เดินป่า ชมน้ำตก ส่องสัตว์ ที่เขาใหญ่

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / เดินป่า ชมน้ำตก ส่องสัตว์ ที่เขาใหญ่

เดินป่า ชมน้ำตก ส่องสัตว์ ที่เขาใหญ่

ชมป่า1

วันหยุดยาวนี้หลายๆคนคงกำลังหาทริปไปพักผ่อนกัน ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝน น้ำตกกำลังมีน้ำ ป่ากำลังเขียวสดใส ผมเลยขอแนะนำไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ดูน้ำตกที่เขาใหญ่ครับ นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วการเดินทางจากกทม.ยังสะดวก ไม่ไกลเกินไป แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพงอีกด้วย

เขาใหญ่นั้นสามารถเดินทางจากกทม.ได้หลายเส้นทาง ถ้าขับรถไปเองผมขอแนะนำให้ใช้เส้นวงแหวนตะวันออกไปออก เส้นรังสิต-นครนายก วิ่งไปจนถึงวงเวียนนเรศวร(สังเกตุง่ายๆครับ ตลอดเส้นทางมีวงเวียนอยู่แห่งเดียว) เลี้ยวซ้ายแล้วตรงขึ้นเขาใหญ่เลยครับ ถ้า backpack ไปเองให้ออกเช้าหน่อยนะครับ โดยไปขึ้นรถที่หมอชิตชั้นล่างซื้อตั๋วไปลงปราจีนบุรี แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วรถ กรุงเทพฯ-องครักษ์-อรัญฯ จะเร็วกว่า(ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเปล่านะครับ ไม่เคยจับเวลาจริงๆซักที) อย่าลืมบอกกระเป๋ารถว่าลงวงเวียนนเรศวรด้วยนะครับ เดี่ยวจะได้ไปเที่ยวโรงเกลือแทน 🙂 หลังจากนั้นเดินไปทางเนินหอม แล้วทำการโบกรถขึ้นเขาใหญ่เลยครับ แนะนำว่าให้เป็นรถกระบะที่ไม่มีหลังคาด้านหลัง ไม่งั้นจะไม่่ได้สัมผัสบรรยากาศเขาใหญ่ได้เต็มที่ครับ อย่าลืมสอบถามก่อนนะครับว่าเจ้าของรถไปจุดกางเต็นท์(ผากล้วยไม้, ลำตะคลอง)หรือเปล่า เพราะบางคันจะข้ามไปโคราชก็มีครับ ถ้าไม่ได้ไปจุดกางเต็นท์ให้ลงที่ด่านของอุทยาน แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะไปจุดกางเต็นท์ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะช่วยฝากเราไปกับรถคันอื่นให้ หรือถ้าโชคดีพี่เจ้าหน้าที่มีรถพอดีก็สบายเราเลยครับ

เนื่องจากเขาใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าด้วยครับ อัตราค่าธรรมเนียมตามนี้เลยครับ

  • ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท
  • เด็ก นักเรียน  นักศึกษา คนละ 20 บาท

ถ้าเอารถขึ้น เขาใหญ่ จะเสียค่าธรรมเนียมตามนี้ด้วยครับ

  • รถเล็ก รถเก๋ง รถตู้ ฯลฯ   คันละ 50 บาท
  • รถโค้ช รถบัส รถสองแถว  คันละ 200 บาท

เมื่อขึ้นเขาใหญ่มาแล้วแนะนำให้ไปที่จุดกางเต็นท์ก่อนเลยครับ น้ำตกระหว่างทางเราจะเอาไว้เก็บตอนขาลงกันครับ เพราะวันหยุดยาวนี่จะหาที่กางเต็นท์ยากหน่อยต้องแย่งชิงจุดยุทธศาสตร์กันหน่อย 🙂 หลังจากเลือกจุดกางเต็นท์ตามใจได้แล้ว อย่ารอช้าให้ไปเสียค่าธรรมเนียมการงเต็นท์ เช่าเตา ผ้าใบ เต็นท์ ซื้อถ่านตามต้องการให้เรียบร้อยเลยครับ ขอเน้นว่าถ้าไม่ได้เอาผ้าใบ หรือ fly sheet ไปให้อย่าลืมเช่าผ้าใบมาด้วยเด็ดขาดเพราะช่วงกลางคืนหน้าฝนจะมีน้ำค้างหนามากครับ ส่วนอัตราค่าธรรมเนียมก็ตามนี้ครับ

