ป่าปิด…ที่ภูกระดึง

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / ป่าปิด…ที่ภูกระดึง

ป่าปิด

   เส้นทางท่องเที่ยวบนภูกระดึงนั้น  สามารถแบ่งออกได้เป็น  2 ส่วนใหญ่ๆ คือ  ส่วนของป่าเปิดและป่าปิด

 “ป่าปิด” คือ เส้นทางเดินเท้าที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทุกคนซึ่งมาเที่ยวภูกระดึงสามารถเดินเที่ยวได้โดยอิสระ อยากไปตรงไหนก็ไปไม่ต้องใช้เจ้าหน้าที่นำทาง มีป้ายบอกทางไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวในจุดต่างๆ อย่างชัดเจน  ป่าเปิดที่ทางอุทยานเปิดให้เที่ยวนั้นเป็นพื้นที่เพียงประมาณ 30% ของพื้นที่ บนยอดเขาเท่านั้น  ส่วนอีก  70% ที่เหลือคือเขตของป่าปิด  อันเป็นเขตป่าซึ่งไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปเที่ยว โดยลำพังตนเองได้หากไม่มีเจ้าหน้าที่นำทางเข้าไป เพราะธรรมชาติในเขตป่าปิดนั้นยังบริสุทธิ์อยู่มาก มีสัตว์ป่าชุกชุม ซึ่งหากปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมแล้ว อาจจะเกิดอันตราย แก่นักท่องเที่ยวอีกทั้งยังอาจจะทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเสียหายได้

 

ภูกระดึง   ภูกระดึง


การเข้าไปเที่ยวในเขตป่าปิดนักท่องเที่ยวจะต้องทำเรื่องขออนุญาตพร้อมขอเจ้าหน้าที่นำทาง   เข้าป่าปิดที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง (ยอดเขา) ก่อนทุกครั้ง เพราะเส้นทางในป่าปิดบางช่วง   รกมากไม่มีป้ายบอกทาง บางช่วงเป็นทุ่งหญ้าสูงท่วมหัว เส้นทางไม่ชัด มีทางแยกมากมายหากเดินทิ้งระยะเพียงนิดเดียวก็อาจพลัดหลงกันได้และเส้นทางหลายช่วงตัดผ่านไปตามด่านสัตว์ ทางแยกมากมายโอกาสหลงทางมีมากพอๆ กับการเจอสัตว์ใหญ่ เช่น ช้างเดินสวนมาตามด่านได้ การมีเจ้าหน้าที่นำทาง จึงจำเป็นอย่างยิ่ง และเส้นทางเดินเที่ยวในป่าปิดนั้นจะรกจนแทบเดินไม่ได้ในช่วงฤดูฝน ดังนั้นการเดินเข้าป่าปิดจึงสามารถทำได้เฉพาะในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนเรื่อยไปจนถึงกลางเดือนมิถุนายนจึงจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีข้อจำกัดในเรื่องอัตรากำลัง เจ้าหน้าที่ เนื่องจากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม นักท่องเที่ยวมาภูกระดึงจำนวนมาก จึงต้อง จัดสรรเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งไว้คอยบริการในส่วนอื่นๆ จึงไม่เพียงพอสำหรับจัดนำทางเข้าป่าปิดได้ ดังนั้น จึงอนุญาตให้เข้าในป่าปิดได้เฉพาะในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม เท่านั้น


เมื่อนักท่องเที่ยวแสดงความประสงค์จะเดินเท้าเข้าไปเที่ยวในเขตป่าปิดจะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าจะเดินเข้าไปในส่วนใด เพราะเส้นทางเดินในป่าปิดแบ่งออก เป็น 2  ส่วนใหญ่ๆ และแต่ละส่วนก็เดินแบบไปเช้ากลับค่ำทั้งสิ้น และทุกเส้นทางจะต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง พร้อมจัดเตรียมอาหาร  น้ำดื่ม เข้าไปรับประทานระหว่างทางด้วย ทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติภูกระดึงไม่อนุญาตให้พักค้างแรม    ในป่าปิด


เส้นทางเดินเที่ยวในป่าปิดที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงอนุญาตให้เข้าไปได้  มี  2  เส้นทาง  ดังนี้
เส้นทางที่ 1  เริ่มต้นจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ผ่านองค์พระพุทธเมตตา น้ำตกธารสวรรค์ ดอนมน แจ้งงาม เดินตามเส้นทางในป่าปิดเข้าสู่น้ำตกขุนพอง แวะรับประทานอาหารกลางวัน หลังจากนั้นเดินเลาะลงสู่น้ำตกหงษ์ทองแล้วเดินขึ้นมาตามเส้นทางเข้าสู่กำแพงเมืองจีน  เดินตัดเข้าสู่  ดอนมน น้ำตกธารสวรรค์ องค์พระพุทธเมตตา กลับถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง รวมระยะทางทั้งสิ้น 14  กิโลเมตร


