ตอนนี้กระแสการท่องเที่ยวแนวผจญภัยกำลังมาแรง หลายที่หลายอุทยานเริ่มเปิดให้นักผจญภัยได้ขึ้นไปสัมผัสธรรมชาติและประสบการณ์การเดินป่าขึ้นเขากันแล้ว ซึ่ง “ภูบักได” อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย นั้นก็เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิต และจะต้องไปถ่ายรูปที่ผายอดฮิตอย่าง “ผาหลอกลวง” กันด้วย
ผาหลอกลวง ณ ภูบักได
ที่เที่ยวยอดฮิตช่วงหน้าหนาว!

สมาชิกเฟสบุ๊ค คุณชนาธิป อินทรวิชะ ได้เดินทางไปเที่ยว ภูบักได ซึ่งได้บอกเล่าประสบการณ์การเดินทางครั้งนี้ และข้อมูลเบื้องต้นที่เราต้องเตรียมตัวก่อนไปมาฝากกัน
สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเดินทาง ภูบักได
นัดกับน้องๆ ในทีมงานทั้งหมด 5 คน ตกลงจะไปพิสูจน์ภูบักไดกัน ก่อนอื่นที่จะเดินทางไปเที่ยวที่ภูบักไดต้องเตรียมตัวกันก่อน ต้องรู้ข้อมูลล่วงหน้ากันก่อนนะครับ เราจะได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข
1. บนยอดภูบักได ไม่มีห้องน้ำ ห้องสุขาให้บริการ
2. จุดจอดรถอยู่ที่บ้านกลาง อ.ภูเรือ จ.เลย เดินทางจากภูเรือไปทางเกษตรที่สูง ผ่านน้ำตกปลาบ่า น้ำตกสองคอน ระยะทางประมาณ 20 ก.ม. จากตัวอำเภอภูเรือ เมื่อถึงบ้านกลางเลี้ยวซ้ายตรงไป บ้านกำนันเชิดจะอยู่ด้านขวามือติดกับกำแพงวัด
3. ต้องจองล่วงหน้า ติดต่อกำนันเชิด ได้ที่เบอร์ 087-866-2648, 095-701-3139
4. สามารถจอดรถได้ที่วัดบ้านกลาง ใกล้ๆ กับบ้านกำนันเชิดนั้นแหละ
5. ค่าบริการ 3,000 บาท/คัน สามารถนั่งได้ 6 คน ราคานี้รวม
- ค่ารถแต๊กขึ้น/ลง
- ค่าบริการแบกสำภาระอาหารการกิน
- ค่าบริการก่อกองไฟเพื่อปรุงอาหาร
- ค่าหาฟืนไฟ
- ค่าไกด์นำทาง
- ค่าดูแลความปลอดภัย
- ค่าบำรุงกิจการท่องเที่ยวชุมชน
6. นั่งรถแต๊กใช้เวลาประมาณ 1.30 ช.ม.
7. เดินเท้าต่ออีก 1.30 ช.ม. แบ่งเป็น 2 ช่วง
- ช่วงแรก ทางชัน 300 เมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
- ช่วงที่ 2 ทางราบ ระยะทาง 3 ก.ม. ใช้เวลาประมาณ 1.10 ช.ม. ทางเดินส่วนมากจะเลาะตามหน้าผา
- ทาก.. เยอะมากๆ เตรียมตัวด้วยนะ
8. ด้านบนลมแรงมากๆ ต้องหาจุดกางเต้นท์ที่หลบลม
9. เมื่อถึงเวลาหัวค่ำจะมีการจุดประทัดประมาณ ๓ นัด เพื่อไม่ให้ช้างป่าเข้ามาไกล
10. ไม่ต้องแปลกใจที่มีช้าง เพราะว่าภูบักไดอยู่ในพื้นที่ “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง”
11. ตกค่ำแล้วไม่ควรออกเดินไปนอกเส้นทางที่ควรจะเป็น
12. การถ่ายรูปที่ “หินหลอกลวง” ควรแบ่งปันเพื่อนๆ ด้วย
13. ต้องยิ้ม..ไม่อย่างนั้น “รูปจะไม่สวย” 🙂

คณะของเราเดินทางกันในวันที่ 10 ธ.ค. 2559 ทั้งหมด 5 ชีวิต คือ นาเดียร์ อภิวิชญ์ ปัดสำราญ โชค โชค สายป่า เลยเถิด บิ๊กซี Bigc Lotusและพาร์ค Weerakorn Saengsai เราแวะซื้อเสบียงที่ อ.ภูเรือก่อนเข้าไปบ้านกลาง ไปถึงบ้านกลางประมาณ 8 โมงกว่า นัดกับกำนันเชิดไว้เรียบร้อย
ไม่รู้ว่าไปจะเป็นพรมลิขิต หรือความโชคร้ายก็ไม่รู้ 555 ที่เราได้ไปเจอกับแก๊งค์ 3 สาว 1 หนุ่มจากเมืองกรุง ร่วมคณะเดินทางไปด้วยกัน จากที่ได้ทำความรู้จักการได้รับรู้ชื่อเสียงเรียงนามว่า น้องทราย Zine Silin น้องหญิง น้องจอย และน้องเอ คณะของเราจาก 5 คนก็เลยกลายเป็น 9 ชีวิตด้วยกัน

ออกเดินทางจากบ้านกำนันเชิดตอนประมาณ 10 โมงเช้า รถแต๊กวิ่งลัดเลาะพื้นที่ไร่ของชาวบ้าน มีปลูกยาง มันสำปะหลัง แก้วมังกร ข้าว กาแฟ พริก กว่าจะมาถึงจุดจอดรถตีน ภูบักได ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1.30 ช.ม.

จากจุดจอดรถเราก็ต้องเริ่มเดินเท้าแล้วครับ ต้องขนสัมภาระส่วนตัวขึ้นไปเอง ทางเดินระยะแรกเป็นทางชันประมาณ 300 เมตรเองพวกเราใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีเท่านั้น
เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนลมพัดเย็นมากๆ นั่งพักกันสักครู่แล้วค่อยเดินต่อ ทางช่วงที่ 2 สบายๆ ชิวๆ เดินเป็นทางราบเลาะริมหน้าผาไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 3 ก.ม. ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ช.ม. ตลอด 2 ข้างทางเราต้องระวังเหยียบกับระเบิดจากน้องวัว และน้องควาย ที่ชาวบ้านเขาเอามาเลี้ยงข้างบน เพื่อไม่ให้ไปกินพืชผลที่ปลูกไว้ด้านล่าง

มาถึงจุดกางเต้นท์ก็เลือกจุดที่หลบลมมากที่สุด เจ้าหน้าที่เขาจะเป็นคนบอกเราเอง พี่ที่นำผมไปชื่อ “พ่อน้องแพท” กับ “พ่อน้องต้า” พี่ทั้งสองคนเก่งมากดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ประทับใจสุดๆ ครับ พี่ๆ ช่วยกางเต้นท์ หาฟืน หาน้ำ ก่อกองไฟ ทำอาหารให้กิน เป็นไกด์นำทาง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภูบักได ดูแลความปลอดภัย เตือนในสิ่งที่อันตรายทั้งหมด


จุดเด่นของภูบักไดคือ “ผาหลอกลวง” ใครไปก็ต้องไปถ่ายรูปที่จุดนี้กันทุกคน ก็แบ่งปันเวลาให้กับเพื่อนๆ ด้วยนะครับ อย่าจับจองแต่คนเดียวนะครับ แต่ที่ผมไปก็ถือว่านักท่องเที่ยวทุกๆ คนน่ารักมากๆ แบ่งปันกัน เข้าคิวกันอย่างเรียบร้อย มีการตั้งกติกากันเองว่า 3 ท่านะ





เท่าที่ผมสำรวจสอบถามนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มาประมาณได้ 200 กว่าคน ส่วนมากมาจากกรุงเทพ ขอนแก่น บุรีรัมย์ เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงบอกว่า “ไม่มีห้องน้ำไม่กลัวหรอก แค่คืนเดียวเอง” ทุกคนที่มาอายุช่วง 20 กว่าๆ ถึงไม่เกิน 40 ปี ชอบเดินป่า ชอบความท้าทาย แปลกใหม่ คนไม่เยอะ ธรรมชาติแบบดิบๆ ไม่ต้องปรุงแต่ง
เมื่อพลบค่ำก็สะดุ้งจากเสียงประทัด 3 นัด ถามพ่อน้องแพทบอกว่า เขาจะจุดเพื่อให้ช้างเปิดทาง ตอนที่นักท่องเที่ยวบางคนจะเดินลงกรณีไม่พักแรม


กลางคืนอากาศหนาวเย็นมาก ลมแรง นอนคุ้ดคู้อยู่ในถุงนอน ดีที่พี่ๆ ทำบังลมไว้ให้ไม่อย่างน้้นนอนหนาวตัวขดอย่างแน่นอน เช้าตื่นมาตั้งแต่ตี 5 เพื่อมารอดูพระอาทิตย์ขึ้น รอชมทะเลหมอก วันนี้โชคไม่ดีเมฆทางทิศตะวันออกค่อนข้างเยอะเลยทำให้ไม่เห็นพระอาทิตย์แบบเต็มดวง แต่ทางด้านทิศตะวันตก เราก็สามารถมองเห็นทะเลหมอกโอบล้อมภูเขาสูงไว้ หมอกอาจจะไม่ดูหนาตามาก แต่ก็ให้ความสวยงามไปอีกแบบหนึ่’


การที่ได้ตื่นแต่เช้า มาสูดอากาศบริสุทธิ์ มีกาแฟร้อนๆ ช่วยให้มืออุ่นขึ้น ผมว่าบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มาสัมผัสด้วยตนเองคงไม่รู้หรอกว่า “มันคือ..สวรรค์ดีๆ นี่เอง” ขากลับเราสามารถแวะดูพืชผักที่ชาวบ้านปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้นก็ช่วยอุดหนุนผลผลิตของชาวบ้านด้วยนะครับ


ขอบคุณข้อมูลดีๆ และรูปภาพสวยๆ จาก เฟสบุ๊ค ชนาธิป อินทรวิชะ