  • เด็ก 10 บาท/คืน
  • ผู้ใหญ่ 20 บาท/คืน

ส่วนอัตราค่าเช่าของนี่ผมจำไม่ได้จริงๆครับ 🙁 แต่ไม่แพงแน่นอนครับ

หลังจากเตรียมที่พักเสร็จแล้วถ้ายังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน มีร้านอาหารที่จุดกางเต็น หรือถ้าเตรียมมาเองก็เริ่มทำกันได้เลย เพื่อเตรียมตัวเดินป่าศึกษาธรรมชาติเส้นแรกเลยครับ

เส้นทางเดินป่าเส้นแรกที่แนะนำก็คือเส้นทางจากจุดกางเต็นผากล้วยไม้-นำ้ตกเหวสุวัต ระยะทางประมาณ 3 กิโลครับ เส้นทางนี้เราจะได้เจอน้ำตกถึง 2 แห่งเลยทีเดียวและยังเป็นเส้นทางสำหรับดูนกด้วย ทุกท่านมีโอกาสพบนกหลายชนิด เช่น นกกางเขนน้ำหลังเทา นกกะรางคอดำ นกปรอดโอ่งเมืองเหนือ นกเงือกบินหาอาหาร ฯลฯ มีครั้งนึงผมเจอจระเข้ด้วย(ไม่รู้เห็นขอนไม้เป็นจระเข้าหรือเปล่านะ ไม่กล้าพิสูจน์อะ) เมื่อเดินไปถึงน้ำตกเหวสุวัตที่ ลีโอนาโด มากระโดดแล้วไปโผล่อ่าวมาหยาแล้ว(ไม่ต้องลองกระโดดตามนะครับ ช่วงนี้น้ำน่าจะแรงแล้วเดี๋ยวจะไม่โผล่เอา) ก็เล่นน้ำให้ชื่นใจให้หายเหนื่อยกันหน่อยแล้วค่อยเดินทางกลับที่พักกัน คราวนี้ก็มี 2 ทางเลือกหละครับว่าจะเดินกลับทางเดิม หรือจะโบกรถกลับ ผมขอแนะนำให้โบกรถดีกว่าครับ เพราะขากลับต้องปีนผากล้วยไม้และอาจจะมืดกลางทางได้

 ชมป่า3

(น้ำตกเหวสุวัต)

ชมป่า4

(ผากล้วยไม้)

        หลังจากกลับมาอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ถ้าพลังยังเหลือ ไปติดต่อส่องสัตว์ตอนกลางคืนกับพี่เจ้าหน้าที่ไว้ก่อนเลยครับ ก่อน 18.00 น.นะครับ ค่ารถส่องสัตว์ก็ตามนี้ครับ

  • รถส่องสัตว์ นั่งได้ 10 คน คันละ 500 บาท
  • หรือ คิดต่อคนๆละ 50 บาท

แต่ถ้าเหนื่อยนักก็เตรียมอาหารเย็น พักผ่อนเก็บแรงไว้ค่อยไปคืนถัดไปก็ได้ครับ

วันที่ 2 ถ้าใครมีรถ หรือถ้าใครสามารถโบกรถได้ ขอแนะนำให้ตื่นเช้าหน่อยเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่บนยอดเขาเขียว จะมีจุดให้ชมทิวทัศอยู่ 2 จุดใกล้ๆกันครับ จุดชมวิวตรงด่านตรวจ กับผาเดียวดาย โดยที่นี่ต้องเดินเข้าเป็นระยะทางเบาๆ แค่ไม่กี่ร้อยเมตร คุณจะได้เห็นผืนป่าเขียวขจีกว้างใหญ่ไพศาลมากๆ

ปล.ทางขึ้นค่อนข้างชันขับรถระวังกันหน่อยนะครับ

ชมป่า5 

(พระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวผาเดียวดาย)

        จากนั้นโบกหรือขับรถไปน้ำตกเหวสุวัต เพื่อเดินทางไปชมน้ำตกเหวไทรกัน โดยนำ้ตกนี้จะมีลักษณะเป็นหน้าผากว้างเต็มลำห้วย สูงประมาณ 5 เมตรช่วงน้ำเยอะจะสวยมาก ระยะทางแค่ 700 เมตรเท่านั้นครับ จากน้ันต่อด้วยน้ำตกเหวประทุนกัน น้ำตกนี้จะอยู่ถัดจากน้ำตกเหวไทรอีกประมาณ 1 กิโล ตามเส้นทางจะพบรอยของสัตว์ด้วยครับ น้ำตกนี้จะเป็นหน้าผา กว้างและสูงสวยงามมากครับ จากน้ันถ้ายังไม่จุใจหรือยังเหลือเวลาอีกเยอะ แนะนำไปเดินศึกษาธรรมชาติเส้นทางเดินเท้าเส้นกองแก้ว-เหวสุวัตกันต่อครับ เส้นทางนี้จริงๆสามารถเดินจากเหวสุวัตไปได้แต่จะค่อนข้างไกลประมาณ 8 กิโล ถ้าเหลือเวลาไม่มากแนะนำให้ทุกท่านไปเริ่มต้นที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขาใหญ่ แล้วเดินประมาณ 100 เมตรจากศูนย์ ก็จะพบน้ำตกกองแก้ว เป็นน้ำตกเตี้ยๆซึ่งเหมาะกับการเล่นน้ำ ก็เล่นกันให้ฉ่ำใจก่อนกลับที่พักกันครับ

ตื่นเช้าจิบกาแฟ เก็บข้าวของ คืนของเช่า แล้วแวะไปหอสูงสำหรับส่องดูสัตว์กัน หอส่องสัตว์จะมีอยู่ด้วยกันสองจุด คือ บริเวณมอสิงโตและหนองผักชี บริเวณที่ตั้งหอดูสัตว์จะเป็นทุ่งหญ้าซึ่งเจ้าหน้าที่จะเผาทุกปีเพื่อ ให้เกิดหญ้าอ่อน สำหรับเป็นอาหารสัตว์ และยังมีโป่งเป็นแหล่งเกลือแร่ของสัตว์ต่าง ๆ อยู่ด้วยทำให้มีสัตว์หลายชนิดให้เราส่องดูกัน จากนั้นลงจากเขาใหญ่ไปไล่เก็บน้ำตกระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็น น้ำตกเหวนรก ที่มีความสูงและน้ำแรกมากๆ หรือ กลุ่ม น้ำตกผากระจาย น้ำตกผาหินขวาง น้ำตกผารากไทร น้ำตกผาชมพู น้ำตกผาตะแบก ที่ช่วงกม. 6-7 เป็นน้ำตกกลุ่มน้ำตกขนาดหย่อมไม่เล็กเกินไป โดยเดินเข้าไปประมาณ 500 เมตรก็จะเจอน้ำตกแรก คือ นำ้ตกผากระจาย และอื่นๆตามลำดับ รวมระยะทางประมาณ 3 กิโล

ชมป่า6

(หอส่องสัตว์ที่หนองผักชี)

        ถ้ายังมีพลังเหลือจะไปพายเรือคะยัก กระโดดน้ำตกที่อ่างเก็บน้ำวังบอนต่อก็ไม่ว่ากัน โดยหลังจากที่ออกมาจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมให้เลี้ยวขวา (อยู่ห่างกันนิดเดียว ประมาณ 10 เมตรได้) แล้วเข้าไปตามทางเรื่อยๆ ลึกพอสมควรก็จะเจอกับอ่างเก็บน้ำวังบอนแล้วครับ ตรงนี้ถ้าใครไม่ได้เอารถไปเองไม่แนะนำนะครับ เพราะไม่มีรถโบกเข้าไป 🙁

สำหรับใครที่ไม่ได้เอารถไปเอง ให้โบกรถมาลงที่วงเวียนนเรศวร จะมีรถตู้ และรถทัวน์กลับกทม.อยู่ครับ เป็นอันจบทริปนี้

จริงๆแล้วเขาใหญ่ยังมีเส้นทางเดินป่าอีกเยอะมาก บางเส้นทางต้องให้เจ้าหน้าที่นำทางเข้าบ้าง บางเส้นทางต้องค้างแรมในป่าบ้าง ไว้คราวหน้าผมจะมาแนะนำกันอีกนะครับ สุดท้ายขอให้เที่ยวกันให้สนุกนะครับ 🙂

 

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก :

http://poonyna.bloggang.com

http://61.19.236.136/tourrist/

http://www.khaoyai.org/map/map.gif

http://thai-tour.com/

http://www.thaimtb.com