เส้นทางที่ 2  เริ่มต้นจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ผ่านองค์พระพุทธเมตตา เข้าสู่น้ำตกเพ็ญพบใหม่ ผ่านโหล่นเตี้ย เข้าสู่น้ำตกผาน้ำผ่า ผ่านป่าดงดิบและเส้นทางที่สูงชันทะลุออก โหล่นฟ้าโลมดินวกลงหุบเขาที่สมบูรณ์ด้วยป่าดิบเพื่อขึ้นสู่น้ำตกรัตนาและผาส่องโลก ทางเดินเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า โดยลัดเลาะเลียบหน้าผาซึ่งจะผ่านโหล่นเจดีย์  โหล่นถ้ำพระ แง่งทิดหา ช่องหินแตก ทะลุออกป่าเปิดที่บริเวณลานวัดพระแก้วกว่าจะถึงจุดนี้ก็ค่ำควรมีไฟฉายติดตัวไปด้วยเพื่อส่องทางกลับ สู่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง  รวมระยะทางทั้งสิ้น 26  กิโลเมตร


การเดินเท้าป่าปิดผู้เดินทางจำเป็นต้องมีความพร้อมเรื่องร่างกายและประสบการณ์เดินป่ามาพอสมควร เนื่องจากเส้นทางเดินเท้าเข้าในป่าปิดทั้ง 2 เส้น  ต้องใช้เวลา 1 วันเต็มๆ ดังนั้น จึงขอให้นักท่องเที่ยวเตรียมร่างกายให้พร้อม

  

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในป่าปิด !
ที่นิยมกันมากก็คือน้ำตกขุนพอง  และน้ำตกผาน้ำผ่า
น้ำตกขุนพอง เป็นน้ำตกใหญ่ที่สุดในภูกระดึงเกิดจากลำธารหลายสายไหลมารวมกันคือลำธารวังกวาง ธารสวรรค์ พระองค์ ถ้ำสอ ชื่อของขุนพองหรือสำเนียงพื้นเมืองว่าขุนฟอง เพราะเป็นต้นน้ำของลำน้ำพอง เสน่ห์ ณ น้ำตกแห่งนี้อยู่ในฤดูหนาวเพราะใบเมเปิ้ลจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และร่วงหล่นเกลื่อนผิวน้ำตกเป็นภาพที่งดงาม

 

5077-attachment   น้ำตกขุนพอง


น้ำตกผาน้ำผ่า แม้จะต้องเดินไกล บุกป่าฝ่าหญ้าสูงแต่ถ้าได้มาเห็นนับว่าคุ้มค่ากับเรี่ยวแรง ที่ลงทุนมา ผาน้ำผ่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดของภูกระดึง มีความสูงถึง 80 เมตร สายน้ำเกิดจากลำธาร ที่ไหลมาจากทิศตะวันออกบริเวณที่ราบส่วนเหนือสุดของภูกระดึง  ในยามเที่ยงน้ำจะกระทบแดดเป็น ระยิบ พอบ่ายคล้อยแสงตะวันส่องทำมุมเกิดเป็นรุ้งกินน้ำพาดขึ้นที่ช่วงของสายน้ำตก เป็นความสวยงามของน้ำตกที่ไม่มีน้ำตกใดบนภูกระดึงจะเหมือน

 

น้ำตกผาน้ำผ่า


น้ำตกหงษ์ทอง เป็นน้ำตกขนาดเล็กในเส้นทางเดียวกับน้ำตกขุนพอง  บริเวณนี้ในช่วงฤดูหนาว จะพบต้นเมเปิ้ล 5  แฉก เปลี่ยนสีเขียวเป็นสีแดงล่วงหล่นละลานตาเต็มบริเวณน้ำตก

 

น้ำตกหงษ์ทอง


โหล่นฟ้าโลมดิน ชื่อที่ฟังดูไพเราะ ณ ที่แห่งนี้  คือทุ่งหญ้าสะวันนาที่กว้างสุดสายตา เป็นเส้นทางเดินของช้างป่า ทัศนียภาพที่นี้จึงแปลกตาจากภาพของป่าสน ป่าดงดิบ มาเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่

 

โหล่นฟ้าโลมดิน


โหล่นถ้ำพระ มีเอกลักลักษณ์เป็นลานหินกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยทุ่งหญ้า ดงเฟิร์น และป่าสนมีหมู่หินรูปทรงแปลกตามากมาย


โหล่นเจดีย์ มีลักษณะกองหินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติคล้ายว่ามีใครนำหินมาวางซ้อนกันไว้เหมือนรูปเจดีย์  ตั้งอยู่ท่ามกลางพันธุ์ไม้โดยเฉพาะดงเฟิร์น ป่าสน และกล้วยไม้อีกหลายชนิดที่น่าสนใจ


ผาส่องโลก หากมองแผนที่ภูกระดึงแล้วจะเห็นว่าผาส่องโลกอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเหมือน รอยหยักของขอบใบบอน ผาส่องโลกเป็นหน้าผาไม่ใหญ่มาก จุดเด่นของหน้าผานี้สมชื่อ เพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์เกือบ 360  องศาทีเดียว ธรรมชาติที่นี่เป็นป่าสนที่ขึ้นรายเรียงทั่วไป

 

ผาส่องโลก


แง่งทิดหา จากผานกแอ่นที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น เดินต่อไปไม่นานเกินเหนื่อย แง่งทิดหาเป็นเหลี่ยมหน้าผาทางทิศเหนือของภูกระดึง เป็นหน้าผาที่อยู่กับทุ่งหญ้าและป่าสนบางช่วงของเส้นทาง  จะผ่านหน้าผาหินทรายสีขาวอมส้ม

 

แง่งทิดหา


ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของป่าปิดอันกว้างใหญ่ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังสูงในการเดินทางเข้าไป เพราะธรรมชาติเปราะบาง และเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่ามากมายที่สำคัญต้องปฏิบัติตามกฎโดยเคร่งครัด


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย