ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่เที่ยวโตเกียว

Unseen Tokyo! รวมแหล่งเที่ยวสุดฮิตในโตเกียว ไปทัวร์ก็เฟี้ยวไปคนเดียวก็ฟ้าว

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / Unseen Tokyo! รวมแหล่งเที่ยวสุดฮิตในโตเกียว ไปทัวร์ก็เฟี้ยวไปคนเดียวก็ฟ้าว

มหานครโตเกียว แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลวงของญี่ปุ่น มีนักท่องจำนวนไม่น้อยที่ต้องการเดินทางมายังจุดศูนย์กลางของดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่บอกได้เลยว่าห้ามพลาดถ้ามีโอกาสได้ไปเยือน เนื่องจากเป็นแหล่งรวมความฟินสำหรับสายกิน สายช้อป และสายวัฒนธรรมอย่างครบถ้วน วันนี้ พรีเมี่ยมเวิลด์ทัวร์ จะพาไปดูสถานที่ฮิตๆ ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปกัน มาดูกันเลยค่ะว่ามีที่ไหนบ้าง…

รวมแหล่งเที่ยวสุดฮิตในโตเกียว
ไปทัวร์ก็เฟี้ยวไปคนเดียวก็ฟ้าว!

1. วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple)
หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple)

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple)

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple)

ถ้านึกถึงสถานที่เที่ยวในโตเกียว อย่างแรกที่จะแว๊บเข้ามาในหัวต้องเป็นวัดเซนโซจิแน่นอน ซึ่งเป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่และเป็นสัญลักษณ์ของย่านดาวน์ทาวน์ในกรุงโตเกียว วัดตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ หลายคนจึงนิยมเรียกว่าวัดอาซากุสะหรือวัดโคมแดง

ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ผู้คนมักจะนิยมมาขอพรเกี่ยวกับเรื่องต่างๆเช่น ธุรกิจรุ่งเรือง ไร้โรคภัยไข้เจ็บ ขอให้สอบติด เป็นต้น ซึ่งถ้าอธิษฐานออกมาจากใจเขาว่ากันว่าเกือบทุกคำอธิษฐานจะเป็นจริงเลยล่ะ

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple)

ทำบุญเสร็จแล้วออกจากวัดมาใกล้ๆ จะมีถนนเส้นยาวชื่อ ถนนนากามิเซะ (Nakamisedori) ตลอดทางเดินทั้ง 2 ฝั่ง จะมีร้านขายของมากมายโดยเฉพาะของที่ระลึกต่างๆ เช่น ชุดยูกาตะ ร่มพับ ขนมขบเคี้ยวหลากหลายชนิด โดยร้านค้าต่างๆ มักจะให้เราชิมขนมก่อนตัดสินใจซื้อ ถือว่ามาเที่ยวแค่สถานที่เดียวก็ได้ทั้งอิ่มบุญอิ่มท้อง งานนี้คุ้มสุดๆ ไปเลยอ่ะ

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดินสาย Ginza Line มาลงที่สถานี Asakusaทางออกหมายเลข 1 หรือ 3 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

วัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือวัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple)


2. พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล
(Tokyo Imperial Palace)

 พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)

พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล เดิมเคยเป็นสถานที่ตั้งของปราสาทเอโดะในสมัยก่อน ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่อยู่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟโตเกียว รอบๆ ฐานของปราสาทเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นล้อมรอบด้วยคูเมืองและกำแพงหิน

สะพานที่ใช้ข้ามไปยังพระราชวังอิมพีเรียลมีอยู่ 2 สะพาน คือสะพาน Nijubashiและสะพาน Meganebashi(สะพานแว่นตา) ซึ่งสะพานแว่นตาแห่งนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เพราะน้ำจะใสมากจนเห็นภาพสะท้อนของพระราชวังเลยทีเดียว

พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟใต้ดินสาย Marunouchi Line มาลงที่สถานี Tokyo ทางออก Marunouchi Central Exit แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

 พระราชวังโตเกียวอิมพีเรียล (Tokyo Imperial Palace)


3. ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

ศาลเจ้าเมจิตั้งอยู่ใกล้กับสถานีฮาราจูกุ เป็นศาลเจ้าแบบชินโตขนาดใหญ่ ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิและพระมเหสีโชเคง พื้นที่โดยส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เป็นร้อยๆ ชนิด โดยที่ศาลเจ้าเมจินั้นตลอดทั้งปีมักจะมีการจัดงานพิธีต่างๆ มากมาย เช่น พิธีแต่งงาน ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

