อุทยานแห่งชาติเขาสก แหล่งธรรมชาติใหญ่สุดในภาคใต้

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / อุทยานแห่งชาติเขาสก แหล่งธรรมชาติใหญ่สุดในภาคใต้

อุทยานแห่งชาติเขาสก ดินแดนศูนย์กลางของ “ขุนเขาแห่งป่าฝน” เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญของภาคใต้อันประกอบไปด้วยอุทยานแห่งชาติเขาสก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองยัน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา อุทยานแห่งชาติศรีพังงา และอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2,296,879.5 ไร่ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อุดมไปด้วยพืชพรรณมากมายหลายชนิด ทั้งพืชพรรณที่หายากและเป็นพืชเฉพาะถิ่น อันได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลางหรือปาล์มหลังขาวและปาล์มพระราหู นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะพบสัตว์ป่าสงวนถึง 4 ชนิด คือ เก้งหม้อ เลียงผา สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน และประกอบกับสภาพพื้นที่มีทิวทัศน์ ที่สวยงาม มีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติทั้งน้ำตก หน้าผา ถ้ำ และ ทิวทัศน์เทือกเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา จนได้รับฉายาว่า กุ้ยหลินเมืองไทย

อุทยานแห่งชาติเขาสก แหล่งธรรมชาติใหญ่สุดในภาคใต้

เขาสก..

สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นภูเขาดินและภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน โดยเฉพาะช่องแคบเขากาเลาะมีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนที่มียอดแหลมระเกะระกะ มีแนวหน้าผาสูงชันบางแห่งเป็นแท่งสูงขึ้นไปในอากาศคล้ายหอคอยสูง ที่ราบมีไม่มาก มีสภาพป่าเป็นป่าดงดิบที่สมบูรณ์มากเป็นป่าต้นน้ำลำธารของคลองศกและคลองพะแสง ไหลมาบรรจบรวมกันเป็นต้นกำเนิดของคลองพุมดวง ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งที่สำคัญของแม่น้ำตาปี จุดสูงสุดมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 961 เมตร โดยเฉลี่ยสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร และลักษณะดินโดยทั่วไปเป็นดินเหนียวปนทรายมีสีแดง บางแห่งเป็นดินลูกรังแต่มีส่วนน้อย

ecotourism-124746-3ภาพ : chumphontour.com

ลักษณะภูมิอากาศ บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาสกได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทั้งสองฝั่ง คือทั้งด้านมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ฝนจะเริ่มตกตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน จนถึงปลายเดือนธันวาคมของทุกปี และจะตกชุกมากในช่วงเดือนพฤษภาคม – พฤศจิกายน ช่วงที่เหมาะในการเข้าไปชมอุทยานแห่งชาติเขาสกจะอยู่ในระหว่างเดือนธันวาคม – เมษายน ของทุกปี ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยตลอดปี 1,636 มิลลิเมตร ฤดูแล้ง เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน อากาศร้อน และอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย มีฝนตกบ้างไม่มากนัก อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 26 องศาเซลเซียส เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด คือเดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 28 องศาเซลเซียส เดือนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดคือ เดือนมกราคม มีอุณหภูมิเฉลี่ย 25 องศาเซลเซียส

สถานที่ท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาสก

NP200S1T3P4N2901E

เดินป่าระยะไกล กม.99 – คลองแปะ เดินป่าระยะไกล กม.99 – คลองแปะ ผจญภัยถ้ำน้ำทะลุ เริ่มต้นที่กิโลเมตร 99 ใกล้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ปลายทางที่คลองแปะ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ขส.4 แพโตนเตย ไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร

NP200S1T3P4N2888E

ล่องแก่งน้ำตกบางหัวแรด – ลำคลองศก ล่องแก่งภายในลำคลองศกบริเวณน้ำตกบางหัวแรด เป็นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงน้ำหลาก ระหว่างเดือนมิถุนายน – มกราคม โดยเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสกไปน้ำตกบางหัวแรดระยะทาง 3 กิโลเมตร แล้วลงเรือยาง ขนาด 8 คน ล่องแก่งจากน้ำตกบางหัวแรดลงมาภายในลำคลองศก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

slide-activities5

เขื่อนรัชชประภา เขื่อนรัชชประภา หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนอเนกประสงค์ที่สร้างปิดกั้นคลองพระแสง ตัวเขื่อนเป็นหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 95 เมตร ยาว 700 เมตร ระดับสันเขื่อนสูง 100 เมตร อ่างเก็บน้ำครอบคลุมพื้นที่ 165 ตารางกิโลเมตร ภายในอ่างเก็บน้ำมีเกาะมากกว่า 100 เกาะ สามารถล่องเรือชมทัศนยภาพที่สวยงามมาก โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบเขากาเลาะ บนสันเขื่อนรัชชประภายังเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่งดงามของอ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะยามดวงอาทิตย์ตก เขื่อนเชี่ยวหลานอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 65 กิโลเมตร ทางเข้าอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 57-58 บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 ไปอีกประมาณ 12 กิโลเมตร

NP200S1T3P4N902E_1

ตั้งน้ำ มีลักษณะเป็นภูเขาที่ถูกน้ำกัดเซาะจนขาดออกจากกัน ทำให้กลายเป็นหน้าผาหันหน้าเข้าหากัน มีลำคลองศกไหลลอดผ่านเบื้องล่าง เป็นวังน้ำลึกมาก มีปลาชุกชุม อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากน้ำตกวิ่งหินประมาณ 3.2 กิโลเมตร ต้องเดินทางโดยทางเท้าประมาณ 3.2 กิโลเมตร

ถ้ำค้างคาว 

เป็นถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะภายในถ้ำเป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม อยู่ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส. 4 (คลองแปะ) ประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 21 กิโลเมตร

NP200S1T3P4N910E

ถ้ำน้ำทะลุ

ถ้ำน้ำทะลุ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำน้ำหลุ อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส. 4 (คลองแปะ) ประมาณ 3 กิโลเมตร ริมอ่างเก็บน้ำเชี่ยวหลาน โดยต้องนั่งเรือจากท่าเรือเขื่อนรัชชประภาไปประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นเข้าไปตามคลองแปะอีกประมาณ 15 นาที แล้วเดินเท้าต่อไปประมาณ 2 กิโลเมตร จึงถึงถ้ำทะลุ ที่มีปากถ้ำกว้างใหญ่ถึง 30 เมตร ภายในกว้างขวางมีลำธารไหลผ่านตลอดความยาว 600 เมตร ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อย รวมทั้งโขดหินที่เกิดจากการกัดเซาะของสายน้ำจนมีรูปทรงแปลกตา หรือสามารถเดินเท้าจาก กิโลเมตรที่ 99 เข้าไปถึงถ้ำน้ำทะลุประมาณ 12 กิโลเมตรถ้ำน้ำทะลุ เป็นถ้ำที่มีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะภายในถ้ำเป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม อยู่ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ขส. 4 (คลองแปะ) ประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 21 กิโลเมตร

reviewthaitravel_52013_12_11_21_07_25

ถ้ำประกายเพชร 

ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกมากมายที่รอให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชม โดยเฉพาะถ้ำประกายเพชร เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความสวยงามแปลกตา มีหินปะการัง หินงอก หินย้อย ทีมีเอกลักษณ์โดดเด่น ความยาวภายในถ้ำประมาณ 100 เมตร เหมาะสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมความงดงาม ซึ่งอุทยานแห่งชาติเขาสก ได้เข้าไปสำรวจความเหมาะสมและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวชม ปรากฏว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมอีกสถานที่หนึ่ง เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเทียวภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา และทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ประทับใจในการเข้ามาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ถ้ำสี่รู 

อยู่ห่างจากถ้ำน้ำทะลุประมาณ 2 กิโลเมตร โดยใช้เส้นทางเดียวกับถ้ำน้ำทะลุ สมัยก่อนเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โดยมีทางออกจากถ้ำ 4 ช่องทาง

น้ำตกโตนกลอย 

เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม เกิดจากคลองศก ลักษณะน้ำตกเป็นน้ำตกชั้นเดียวดิ่งลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร มีน้ำไหลแรงตลอดปี มีลานหินสำหรับพักผ่อนอยู่บนชั้นน้ำตก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 7 กิโลเมตร ห่างจากตั้งน้ำ ประมาณ 1 กิโลเมตร

1022scene250409_142041

น้ำตกธารสวรรค์ 

เป็นน้ำตกที่เกิดจากลำห้วยบางพลูจืด ซึ่งไหลลงสู่คลองศก เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง น้ำตกลงมาจากหน้าผาชันพุ่งโค้งแบบรุ้งกินน้ำ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 6 กิโลเมตร ห่างจากตั้งน้ำ ประมาณ 1 กิโลเมตร

น้ำตกบางเลียบน้ำ 

เกิดจากลำคลองศก เป็นน้ำตกชั้นเดียว น้ำไหลตลอดปี ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 4.5 กิโลเมตร อยู่ห่างจากถนนใหญ่กิโลเมตรที่ 112 ประมาณ 8 กิโลเมตร

น้ำตกบางหัวแรด 

เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่และสวยงาม มีน้ำไหลแรงมาจากคลองศก เป็นน้ำตก 2 ชั้น ชั้นแรกไหลจากบางหัวแรดแล้วไหลลงคลองศก ชั้นที่สองอยู่ในคลองศก บริเวณโดยรอบน้ำตกกว้างขวางมาก เต็มไปด้วยหินเรียงรายตามธรรมชาติสวยงามแปลกตามาก อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 3 กิโลเมตร

น้ำตกแม่ยาย 

เป็นน้ำตกเพียงแห่งเดียวภายในอุทยานแห่งชาติที่รถยนต์ไปถึงได้ อยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 (สุราษฎร์ธานี – ตะกั่วป่า) ตรงกิโลเมตร 113 เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงประมาณ 30 เมตร สวยงามมาก โดยเฉพาะฤดูฝนน้ำจะเต็มหน้าผาที่สูงชันกระจัดกระจายแตกฟองขาวโพลน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 5.5 กิโลเมตร

tZ0c7Yja

น้ำตกวิ่งหิน 

เป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้น้ำตกบางหัวแรด ห่างเพียง 120 เมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก สูงประมาณ 15 เมตร ที่น้ำไหลลงมารวมกับคลองศกที่บริเวณหัวแรด และในคลองศก ด้านล่างของน้ำตกลงมาประมาณ 20 เมตร จะมีก้อนหินก้อนโตๆ วางเรียงรายกันอยู่ในลำคลองเป็นจำนวนมาก ซึ่งสามารถที่จะเดินข้ามลำคลองโดยเดินข้ามไปบนก้อนหินได้ จุดนี้เรียกว่า “น้ำตกบางวิ่งหิน” เป็นจุดที่มองดูสวยงามอีกแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 2.8 กิโลเมตร รถยนต์สามารถไปถึงได้ เหนือน้ำตกขึ้นไปประมาณ 40 เมตร จะมีที่สำหรับว่ายน้ำเรียกว่า “วังยาว” เป็นวังที่กว้างและยาว สามารถเล่นน้ำพร้อมกันได้ไม่ต่ำกว่า 500 คน

11ชั้น

น้ำตกสิบเอ็ดชั้น 

เป็นน้ำตกที่เกิดจากน้ำในคลองบางแลน ไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันมาตามร่องหน้าผา เป็นรูปขั้นบันได 11 ชั้น แต่ละชั้นสูงประมาณ 10 เมตร และห่างกันประมาณ 70 เมตร มีน้ำไหลตลอดปีไม่ขาดสาย ชั้นล่างสวยงามมากที่สุด มีแอ่งน้ำกว้างให้เล่นน้ำ และมีโขดหินวางเรียงรายอยู่ทั่วไปเหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 4 กิโลเมตร ต้องเดินทางโดยทางเท้า

stn_att660009023

บัวผุด พืชมหัศจรรย์แห่งเทือกเขาสก 

ในบรรดาพืชพรรณทั้งหมดที่มีอยู่ในโลก บัวผุดหรือ Rafflesia ถือว่าเป็นดอกไม้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เพราะบัวผุดชนิด Rafflesia arnoldii ที่สำรวจพบในอินโดนีเซียนั้น มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า 100 เซนติเมตร ส่วนบัวผุดพันธุ์ไทย หรือ Fafflesia kerrii มีดอกขนาดเล็กกว่า แต่ก็ยังคงมโหฬารไม่ใช่เล่น คือ 50-90 เซนติเมตร ยามที่มันออกดอกสีปูนแดงสดใสอย่กลางป่าดิบเขียวชอุ่มนั้น ถือเป็นภาพที่น่าตื่นตามาก

บัวผุดหรือที่ชาวบ้านทางภาคใต้ของไทยเรียกว่า “บัวตูม” จริง ๆแล้วเป็นพืชกาฝากซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยอาศัยอยู่ในรากและลำต้นของเถาไม้เลื้อยวงศ์อง่นป่า ชื่อ “ย่านไก่ต้ม” โดยบัวผุดจะอาศัยดูดกินแร่ธาตุและน้ำจากย่านไก่ต้ม โดยต้นแม่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ พวกเราจะเห็นบัวผุดได้ก็เฉพาะยามเมื่อมันต้องการผสมพันธุ์กัน คือ จะเริ่มมีตาดอกเป็นปุ่มกลมเล็กๆ โตขึ้นที่ผิวของย่านไก่ต้ม แล้วใช้เวลา 9 เดือน ขยายขนาดจนเท่ากับหัวกะหล่ำยักษ์ จากนั้นก็ใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน ในรอบปีให้ดอกบาน ทว่าดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่ จึงต้องเหมาะเหม็งมากในช่วงเวลาบานแมลงวันจึงจะช่วยผสมเกสรให้ได้ จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงในการสูญพันธุ์

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ 

เส้นทางศึกษาธรรมชาติ “สันยางร้อย” เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าดิบชื้น ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางขึ้นและลงเขาผ่านลำห้วยและผืนป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ ผืนป่าแน่นทึบไปด้วยพืชพรรณทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เช่น เฟิน หวาย เต่าร้าง ยางเสียน กระบาก ฯลฯ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-2 ชั่วโมง จุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติอยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

ข้อมูลและภาพ : dnp.go.th / ททท. /
เรียบเรียงโดย Travel MThai