อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นอุทยาน ที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพเท่าไหร่ครับ นั่งรถประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึงครับ โดยการเดินทางนั้นสามารถทำได้หลายวิธีครับ ถ้ามีรถก็ขับมุ่งหน้าไปยังปราณบุรีครับ ถึงสี่แยกปราณบุรีให้เลี้ยวซ้าย เข้าถนนสายปากน้ำปราณบุรี ครับ วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ จะมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ ไปครับผม

สำหรับคนที่ไม่มีรถ ก็สามารถเลือกไปได้ทั้ง รถทัวร์ และรถไฟ โดยทั้งสองวิธีให้ไปลงที่ปราณบุรีครับ จากนั้นหาต่อรถโดยสารไปยัง อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด หรือใครอยากไปเที่ยวแหลมศาลา และถ้ำพระยานคร ก็เลือกสาย ปราณบุร- แหลมศาลาครับ

อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

ซึ่งสำหรับท่านที่ไปลงที่บริเวณที่ทำการ ก็สามารถพักที่บ้านพักที่บริเวณนี้ได้ครับ แต่บริเวณที่ทำการจะไม่ติดทะเลนะครับ แต่บริเวณใกล้ๆ นั้นจะมีจุดชมวิวเขาแดงครับ ซึ่งสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ชัดเจนครับ อยู่ห่างจากที่ทำการไม่ไกลมากนัก ซึ่งถ้าใครต้องการขึ้นไปในช่วงเช้า ก็ต้องตื่นเช้าตรู่เลยครับ ประมาตี 5 แล้วก็เดินขึ้นไป รอซักพัก ก็ได้ชมแสงแรกของวันกันแล้วครับ

หลังจากที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว อีกกิจกรรมที่คนไปเที่ยวสามร้อยยอด ส่วนหนึ่งนิยมกันคือ การดูนก โดยในช่วงสายก็จะมีให้ได้ส่องกันแล้วครับ ยิ่งใครไปช่วงต้นหนาว ที่จะเป็นช่วงนกอพยพ รับรองว่า งานนี้ เพลินครับ

ตอนบ่ายๆ เย็นๆ หน่อย ซัก สามสี่โมงเย็น ถ้าใครพักแถวที่ทำการ ก็ยังมีกิจกรรมให้ทำครับ คือ ล่องคลองเขาแดงครับ ที่บริเวณบ้านเขาแดงที่อยู่ใกล้ ก็จะมีเรือแคนูให้เช่าครับ สามารถพายเล่นดูวิว ดูนก พักผ่อนสบายๆ ครับ

ช่วงเย็นก่อนค่ำ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็สามารถนั่งรถย้อนมาที่แหลมศาลาได้ครับ เพื่อมาเที่ยวหาดแหลมศาลา ซึ่งที่นี่ทางอุทยานฯ ก็มีบ้านพักรับรองหลายหลังครับ รวมทั้งมีลานกางเต็นท์ด้วยครับ แต่ใครไปที่นี่ก็เตรียมยากันยุงไปหน่อยนะครับ ช่วงหัวค่ำยุงจะเยอะหน่อย แต่ดึกๆ ไปแล้วจะไม่ค่อยมีครับ

แต่การเดินทางไปหาดนะครับจะเมื่อลงรถแล้วจะต้องแบกสัมภาระเดินข้ามเขาไปครับ ไม่ไกลเท่าไหร่นะครับ  แต่ก็เรียกเหงื่อได้พอสมควร ถ้าใครขี้เกียจเดินสามารถติดต่อหาเรือนั่งอ้อมไปได้ครับ

จุดเด่นของแหลมศาลาจริงๆ นอกจากหาดทรายที่ยาวตลอดแนว ก็คือ ถ้ำพระยานคร

สำหรับถ้ำพระยานคร เป็นถ้ำที่อยู่ด้านบานเขา ซึ่งการเข้าไปเที่ยวจะต้องเดินขึ้นไป ประมาณ 15 นาที แต่เนื่องจากถ้ำนี้เป็นถ้ำที่มีปล่องเปิด จึงทำให้มันไม่มืดครับ เรียกได้ว่า เดินตัวเปล่าขึ้นไปได้ล่ะครับ

โดยถ้ำจะแบ่งออกเป็นสามห้องหลักๆ ครับ ส่วนความสวยงามนอกจากตัวถ้ำแล้วก็เห็นจะเป็นพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ ที่รัชกาลที่ 5 ทรงให้ช่างสร้างไว้ เนื่องจากทรงเห็นว่าถ้ำนี้สวยงามและมีพระราชประสงค์จะเสด็จประภาสอีก

ภายในถ้ำพระยานคร ยังมีต้นไม้พรรไม้ ขึ้นอยู่นะครับเรื่องที่ต้องบอกกันอยู่สองประการครับ คือ

1. ในนั้นมีดงของต้นช้างร้อง หรือ หางช้างร้อง (ชื่อเรียกนี้ต่างไปตามแต่ละพื้นที่จะเรียกกัน แต่ก็ต้นเดียวกันนั่นล่ะครับ) มีพิษแนวๆ เดียวกับตำแยล่ะครับ คือทำให้ระคายเคืองและคัน แต่พิษจะรุนแรงกว่าหลายเท่า ดังนั้น ใครที่ไม่รู้จักต้นนี้ ก็อย่าพยายามยุ่งกับต้นไม้ในถ้ำจะเป็นดี  (ปัจจุบันไม่รู้ตายไปหมดรึยังนะครับ) เพราะขนาดช้างยังร้อง แล้วเราเป็นคนตัวเล็กกว่าช้างอีกจะไปเหลืออะไรเนี่ย

2. จำไม่ค่อยได้แล้วว่ามันเป็นต้นอะไร แต่มันจะมีลักษณะเป็นเหมือวุ้มครับ เดินลอดได้ อันนี้ไม่อันตราย แต่มันมีความเชื่อกันว่า หากหนุ่มสาวคู่ใด เดินจับมือกันลอดซุ้มต้นไม้คู่นี้ด้วยกันแล้ว มักจะไม่แคล้วกันครับ กลับมาไม่แต่งงาน ก็หนีตามกัน (เค้าว่ากันอย่างงี้นะครับ ไม่เคยลอง) ดังนั้นสำหรับคนมีคู่ ก็คิดดูให้ดีครับว่า จะลอดดีหรือไม่ดี ประเมินสถานการณ์เสียก่อน

สำหรับนักถ่ายภาพ หรือคนที่ชอบภ่ายภาพนะครับ ถ้ำพระยานคร ดูจะเป็นจุดที่น่าสนใจโดยเฉพาะบริเวณพระที่นั่งฯ ที่จะต้องอาศัยเวลาที่ถูกต้องครับในการให้แสงลอดปล่องถ้ำแล้วสาดลงมาที่พระที่นั่งพอดี ซึ่งส่วนมาจะเป็นช่วงบ่ายๆ ของวันครับ ประมาณช่วงหลังบ่ายโมงครึ่งหรือบ่ายสองไปแล้ว จึงจะมีแสงลอดมาตกที่ตรงพระที่นั่งพอดี แต่ถ้าวันไหนเมฆมาก ก็คงต้องโบกมือลาล่ะครับ  ส่วนการที่จะถ่ายให้เห็นเป็นลำแสงขึ้นมานั้น นอกจากเวลาแล้ว ยังต้องดูด้วยครับว่ามีฝุ่นจากดินที่พื้นถ้ำฟุ้งอยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้ามีน้อยหรือไ่ม่ค่อยมี ก็จะเห็นลำแสงที่เกิดขึ้นไม่ชัดนัก แต่ถ้ามากไป ก็ไม่ไหวเหมือนกันครับแสงจะฟุ้งเกินไป ดูจังหวะให้ดีครับ

จุดอื่นๆ ก็จะมีถ้ำอีกสองแห่ง ซึ่งไม่ใหญ่มากนักครับว่างๆ ก็แวะไปเที่ยวได้ แต่ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อหาคนนำทางด้วยนะครับ เพราะในถ้ำมืดสนิทเลย

อีกที่นึงคือ ทุ่งสามร้อยยอด มีลักษณะเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือ Wet land ครับเป็นจุดที่นักดูนกชื่นชอบมากที่เดียวครับ เนื่องจากมักจะมีนกให้ดูเยอะ รวมทั้งในช่วงฤดูนกอพยพคือช่วงตุลา-กุมภา นี่ล่ะครับเหมาะแก่การแวะไปดูนกต่างถิ่น

เกี่ยวกับอุทยานฯ

เขาสามร้อยยอดเป็นชื่อที่มีตำนานเล่าว่า พื้นที่แถบนี้เคยเป็นทะเลมีหมู่เกาะน้อยใหญ่เรียงรายกัน ครั้งหนึ่งเคยมีเรือสำเภาจีนแล่นผ่านมาประสบลมพายุรุนแรงจนเรือใกล้อับปาง จึงแวะหลบภัยเข้ามาตามร่องน้ำด้านทิศตะวันตกของเกาะ แต่เนื่องจากไม่ชำนาญพื้นที่ เรือได้ชนกับหินโสโครกอับปางลง ผู้คนจมน้ำตายจำนวนมากที่เหลือรอดตายขึ้นมาอาศัยอยู่บนเกาะประมาณ 300 คน จึงได้ตั้งชื่อว่า “เกาะสามร้อยรอด” ต่อมาระดับน้ำทะเลได้ลดลง เกาะกลายเป็นภูเขา ชาวบ้านเรียกคลาดเคลื่อนเป็น “เขาสามร้อยยอด” บริเวณที่สันนิษฐานว่าเรือจมนั้นชาวบ้านเรียกว่า “อ่าวทะเลสาบ” เคยมีผู้พบซากเสากระโดงเรือโบราณในบริเวณนี้ด้วย บางข้อสันนิษฐานว่า เป็นเพราะมีต้นสามร้อยยอดขึ้นอยู่ หรือมียอดเขามากมายถึง 300 ยอด

ในปี พ.ศ. 2505 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกประกาศกฎกระทรวง ฉบับที่ 100 กำหนดพื้นที่ป่าเขาสามร้อยยอดพื้นที่ประมาณ 99.50 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นป่าสงวนตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช 2481 ก่อน ซึ่งเหตุผลของการประกาศพื้นที่ดังกล่าวเพราะมีพันธุ์ไม้ที่มีค่าขึ้นอย่าง หนาแน่นมาก เช่น ไม้จันทน์ มะค่า มะเกลือ แสมสาร และทิวทัศน์ที่สวยงามที่ควรสงวนไว้ ต่อมาพื้นที่ดังกล่าว พื้นที่ประมาณ 61.28 ตารางกิโลเมตร ได้ถูกประกาศให้เป็น อุทยานแห่งชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 83 ตอนที่ 53 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2509 นับเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 4 ของประเทศไทย และเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรก