มีอยู่ไม่มาก และก็มีอยู่ไม่น้อยไปซะทีเดียว สำหรับศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ…
และหากพูดถึงภาพเขียนสีโบราณก่อนประวัติศาสตร์ ก็เป็นหนึ่งในศิลปะอันงดงาม ที่หาดูได้ไม่กี่ที่นัก ในเมืองไทย
ชมศิลปะบนหน้าผา และป่าไม้เขียวขจี ที่ลำปาง
หลายคนมักนึกถึงภาพเขียนสีที่ผาแต้ม อุบลราชธานี หรือ ภาพเขียนสีในถ้ำที่จังหวัดกระบี่ แต่ความเป็นจริงนั้น ภาพเขียนสีมีกระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ของเมืองไทย
สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือที่เราจะ ไปเต๊อะไปแอ่วนั้น ก็มีความงดงามของศิลปะท่ามกลางธรรมชาติ และป่าเขาลำเนาไพรซ่อนอยู่ ให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้เสาะหาชมให้เป็นบุญตา
เดินทางมากันที่ จังหวัดลำปาง ที่นี่ล่ำลือกันมาก ว่ามีภาพเขียนสีโบราณที่รวมำว้อยู่จำนวนมากในสถานที่เดียว
และ“ค่ายประตูผา” จ.ลำปาง นี่แหละ ที่จัดเป็นแหล่งภาพเขียนสีที่มีจำนวนมากกว่า 1800 ภาพ อายุมากกว่า3000ปี และมีความยาวต่อเนื่องมากที่สุดในภาคเหนือ และยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แหล่งโบราณคดีค่ายประตูผา อยู่บริเวณเดียวกับศาลเจ้าพ่อประตูผา เส้นทางลำปาง-งาว กิโลเมตรที่ ๔๘ ครอบคลุมพื้นที่บริเวณหน้าผาเทือกเขาหินปูนด้านทิศตะวันออก อันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าพ่อประตูผา และมีพื้นที่ใกล้เคียงเป็นที่ตั้งของค่ายฝึกการรบพิเศษประตูผา โดยทั้งหมดนี้อยู่ในความดูแลของค่ายประตูผา
ภาพเขียนสีโบราณ ศิลปะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของหน้าผาสูงชันและป่าไม้อันเขียวขจี ณ ค่ายประตูผาแห่งนีเ ถูกค้นพบโดยพันตรี ชูเกียรติ มีโฉม หรือ “ลุงโบ” ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดครูฝึก ได้พบเข้าระหว่างที่นำนักเรียนของค่ายออกไปฝึกยังบริเวณหน้าผา กองทัพบกจึงร่วมมือกับกรมศิลปากรและหน่วยงานต่างๆ ในการศึกษาค้นคว้าถึงที่มาของภาพ หลังจากที่ DIV OF ION PHYSICS UPPSALA UNIVERSITY ประเทศสวีเดนได้เข้าร่วมการตรวจวิเคราะห์ครั้งนี้ ผลปรากฏว่าภาพเขียนสีที่ประตูผานั้นมีอายุอยู่ราว 3,000 ปี มาแล้ว ซึ่งเก่าแก่พอๆ กับภาพเขียนสีที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี
แม้ภาพบางส่วนค่อนข้างลบเลือนหมดแล้ว หลงเหลือพอให้เห็น ภาพเขียนสีส่วนใหญ่เป็นภาพมือที่ทำด้วยเทคนิควิธีการที่แตกต่างกัน ส่วนมากเป็นภาพมือ คน สิ่งของ เครื่องใช้ สัตว์ พืช และภาพเชิงสัญลักษณ์ ตลอดจนภาพแสดงพิธีกรรมต่าง ๆ โดยภาพเขียนสีอายุกว่า 3,000 ปีนี้ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม คือ
ผาเลียงผา เป็นจุดแรกหลังจากที่เดินชมความงามของธรรมชาติมาสักระยะ บริเวณนี้จะพบภาพเขียนรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เต่า นก แต่ที่ชัดที่สุดจะเป็นรูปที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์ตระกูล เลียงผา
ผานกยูง ปรากฎภาพเขียนสีลักษณะคล้ายกับรูปนกยูง สัตว์ต่างๆ และภาพมือของคน อาจจะต้องอาศัยการสังเกตที่ดี เพราะภาพของนกยูงนั้นจะอยู่ในกลุ่มของภาพมือคน
ผาวัว มีความน่าสนใจตรงที่ปรากฏภาพวัว และกลุ่มคน สันนิษฐานว่าเป็นลักษณะของการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งจะเห็นได้ถึงความปราณีตของลายเส้นที่เกิดขึ้น และอยู่ไม่สูง สามารถเข้าไปชมได้ใกล้ๆ
ผาเต้นระบำ ภาพเขียนบริเวณนี้อยู่สูงจากทางเดินพอสมควร เป็นลักษณะคล้ายกับกลุ่มคนทั้งหญิงและชายกำลังเคลื่อนไหว ท่าทางเหมือนกับการเต้นรำ
ผาหินตั้ง ปรากฎภาพเป็นรูปคนกำลังนอนและมีเครื่องหมายกากบาททับ ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นลักษณะของพิธีฝังศพในสมัยก่อน
ผานางกางแขน เป็นภาพที่มีลักษณะคล้ายกับผู้หญิง ซึ่งกำลังยกแขนขึ้นเหนือศรีษะ
ผาล่าสัตว์และผากระจง เป็นส่วนสุดท้ายของกลุ่มภาพเขียนสี โดยเป็นลักษณะภาพกลุ่มคน และสัตว์ สันนิษฐานว่าเป็นการจับสัตว์และฝึกฝนสัตว์ในสมัยก่อน
ภาพเขียนสีทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะของคนในสมัยก่อนเท่านั้น หากแต่ภาพเขียนสีเหล่านั้นยังเป็นบันทึกเรื่องราวแห่งยุคสมัย (โบราณ) ด้วยการเล่าเรื่องผ่านภาพอย่างตรงไปตรงมา คล้ายกับการบันทึกภาพโดยใช้กล้องถ่ายรูปในปัจจุบัน
และที่ไม่น่าเชื่อว่าคนในยุคนั้นจะสามารถคิดได้ก็คือ ส่วนผสมของสีที่ใช้วาด โดยมีส่วนผสมมาจากสายแร่เหล็กสีแดง ซึ่งพบว่าแทรกตัวอยู่ในหินปูน หินดินดาน และหินทรายแดง นำมาฝนหรือบดให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับยางไม้หรือไขมันสัตว์ กว่าจะออกมาเป็นภาพเขียนสีที่อยู่คงทนมากกว่า 3,000 ปี ทำหน้าที่เป็นหนึ่งผู้บอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับคนรุ่นหลังได้เข้าใจถึงสภาพสังคม ความเป็นอยู่ รวมถึงประเพณีวัฒนธรรมต่างๆ
บทความน่าอ่านจาก http://www.emaginfo.com ร่วมกับ travel.mthai.com