เที่ยวมะละกา จุดเริ่มต้นของมาเลเซีย

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / เที่ยวมะละกา จุดเริ่มต้นของมาเลเซีย

เมืองมะละกา ประวัติศาสตร์มาเลเซียเริ่มต้น ณ ที่นี้ ทำไมถึงบอกว่าประวัติศาสตร์มาเลเซียเริ่มต้นที่นี่?

นั่นเป็นเพราะที่นี่เป็นสถานที่ประกาศเอกราชจากการยึดครองของชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1956 โดย ตุนกูอับดุล รามัน พุตรา อัล-ฮัจ นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย หลังจากที่ต้องตกอยู่ภายใต้การปกครอง จากชนชาติอังกฤษมาเป็นเวลานาน

เที่ยวมะละกา จุดเริ่มต้นของมาเลเซีย

Town-square-654x363

ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้เริ่มต้นแบบตำนานที่ชาวตะวันออกเฉียงใต้คุ้นชิน คล้ายคลึงกับตำนานของเกาะสิงคโปร์ เมื่อเจ้าชายปรเมศวรแหรือปาราเมิสวาราเดินทางมาจากเกาะสุมาตรา เพื่อจะหาที่ลงหลักปักฐานสร้างเมืองใหม่ เมื่อมาถึงบริเวณเมืองมะละกาในปัจจุบัน ขณะเจ้าชายกำลังนั่งพิงต้นมะขามป้อมอย่างเหนื่อยอ่อน หมาล่าสัตว์ของพระองค์ก็ถูกเจ้ากระจงตัวเล็กนิดเดียวแยกเขี้ยวกระโจนเข้าใส่อย่างอาจหาญ จนหมาของพระองค์ตกลงไปในน้ำ

UNESCO-World-Heritage-site-of-Melaka-in-Malaysia

ภาพเหตุการณ์นั้น กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เจ้าชายตัดสินพระทัยสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่นี่ เพราะแม้แต่ตัวกระจงยังแข็งแรงและมีความหาญกล้าได้ขนาดนั้น จากนั้นพระองค์จึงตั้งชื่อเมืองนี้ว่า มะละกา ซึ่งเป็นภาษามาเลย์แปลว่าต้นมะขามป้อม

เมืองมะละกา ยังเป็นดินแดนที่สายลมตะวันออกกับสายลมตะวันตกมาบรรจบกัน เอื้อให้ดินแดนแห่งนี้มีชัยภูมิเหมาะแก่การเป็น เมืองท่าค้าขาย เรือจากอาหรับและอินเดียสามารถล่องมาตามลมสินค้าตะวันตกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันในช่วงลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเวลาแล่นเรือของพ่อค้าจีนและพ่อค้าจากหมู่เกาะเครื่องเทศ (หมู่เกาะโมลุคกะ อินโดนีเซีย)

street_scene_of_malacca_town_malaysia_photo_cia

จนถึงต้นศตวรรษที่ 16 เมืองมะละกา รุ่งเรืองในฐานะเมืองจัดเก็บสินค้า แต่ก็เพราะชัยภูมิที่เหมาะสมเช่นนั้น มะละกาจึงถูกช่วงชิงและยื้อแย่งจากประเทศเจ้าอาณานิคม มาโดยตลอด

จากที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในยุคสมัยของสุลต่านแห่งมะละกาในช่วงคริสตวรรษที่ 15 ถึงปี 1511จากนั้นก็ถูกครอบครองโดยโปรตุเกส ตั้งแต่ปีค.ศ.1511-1641 ตามด้วยดัชท์ในปีค.ศ.1641-1795 และอังกฤษในปีค.ศ.1795-1941 ก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าครอบครองในระยะเวลาอันสั้น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างปีค.ศ.1941-1945 และอังกฤษได้กลับเข้ามาครอบครองอีกครั้งในปี ค.ศ.1945-1957 จนกระทั่งมาเลเซียได้ประกาศอิสรภาพในปี ค.ศ.1957 จนถึงปัจจุบัน