เมื่อเดินเข้าไปถึงบริเวณทางเข้าจะมีสัญลักษณ์ของศาลเจ้าเมจิคือเสาโทริอิขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า เดินเข้าไปด้านในอีกประมาณ 10 นาทีจึงจะถึงอาคารหลักของศาลเจ้า โดยก่อนที่จะเข้าไปด้านในตามธรรมเนียมของคนญี่ปุ่นจะต้องทำความสะอาดร่างกายโดยการล้างมือและป้วนปากเสียก่อน

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

สิ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมทำกันเวลาไปเที่ยวที่ศาลเจ้าเมจิก็คือการเขียนคำอวยพรลงในอิมะ (Ema) ซึ่งจะเป็นแผ่นไม้เล็กๆ (ราคาแผ่นละ 500 เยน) เขียนเสร็จก็อธิษฐาน แล้วนำไปแขวนไว้ตรงบริเวณที่เขาจัดไว้ให้

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line มาลงที่สถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)


4. ฮาราจูกุ ถนนสายช้อปปิ้ง
(Harajuku Takeshita-dori)

ฮาราจูกุ ถนนสายช้อปปิ้ง (Harajuku Takeshita-dori)

ทาเคชิตะเป็นถนนคนเดินระยะทางเพียง 400 กว่าเมตร แต่ถือเป็นไฮไลท์เด็ดของย่านฮาราจูกุ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติ รวบรวมแฟชั่นแปลกตาหลากสไตล์ของเหล่าวัยรุ่นสุดชิคให้ดูกันเพียบ

ระยะทางกว่า 400 เมตรจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านอาหาร ร้านเครปญี่ปุ่นชื่อดังและคาเฟ่น่ารักๆ ระหว่างเดินดูของไปเรื่อยๆ คุณจะได้พบเห็นสาวๆ ญี่ปุ่นแต่งคอสเพลย์แบบจัดเต็ม แต่งตามตัวการ์ตูนหรือเป็นแนวพังค์มายืนรวมตัวกันอยู่มากมาย (แต่เห็นว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยแต่งกันแล้วนะ)

ฮาราจูกุ ถนนสายช้อปปิ้ง (Harajuku Takeshita-dori)

ฮาราจูกุ ถนนสายช้อปปิ้ง (Harajuku Takeshita-dori)

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟJR สาย Yamanote Line มาลงที่สถานี Harajuku ทางออก Takeshita แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที หรือเดินจากศาลเจ้าเมจิประมาณ 10 นาที

ฮาราจูกุ ถนนสายช้อปปิ้ง (Harajuku Takeshita-dori)


5. 5 แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)

5 แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)

เมื่อมาถึงชิบูย่าอย่างแรกอย่าลืมแวะทักทายฮาจิโกะสุนัขผู้ซื่อสัตย์อีกหนึ่งสัญลักษณ์ประจำย่านชิบุย่ากันก่อน หลังจากนั้นก็เดินมาที่ 5 แยกชิบูย่าซึ่งเป็นทางแยกขนาดใหญ่ จะเห็นทางม้าลาย จอขนาดยักษ์ตามตึกต่างๆ รถยนต์ที่สัญจรไปมาและผู้คนที่พลุกพล่าน เป็นแลนมาร์คสุดฮ็อตที่ได้ปรากฎตัวบนแผ่นฟิมล์ ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์และซีรี่ส์ทั้งของญี่ปุ่นและต่างประเทศมานักต่อนัก

ยกตัวอย่างเช่น Fast and the Furious : Tokyo Drift ชิบูย่าจริงๆ แล้วก็คือแหล่งรวมเสื้อผ้าแฟชั่นในกรุงโตเกียวดีๆ นี่เอง เนื่องจากมีห้างสรรพสินค้าจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เสื้อผ้าแฟชั่นในย่านนี้จะเป็นสไตล์วัยรุ่นหนุ่ม-สาว สำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แนวหลุดโลกแบบฮาราจูกุ

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line, Saikyo Line, หรือ Shonan Shinjuku Line มาลงที่สถานี Shibuya ทางออก Hachiko Exit แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

5 แยกชิบูย่า (Shibuya Crossing)


6. หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

โตเกียวทาวเวอร์  (Tokyo Tower ) คือหอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 332.6 เมตร ได้ต้นแบบมาจากหอไอเฟลที่ปารีสประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงโตเกียวและเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของโตเกียวไปแล้ว

