้ไม่น่านับเป็นสถานที่เที่ยว 55555555 แต่บรรยากาศมันสวยจนอยากให้มา

เนี้ยมันน่าถ่ายรูปไปซะทุกมุม แต่ตอนนั้นหิวข้าวมากเลยไม่มีอารมณ์พาตัวเองไปอยู่ในฉาก พอกินข้าวอิ่ม คนเต็มร้านถ่ายไม่ได้ละจ้าา

ชอบลายผนัง และสีต่างๆ สวยจริงๆ

เมนูสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้

10. Royal Gaitor

Royal Gaitor หรือ อนุสรณ์สถานมหาราชาแห่งชัยปุระ  สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงอดีตมหาราชาที่เคยปกครองเมืองชัยปุระ มีค่าเข้า 30 รูปี

11. Nahargarh Fort

ดูพระอาทิตย์ตกที่ Nahargarh Fort ป้อมปราการอีกหนึ่งแห่ง ที่อยู่ไม่ไกลจาก Amber Fort ตอนเย็นอากาศค่อยๆ เย็นลง วิวก็สวยมากกก มองเห็นวิวของเมือง Jaipur ทั้งเมือง โรแมนติกดีจังงงง ชอบบบบบบบบ

แค่เห็นไปยืนก็เสียวแทนแล้ว

วิวเมืองชัยปุระ

ที่เห็นอยู่ลิบๆ นั่นคือ Ja Mahal พระราชวังกลางน้ำ เห็นมุมนี้ได้จากวิวระหว่างทางขึ้นไป Nahargarh Fort

วันที่ 3 ชัยปุระ (Jaipur) – อัครา (Agra)

12. Patrika Gate

ก่อนที่จะย้ายเมืองไปอัครา แวะถ่ายรูปกับซุ้มประตูสีชมพู Patrika Gate สักหน่อย เป็นประตูเมืองลำดับที่ 9 ของนครชัยปุระ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียน Jawahar แต่ละซุ้มมีภาพวาดสีสันสวยงาม เล่าประวัติศาสตร์ของแคว้นราชสถาน

ที่อินเดียนี่สิ่งก่อสร้างสวยงามและยิ่งใหญ่อลังการทุกอย่างเลยจริงๆ นี่ขนาดประตูเมืองยังเว่อร์วังขนาดนี้

รักในสีและลวดลายดีเทลต่างๆ

สีชมพูน่ารักเว่อร์

13. Fatehpur Sikri Palace

มาถึงเมือง Agra ก็มาเที่ยวต่อที่ Fatehpur Sikri Palace 

วันที่ 4  อัครา (Agra)

14. Tajmahal

วันที่ 4 เฟิร์นออกจากที่พักกันตั้งแต่ตี 5.30 เพื่อมาถึงที่ทัชมาฮาลให้เร็วที่สุด คนจะได้ไม่เยอะ เข้าไปถึงข้างในก็ตอน 6 โมงกว่าๆ

เช้าวันนั้นอากาศอยู่ที่ 13 องศา ละหมอกลงแรงมากมองเห็นทัชมาฮาลจากไกลๆ อย่างเลือนลาง ถ่ายรูปออกมาดีที่สุดได้เท่านี้จริงๆ จะร้องไห้

ประตูทางเข้ามาด้านในทัชมาฮาล

กว่าจะได้มุมนี้มา

สิ่งก่อสร้างยิ่งใหญ่อีกแล้ว และสีฟ้าๆ นั่นไม่ใช่ถุงเท้านะ แต่เป็นถุงที่เค้าให้ใส่ขึ้นมาบนทัชมาฮาล

15. Tomb of Itimad-ud-Daulah

สุสาน Itimad-ud-Daulah หรือมีอีกชื่อว่า Baby Taj เป็นสุสานของเมอร์ซ่า กิยาส เบก (Mirza Ghiyas Beg) พ่อตาของจักรพรรดิจาฮานกีร์ ซึ่งพระนางนูร์ จาฮาน (Nur Jahan) ที่เป็นลูกสาวได้รับสั่งให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1622 ก่อนทัชมาฮาล 10 ปี

ลวดลายยังคงสวยงาม แม้จะเก่าไปบ้างแล้ว

ลุงขายของอยู่หน้า Baby Taj

16. Agra Fort

ป้อมอัครา เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นโดยใช้เวลาที่ยาวนานถึงสามยุคของกษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล มีลักษณะเป็นกำแพงสองชั้น และป้อมอาคารทางเข้าสี่ทิศ ภายในประกอบด้วยพระราชวัง มัสยิด สวนดอกไม้ สนาม และป้อมล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน 

วิวทัชมาฮาลจากมุมไกลๆ

วันที่ 5 เดลี (Delhi)

17. Red Fort 

Red Fort หรือ ป้อมแดง หรือเรียกแบบคนอินเดียว่า ลาล ขีลา (ลาล = แดง / ขีลา = ป้อมปราการ) สร้างขึ้นจากหินทรายแดง เป็นพระราชวังของชาห์ เชฮัน พระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งของราชวงศ์โมกุล (องค์เดียวกับที่ทรงสร้างทัช มาฮาล)

ปัจจุบันป้อมแดงใช้เป็นที่ประกอบพิธีฉลองเอกราชของอินเดีย ในวันที่ 15 สิงหาคมของทุกๆ ปี นายกรัฐมนตรีจะทำพิธีคลี่ธงชาติ และกล่าวสุนทรพจน์ ที่ชิงเทินของพระราชวังป้อมแดงนี้

ที่อินเดียนกเยอะมาก จะเจอนกในทุกๆ สถานที่เลย

18. Akshardham

Cr. akshardham

วัดอักชาร์ดัม เป็นวัดในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในโลก รับรองโดยกินเนสส์บุ๊คเมื่อปี ค.ศ. 2007 มีความสวยงามอลังการตามรูปแบบโบราณของอินเดีย … แต่น่าเสียดายที่เค้าห้ามถ่ายรูป เลยอดจ้า

บ๊ายบายยย อินเดีย  ใครที่เห็นภาพสวยๆ แล้วอยากมา แต่ยังลังเลและกังวลอยู่ ขอให้ลองเปิดใจให้เค้าหน่อย รับรองไม่ผิดหวังจริงๆ คอนเฟิร์มมมมม!

 

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : Fernfunny’s Journey