หลักฐานการล่าเมืองมะละกา ได้ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วตามพื้นที่ประวัติศาสตร์ของเมือง

red-square-dutch-square (1)

จตุรัสแดง ถนน Laksamana สิ่งก่อสร้างที่รายล้อมแสดงถึงสถาปัตยกรรมของชนชาติตะวันตก ที่นี่เคยเป็นแหล่งชุมชนดัชท์เมื่อราวศตวรรษที่ 16-17 อาคารสถานที่ล้วนเป็นสีแดงอิฐขานรับกับชื่อจตุรัส ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์คริสต์ หอนาฬิกา พิพิธภัณฑ์เยาวชน และอาคารสตัดธิวท์ (Stadthuys) ซึ่งเป็นศาลาว่าการ ประวัติของสถานที่ขานไขอย่างย่นยอบนแผ่นป้าย

melaka8

โบสถ์คริสต์ ดูจะเป็นจุดสนใจดึงดูดให้เข้าไปเยี่ยมชมเป็นจุดแรก โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในปีค.ศ.1753 โดยนำอิฐสีชมพูจากเนเธอร์แลนด์มาก่อสร้างและเชื่อมด้วยดินสีแดงของที่นี่ อาคารสตัดธิวท์ ที่อยู่ใกล้ๆ ก่อสร้างขึ้นในปีค.ศ.1650 สำหรับเป็นที่พักของผู้ว่าการ และคณะเจ้าหน้าที่ชาวดัชท์ เชื่อกันว่าอาคารนี้เป็นอาคารของชาวดัชท์ที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนตะวันออก ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมืองและผู้คน

historical-malacca-full-day-tour-from-kuala-lumpur-including-lunch-in-kuala-lumpur-148926

บริเวณใจกลางจตุรัสเป็น ลานน้ำพุ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1904 เพื่อถวายแด่ราชินีวิคตอเรียของอังกฤษ ที่ครองราชย์ในปีค.ศ.1837 และ หอนาฬิกา ที่สร้างขึ้นในปีค.ศ.1886? ปัจจุบันนาฬิกาที่ติดตั้งบนหอนาฬิกาไม่ได้เป็นนาฬิกาดั้งเดิมของอังกฤษ แต่เป็นนาฬิกายี่ห้อไซโก้ของญี่ปุ่น ซึ่งนำมาติดตั้งแทนของเดิมในปีค.ศ.1982 ซึ่งมีกระแสความไม่พอใจปรากฏในหน้าหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวท้องถิ่นฉบับหนึ่งว่ากองทัพญี่ปุ่นเคยตัดหัวชาวเมืองมะละกาเสียบประจานที่จตุรัสนี้เพื่อข่มขวัญชาวเมือง แล้วเหตุใดจึงนำนาฬิกาญี่ปุ่นมาติดตั้งบนหอนาฬิกาแทนนาฬิกาดั้งเดิม

Trishaw Mardi Gras

ขณะที่ฉากสถานที่ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก แต่องค์ประกอบที่เคลื่อนไหวไปมา และสิ่งประกอบฉากกลับเป็นเอเชียรอบๆ ลานน้ำพุเป็นที่ชุมนุมของ รถสามล้อ จอดคอยให้บริการนักท่องเที่ยว บางคันตกแต่งสวยสะด้วยพู่ห้อย บางคันติดม่านห้อยระย้า แต่บางคันก็แสนเรียบง่าย และถ้าเดินเลยไปตรงซอกระหว่างโบสถ์คริสต์กับตึกสตัดธิวส์ จะเห็นแผงขายของที่ระลึกอย่างเกี๊ยะ เสื้อพื้นเมืองที่ตัดจากผ้าฝ้ายใส่สบายๆ …

นี่เป็นลักษณะเฉพาะของมะละกา สายลมตะวันออกกับตะวันตกนำพาเรือสินค้า ผู้คน วิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมารวมไว้ที่นี่

ข้อมูลและภาพ : wiki / tlcthai.com / flickr / tripadvisor