ด้านในมีทั้ง Aquarium (เสียค่าเข้า 1000 เยน) และพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง (เสียค่าเข้า 500 เยน) มีร้านขนม ร้านของฝากให้บริการ มีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวอยู่ 2 จุด คือ Main Observatory ที่ความสูง 150 เมตร (เสียค่าเข้า 900 เยน) และ Special Observatory ที่ความสูง 250 เมตร (เสียค่าเข้า 1600 เยน) เป็นความสูงที่สามารถมองเห็นเมืองโตเกียวที่ไกลสุดลูกลูกตา มองเห็นทั้งเกาะโอไดบะ สะพานสายรุ้ง โตเกียวสกายทรี และในวันที่ฟ้าใสก็ยังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วย

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

หอคอยโตเกียว (Tokyo Tower)

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดิน สาย Oedo Line มาลงที่สถานี Akabanebashiทางออก Akabanebashi subway station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดิน สาย Oedo Line มาลงที่สถานี Akabanebashiทางออก Akabanebashi subway station แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที


7. โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

โตเกียวสกายทรี เป็นหอคอยกระจายสัญญาณโทรทัศน์และวิทยุที่สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลกด้วยความสูง 634 เมตร ชั้นบนหอคอยโตเกียวสกายทรี มีจุดชมวิว 2 ระดับคือ Tempo Deck ที่มีความสูง 350 เมตร (เสียค่าเข้า 2,060 เยน) และ Tembo Galleria ที่ความสูง 445 เมตร (เสียค่าเข้า 3,090 เยน) เดินไปอีดนิดจะเป็น SORAKARA Point ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดบนชั้น 450 เมตร สามารถสัมผัสประสบการณ์เหมือนลอยกลางอากาศ ความกลมของโลก และแสงมหัศจรรย์ที่ลอดผ่านแก้ว เป็นจุดชมวิวเมืองโตเกียวที่สวยที่สุดอีกจุดหนึ่ง เนื่องจากสามารถชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา

ในส่วนของบริเวณรอบๆ ในโตเกียวสกายทรี ยังมีแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่ไว้ให้ซื้อของที่ระลึก รวมถึงของกินขนมต่างๆ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sumida Aquriumให้ได้เที่ยวชมกันอีกด้วย

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Sumida Aqurium

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดิน Toei สาย Asakusa มาลงที่สถานี Oshiage แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถไฟสาย Tobu Skytree มาลงที่สถานี Tokyo Skytreeแล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree)


8. โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ( Tokyo Disneyland)สร้างขึ้นโดยบริษัทผลิตภาพยนตร์การ์ตูนวอลท์ดิสนีย์ ประกอบด้วยธีมหลัก 7 ธีม โดยตกแต่งตามฤดูกาล ทั้งหมดล้วนเป็นสวนสนุกแบบดั้งเดิมเฉกเช่นหลุดมาจากในฟิลม์และจินตนาการของดิสนีย์เลยทีเดียว นับเป็นสวนสนุกที่มีนักท่องเที่ยวต่อปีเกือบ 20 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นและมากเป็นอันดับ 2 ของโลก

มีเครื่องเล่นมากมายให้เราเล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนไฮไลท์ของดิสนีย์แลนด์ที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ขบวนพาเหรดของเหล่าตัวการ์ตูนและบรรดาเจ้าหญิงเจ้าชายจากโลกเทพนิยาย ซึ่งภายใน 1 วันจะมีการแสดงทั้งหมด 2 รอบด้วยกันนั่นเอง

 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟ JR สาย Keiyo line มาลงที่สถานี JR Maihamaแล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

 โตเกียวดิสนีย์แลนด์ (Tokyo Disneyland)


9. โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disneysea)

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disneysea)

โตเกียวดิสนีย์ซี เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในส่วนต่อขยายของโตเกียวดิสนีย์แลนด์ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นน้ำ ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากเทพนิยายและตำนานแห่งท้องทะเล ที่ผสมผสานทั้งความโรแมนติกและความตื่นเต้นท้าทายให้นักผจญภัยทั้งหลายได้เข้ามาลองค้นหา ซึ่งจะเน้นไปที่ความตื่นเต้นผจญภัยที่มีไม่รู้จบ

ประกอบด้วยส่วนหลักๆทั้งหมด 7 ส่วนคล้ายกับดิสนีย์แลนด์ มีเครื่องเล่นให้เลือกเล่นมากมาย และเครื่องเล่นที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ได้แก่ Journey to the center of the Earth, Tower of Terror, Temple of the Crystal Skull, และ Raging Spirits อีกทั้งยังมีร้านอาหารที่เสิร์ฟทั้งของคาวของหวานที่จัดแต่งจานสไตล์ดิสนีย์ที่น่ารักน่ากินอีกด้วย

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disneysea)

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disneysea)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟ JR สาย Keiyo line มาลงที่สถานี JR Maihamaแล้วเดินต่ออีกประมาณ 5

โตเกียวดิสนีย์ซี (Tokyo Disneysea)


10. ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)

ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)

ซานริโอ พูโรแลนด์ เป็นธีมปาร์คโลกของเหล่าคาแรคเตอร์สุดน่ารักจาก Sanrio อย่าง Hello Kitty, Little Twin Stars และ My Melody สามารถชมการแสดงของตัวละครต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรี ขบวนพาเหรด Sanrio Heartful เป็นการแสดงโชว์ที่มีตัวละครหลักเป็น Hello Kitty มาให้ความสนุกพร้อมกับเหล่าผองเพื่อน และอื่นๆ ที่น่าดึงดูดใจอีกมากมาย

แต่ไฮไลท์เด็ดสุดก็ต้องเป็น “Lady Kitty House” เยี่ยมชมบ้านของ Kitty ตามห้องต่างๆ เช่น ห้องแต่งตัว ห้องนั่งเล่น รวมถึงจุดจำหน่ายของที่ระลึกคอลเลคชั่นพิเศษที่ออกแบบมาเฉพาะที่ Sanrio Puroland เท่านั้น

ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)

ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)

ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟสาย Keio Line มาลงที่สถานี Tama Center แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland)


11. สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)

 สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)

สวนอุเอโนะ(Ueno Park)หรือชื่อจริงคือ “สวนอุเอโนะออนชิ” เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของโตเกียวและยังเก่าแก่ที่สุดในโตเกียวอีกด้วย ภายในมีพื้นที่กว้างราว 530,000 ตารางเมตร

เป็นที่ตั้งของวัด ศาลเจ้า ทะเลสาป และสวนสัตว์ มีต้นไม้ใหญ่มากมายให้บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนเพลิดเพลินกันอย่างจุใจ และในฤดูใบไม้ผลิของทุกๆ ปีสวนอุเอโนะจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการมาชมซากุระ เนื่องจากเป็นที่ที่ใกล้ที่สุดที่ชาวโตเกียวสามารถมาชมซากุระได้

 สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)

 สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line มาลงที่สถานี Ueno แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

 สวนอุเอะโนะ (Ueno Park)


12. อากิฮาบาระ (Akihabara)

 อากิฮาบาระ (Akihabara)

ย่านอากิฮาบาระ หรือที่นิยมเรียกว่า “อกิบะ (Akiba)” เป็นเมืองอิเล็คทรอนิกส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งในโลก มีตั้งแต่ร้านค้าขนาดใหญ่ที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด คอมพิวเตอร์ หรือ สมาร์ทโฟน ไปจนถึงร้านขายชิ้นส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก

อากิฮาบาระยังมีชื่อเสียงว่าเป็นย่านของเหล่าโอตาคุ (otaku) ที่โด่งดังในญี่ปุ่นอีกด้วย เนื่องจากมีร้านค้ามากมายที่ขายเกี่ยวกับการ์ตูนอนิเมะ (anime), มังงะ(manga), วิดีโอเกมส์, เกมส์ไพ่ และชุดของสะสมหายาก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของเมดคาเฟ่ ซึ่งมีมากกว่า 20 แห่ง ภายในร้านเมดคาเฟ่ส่วนใหญ่จะมีสาวเสิร์ฟน่ารักๆ ที่แต่งตัวเลียนแบบตัวการ์ตูนแอนนิเมชั่นเรื่องต่างๆ มาคอยให้บริการ จึงเป็นที่ชื่อชอบของเหล่าโอตาคุเป็นอย่างมาก

 อากิฮาบาระ (Akihabara)

 อากิฮาบาระ (Akihabara)

 อากิฮาบาระ (Akihabara)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line มาลงที่สถานี Akihabara แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถไฟใต้ดิน สาย Ginza Line มาลงที่สถานี Suehirochoแล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

 อากิฮาบาระ (Akihabara)


13. กินซ่า (Ginza)

นซ่า (Ginza)

กินซ่า เป็นย่านบันเทิงที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดในญี่ปุ่นมีทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก ตลอดจนร้านค้าเก่าแก่เรียงรายเต็มสองข้างทาง ยกตัวอย่างแบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ที่มาเปิดร้านอยู่ในย่านนี้ เช่น Giorgio Armani, Chanel, Carolina Herrera, Dior, Gucci และ Louis Vuitton

บรรยากาศการช็อปปิ้งให้ความรู้สึกเหมือนยุโรป มีความหรูหรา อีกทั้งยังสามารถสัมผัสความสุนทรีของโลกแห่งศิลปะ ที่รวบรวมเอาโรงละครและแกลลอรี่กว่า 200 แห่งมาไว้ที่นี่ได้อย่างลงตัว

นซ่า (Ginza)

นซ่า (Ginza)

นซ่า (Ginza)

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดินTokyo Metro สาย Ginza Line มาลงที่สถานี Ginza แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที หรือนั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Asakusa Line มาลงที่สถานี Higashi-ginzaแล้วเดินต่ออีกประมาณ 3 นาที

นซ่า (Ginza)


14. โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)

โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)

โรงละครคาบูกิสะ คือโรงละครสำหรับการแสดงศิลปะดั้งเดิมของญี่ปุ่น “คาบูกิ”เป็นศิลปะรูปแบบหนึ่งที่ให้ความบันเทิงอย่างมาก ด้วยชุดเครื่องแต่งกายที่ออกแบบอย่างประณีต การแต่งหน้าที่โดดเด่น และการใส่วิกผมที่แปลกตา

การแสดงบนเวทีมีคุณลักษณะของการเคลื่อนไหวและปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ เช่น เวทีแบบหมุนได้และการใช้ช่องบนเวทีช่วยให้สามารถเปลี่ยนฉากได้ทันที ทำให้เป็นประโยชน์ต่อการปรากฏตัวและการหายตัวของนักแสดงเป็นจุดที่ทำให้ผู้ชมตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก

โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)

โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)

โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)

การเดินทาง – แผนที่ : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Asakusa Line มาลงที่สถานี Higashi-ginzaแล้วเดินต่ออีกประมาณ 1 นาที

โรงละครคาบูกิสะ (Kabukiza Theater)


15. ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

ตลาดปลาซึกิจิเป็นตลาดปลาแห่งแรกในโตเกียว ถูกจัดตั้งขึ้นโดยปฐมโชกุนแห่งเอะโดะ เพื่อสะดวกต่อการจัดหาวัตถุดิบเอาไว้บริโภคในปราสาทเอะโดะ นับเป็นที่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ภายในมีตลาดค้าส่งปลา ผักและผลไม้มากมาย ตลาดซึกิจิถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนภายนอกซึ่งมีร้านค้าปลีกและร้านอาหารตั้งเรียงรายเป็นจำนวนมาก และส่วนภายในซึ่งเป็นบริเวณที่ร้านค้าส่งใช้เจรจาธุรกิจและเป็นจุดที่มีการประมูลปลาทูน่าที่มีชื่อเสียง โดยรวมเป็นตลาดที่คึกคักอยู่เกือบตลอดเวลา ทำให้เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนมาเที่ยวชมอยู่เสมอ

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)

การเดินทาง – แผนที่: นั่งรถไฟใต้ดิน สาย Oedo Line มาลงที่สถานี Tsukijishijo แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที หรือนั่งรถไฟใต้ดิน สาย Hibiya Line มาลงที่สถานี Tsukiji แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที

ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market)


เป็นยังไงกันบ้างคะ? แต่ละที่น่าไปทั้งนั้นเลยเนอะ ขอบอกเลยว่าคนที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ไปตามสถานที่ที่ด้านบนกล่าวมาถือว่าไปไม่ถึงญี่ปุ่นนะคะ!! เด็ดๆ อันซีนทั้งนั้น เห็นแล้วยังอยากจะไปเองเลยล่ะค่ะ ยังไงถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปมาอวดกันเนอะ~ สุดท้ายนี้…ฝากติดตามเรื่องราวดีๆ จากประเทศญี่ปุ่นได้อีกเร็วๆ นี้ค่ะ

ข้อมูลและรูปภาพ, Premiumworldtour.info

Website : https://www.premiumworldtour.info
Fanpage: https://facebook.com/premiumworldtour.info
LINE@ : @premiumworldtour