Blue Gold Coffee กูบาเฮาส์ จังหวัดนครพนม ชนเผ่าไทโส้ ชะมดบูลโกลด์ ท่องที่ยวไทย บ้านลุงโฮ พระธาตุท่าอุเทน พระธาตุพนม พระธาตเรณูนคร พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดนครพนม ล่องเรือ วัดนักบุญยอแซฟ บ้านคำเกิ้ม ศาลากลางหลังเก่า สะพานมิตรภาพไทย - ลาว หอสมุดแห่งชาตินครพนม อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ อุโมงค์จักรยาน นาคราช เที่ยวนครพนม แม่น้ำโขง โบสถ์นักบุญอันนาหนองแสง ไร่กาแฟ

ม่วนหลายๆ ที่นครพนม เมืองแห่งความสุขริมฝั่งโขง

Home / ข้อมูล 77 จังหวัด / ม่วนหลายๆ ที่นครพนม เมืองแห่งความสุขริมฝั่งโขง

วันนี้เราจะพาไปบุกถิ่นอีสาน เยือนจังหวัดที่มีความสุขที่สุดในประเทศไทย “จังหวัดนครพนม” กับ 18 ที่เที่ยว อัดแน่น จัดเต็ม!

ม่วนหลายๆ ที่นครพนม
เมืองแห่งความสุขริมฝั่งโขง

จังหวัดนครพนม เมืองเล็กริมฝั่งโขง ทางภาคอีสาน  ที่ใครๆ ก็ต่างพูดว่าเป็น จังหวัดที่มีความสุขที่สุดในประเทศไทย อาจเพราะบรรยากาศของเมืองที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ผู้คนน่ารักยิ้มแย้มแจ่มใส ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบคนสมัยก่อน วัฒนธรรมก็หลากหลายและสวยงาม อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สนใจหลายแห่ง ทั้งวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ คาเฟ่เก๋ๆ มากมาย ซึ่งที่กล่าวมานี่ไม่ได้โม้แต่อย่างใด เพราะเราได้ไปเก็บรีวิว ที่เที่ยวนครพนม ไม่ควรพลาด มาฝากกัน ขอบอก 3 คำว่า ม่วนหลายเด้อ!

1. พระธาตุพนม  วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร

มาถึงนครพนม อย่างแรกก็ต้องแวะนมัสการพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระธาตุประจำของคนเกิดปีวอก และคนที่เกิดวันอาทิตย์ มีความเชื่อกันว่า ถ้าใครมานมัสการพระธาตุครบ 7 ครั้ง จะถือว่าเป็น ลูกพระธาตุ” ได้รับอานิสงค์บุญบารมี มีคนเคารพนับถือ ชีวิตดีมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

ที่ตั้ง : ถ.ชยางกูร ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

2. พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดนครพนม

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจืดนครพนม ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองญาติ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดย่อม ที่รวมรวมสัตว์น้ำ และปลาน้ำจืดหลายชนิด ทั้งที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ไว้มากมาย จุดเด่นคือมีอุโมงค์แก้วให้เราไเดินลอด พร้อมกับชมฝูงปลาเล็กใหญ่ที่แหวกว่ายไปมาได้อย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ภายในตัวอาคารยังมีจุดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับปลาแม่น้ำโขง ห้องโสตทัศนศึกษาสำหรับฉายวีดีทัศน์ที่ทันสมัยขนาด 50 ที่นั่ง และร้านจำหน่ายของที่ระลึกอีกด้วย 

ค่าเข้าชม : สำหรับผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท
ที่ตั้ง : ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
เวลาเปิดปิด : เปิดบริการทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น.

3. กูบาเฮาส์

บ้านกูบา อาคารสองชั้นสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล สร้างโดยคหบดีผู้รับเหมาก่อสร้างชาวเวียดนามชื่อ โองกูบา หรือนายสุนทร วิจิตรเจริญ ปัจจุบันที่นี่ได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของนครพนม รวมถึงมีร้านขายสินค้าที่ระลึก และพื้นที่นั่งจิบชา ทานอาหารเช้า อยู่ชั้นล่างของบ้านด้วย

ร้านขายของฝาก
ร้านขายของฝาก

กูบาเฮ้าส์นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 18.00 น. 
อาหารเช้ากูบาเฮ้าส์ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 11.00 น.

ที่ตั้ง : ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม

4. หอสมุดแห่งชาตินครพนม
(ศาลากลางหลังเก่า)

อาคารหอสมุดแห่งชาติฯ นครพนม  เดิมเป็นอาคารศาลากลางจังหวัดนครพนม สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณปี พ.ศ. 2458 ซึ่งตรงกับช่วงที่ พระวิจิตรคุณสาร (ต่อมาเป็นพระยาพนมนครานุรักษ์) รับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรกของนครพนม

ลักษณะเป็นอาคาร 3 ชั้น มีรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมระหว่างไทยและยุโรป สร้างด้วยอิฐฉาบปูน พื้นและบันไดเป็นไม้ ภายนอกทาสีเหลือง สไตล์โคโลเนียล ดูแล้วคลาสสิค สวยงาม และยังสมบูรณ์แบบมากๆ แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 100 ปี

ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม

5. หอเฉลิมพระเกียรติราชวงศ์จักรี

หอเฉลิมพระเกียรติพระราชวงศ์จักรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความจงรักภักดีของชาวนครพนมที่มีต่อราชวงศ์จักรี โดยจุดที่สร้างอดีตเคยเป็นที่ประทับแรมของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ภายในมีการจัดแสดงความรู้ทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนครพนม พระธาตุประจำวันเกิด นิทรรศการวิถีชีวิต ทั้ง 7 ชนเผ่า และ 2 เชื้อชาติ ในจังหวัดนครพนม รวมไปถึงโซนจัดแสดง “ปิติสุข ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนนครพนม” ที่รวบรวมภาพถ่ายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 พร้อมคำอธิบายสั้นๆ

ค่าบริการ : ผู้ใหญ่ 30 บาท / เด็ก 20 บาท / ผู้สูงอายุ เข้าฟรี
เวลาเปิดปิด : วันจันทร์ – วันศุกร์ ตั้งแต่ 09.00 – 17.00 น และ เสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ 10.00 – 18.00 น.
ที่ตั้ง : ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม

6. พระธาตุท่าอุเทน

พระธาตุท่าอุเทน ประดิษฐานอยู่ ณ วัดท่าอุเทน อำเภอท่าอุเทน ลักษณะเจดีย์จำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็ก และ สูงกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง

พระธาตุองค์นี้มีสิ่งที่ตรงกับเทพประจำวันศุกร์ คือพระธาตุหันไปทางทิศเหนือของพระธาตุพนม ตรงกับทิศประจำของพระศุกร์ เชื่อกันว่าผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุ จะได้รับอานิสงส์ส่งผลให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งโรจน์ เปรียบเหมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามอรุณรุ่ง

ที่ตั้ง : ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม

7. ร้านกาแฟ 76A

สาขาที่สองของร้านกาแฟ 76A ร้านกาแฟชั้นดีของนครพนม ร้านนี้เป็นอาคารเก่าในสไตล์เฟรนช์โคโลเนียล ที่ดัดแปลงมาเป็นคาเฟ่ได้อย่างลงตัว รสชาติไม่แตกต่างจากสาขาแรก อร่อยไม่แพ้กัน เครื่องดื่มและเบเกอรี่มีให้เลือกทานหลากหลาย ร้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง บรรยกาศดี วิวสวย เหมาะสำหรับมานั่งชิลล์ๆ ในยามบ่าย

เวลาเปิดปิด : เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9.00–18.00 น.
ที่ตั้ง : ถ.สุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม

8. Blue Gold Coffee

ไร่กาแฟชะมดบูลโกลด์ อำเภอโพนสวรรค์ ไร่กาแฟที่ทำรายได้หลายร้อยล้านบาทต่อปีโดยคุณ ‘เฟรม-เกียรติศักดิ์ คำวงษา’ เริ่มต้นทำธุรกิจนี้ขึ้นมาด้วยวัยเพียง 24 ปี เมื่อตอนเรียนอยู่ปีสุดท้ายของคณะการสร้างเจ้าของธุรกิจ และการบริหารกิจการ (BUSEM) มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

กาแฟขี้ชะมด เป็นเมนูเด็ดของร้าน Blue Gold Coffee เทคนิคที่ทำให้กาแฟอร่อยคือ การเลี้ยงชะมดข้างลายไว้ควบคู่ไปกับการปลูกกาแฟโรบัสต้า ซึ่งตามธรรมชาติผลกาแฟจะสุกช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมของทุกปี และชะมดก็ชอบกินผลกาแฟสุก คุณเฟรมจะปล่อยให้ชะมดกินอยู่อย่างอิสระ เพราะเชื่อว่า เมื่อชะมดมีความสุข รสชาติกาแฟก็จะดีตามไปด้วย

เมื่อชะมดขับถ่ายเมล็ดกาแฟออกมา ก็จะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก ล้างน้ำ ตากแห้ง ก่อนจะนำไปสีและคั่ว จนได้ออกมาเป็น กาแฟขี้ชะมด หอมกรุ่น รสกลมกล่อม ส่งกลิ่นยั่วยวนอยู่ภายในร้าน Blue Gold Coffee ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่หน้าทางเข้าฟาร์ม มีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง กาแฟขี้ชะมดร้อน ซึ่งผ่านการชงอย่างพิถีพิถัน ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ติดเปรี้ยวนิดๆ คนไม่ชอบคาเฟอีนก็ดื่มได้ นอกจากนี้ยังมีกาแฟขี้ชะมดแบบสกัดเย็น ใส่ในขวดเล็กๆ ให้ได้ซื้อกลับบ้านกันด้วย

ในอนาคตไร่กาแฟแห่งนี้ จะถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบครบวงจร ที่ทุกคนในครอบครอบสามารถมาทำกิจกรรมร่วมกันได้ เริ่มจากการเปิดฟาร์มสัตว์ให้เข้าชม มีทั้งสิงโต ม้า แพรี่ด๊อก อัลปาก้า ไก่ซิลกี้ ฯลฯ ตลอดจนที่พัก และร้านอาหาร อีกด้วย

ที่ตั้ง : ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

9. ชมการแสดงจากชาวไทโส้

เดินทางต่อมาที่ ศูนย์เรียนรู้การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชนเผ่าไทโส้ ได้รับชมการแสดงพื้นบ้าน รวมถึงประเพณีโซ่ทั่งบั้งของชาวไทโส้ ณ บ้านโพนจาน ตำบลโพนจาน อำเภอโพนสวรรค์

โซ่ทั่งบั้ง ก็คือ การใช้กระบอกไม้ไผ่ยาวประมาณ 3 ปล้อง  ระทุ้งดินให้เป็นจังหวะ โดยมีชาวบ้านร่ายรำและร้องรำไปตามจังหวะกระทุ้ง

ที่ตั้ง : ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

บริเวณนี้เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ และเป็นจุดชมวิวสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 เราแวะมาตรงนี้ครู่หนึ่ง ก่อนเดินทางไปล่องเรือกันต่อ

ที่ตั้ง : ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม

11. ล่องเรือสำราญ ชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว

ล่องเรือชมความงดงามของสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยเรือจะแล่นออกจากฝั่งหน้าตลาดอินโดจีน ผ่านพญานาคศรีสัตตนาคราช (พญานาค 7 เศียร) หอนาฬิกา จวนผู้ว่าหลังเก่า ไปจนถึงรองอาสนวิหารนักบุญอันนา แล้วแล่นข้ามโขงไปเลียบริมฝั่งของเมืองท่าแขก จากนั้นก็วกกลับมาที่ฝั่งไทย ใช้เวลาไป-กลับ ประมาณ 1 ชั่วโมง มีค่าบริการล่องเรือคนละ 50 บาท

12. พระธาตุเรณูนคร

พระธาตุเรณูนคร พระธาตุของคนเกิดวันจันทร์ ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุเรณู มีสีชมพูสวยหวานโดดเด่นสะดุดตา โดยจำลองมาจากองค์พระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน ตลอดจนของมีค่าที่ชาวเมืองบริจาค และเครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง เชื่อกันว่าคนเกิดวันจันทร์เป็นคนมีเสน่ห์ ถ้าได้กราบไหว้จะทำให้มีรูปพรรณผ่องใสเหมือนแสงจันทร์ ส่วนด้านในโบสถ์ประดิษฐานพระองค์แสน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำศิลปะแบบลาว ปางสมาธิ พระคู่บ้านของอำเภอเรณูนคร

ที่ตั้ง : ต.โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม

13. โบสถ์นักบุญอันนาหนองแสง

ไปต่อกันที่ โบสถ์นักบุญอันนาหนองแสง เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติที่มีคนหลายเชื้อชาติอยู่รวมกัน ทั้งคนไท คนญวน คนจีน คนลาว มีลักษณะเป็นยอดโบสถ์คู่และมีสะพานเชื่อมหากัน ดูสวยงามแปลกตา

ส่วนอาคารข้างๆ สีเหลืองครีม แต่เดิมเป็นที่ทำการศาสนกิจของบาทหลวงนิกายคาทอลิก ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมูลนิธิบาทหลวงเอดัวร์นำลาภ ออกแบบสไตล์โคโรเนียล

ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม

14. บ้านลุงโฮ

นั่งรถมาไม่ไกลก็เจอกับ บ้านลุงโฮ หลังจริง เป็นบ้านไม้ที่ท่านโฮจิมินเคยอาศัยอยู่ รอบๆ บ้านปลูกต้นไม้หลายชนิด มีบรรยากาศร่มรื่น

ภายในบริเวณรั้วบ้าน แบ่งบ้านออกเป็นสองหลัง หลังแรกด้านหน้าเคยเป็นบ้านของสหายคนสนิทลุงโฮ แล้วก็กลายมาเป็นที่พักของลุงโฮจุดแรกในจ.นครพนม  จัดวางข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ให้ใกล้เคียงแบบเดิมมากที่สุด มีห้องนอน โต๊ะทำงาน บ้องยาสูบ และรูปภาพสมัยประวัติศาตร์แขวนอยู่เต็มผนังบ้าน

ส่วนบ้านด้านหลังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้เขียวชอุ่ม มีลูกหลานอาศัยอยู่ คอยดูแลความเรียบร้อยของบ้านหลังแรก

ระหว่างทางเดินจากบ้านหลังแรก ไปยังบ้านหลังที่สอง ต้องเดินผ่านยุ้งฉางข้าว ห้องครัว และห้องเก็บอุปกรณ์

คุณกรกนก วงศ์ประชาสุข หรือคุณไก่ หลานของรุ่นพี่ลุงโฮ เธอพร้อมจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับลุงโฮให้เราฟังอย่างออกรสออกชาติ

ที่ตั้ง : บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อำเภอเมือง

15. อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์

มาถึงนครพนม ต้องไม่พลาดชม อนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านลุงโฮประมาณ 5 นาที สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ประธานโฮจิมินห์ หรือลุงโฮ ที่ครั้งหนึ่งเคยลี้ภัยมาอาศัยอยู่ที่บ้านนาจอก จังหวัดนครพนม เพื่อหาลู่ทางกอบกู้เอกราชให้เวียดนามจากฝรั่งเศส ช่วงสมัยสงคราม ทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นด้วย

ภายในอนุสรณ์สถานมีรูปปั้นของท่านโฮจิมิน หุ่นขี้ผึ้งจำลองชีวิตความเป็นอยู่ มีบ้านจำลองแบบเดียวกับที่ท่านเคยมาอาศัยพร้อมข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงอาคารจำหน่ายของที่ระลึกทั้งจากเวียดนาม และสินค้า OTOP ของชาวบ้านนครพนม

บ้านไม้ชั้นเดียว จัดวางข้าวของ และแสดงเรื่องราวการทำงานของของท่านโฮจิมินห์ แบบเดียวกับบ้านลุงโฮเป๊ะ  มีห้องครัวและยุ้งฉางข้าวแยกออกมาต่างหาก

ที่ตั้ง : ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม

16. วัดนักบุญยอแซฟ บ้านคำเกิ้ม

สิ่งที่โดดเด่นของบ้านคำเกิ้มก็คือ โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการถูกระเบิดเมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทอินโดจีน บรรยากาศดูขลังตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้าไปเลยล่ะค่ะ

ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนแบบยุโรป แต่โครงหลังคาสร้างด้วยไม้ รวมถึงบานประตูและโครงหน้าต่างก็ทำจากไม้เช่นกัน บานหน้าต่างด้านล่างกรุกระจก 6 ช่อง เปิดออกรับลมได้ ส่วนหน้าต่างบนยอดโบสถ์ แต่เดิมกรุกระจกสี 4 ช่อง ตอนนี้เริ่มผุพังไปตามเวลา

มีห้องแยกออกมาซ้ายขวา สำหรับเป็นห้องซาคริสเตียและห้องฟังแก้บาป

ข้างๆ กันนี้เป็นโบสถ์ใหม่ หลังคาทาสีฟ้า ตัวอาคารทาสีขาว และมีหอระฆังอยู่ทางขวามือ ใช้ชื่อว่า “วัดนักบุญยอแซฟ”

ที่ตั้ง : บ้านคำเกิ้ม ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม

17. อุโมงค์จักรยาน นาคราช

เปิดประสบการณ์ปั่นสุดชิคริมฝั่งโขง ที่อุโมงค์นาคราช แลนด์มาร์คเส้นทางปั่นจักรยานเลียบริมน้ำโขง ระยะทางรวมกว่า 307 เมตร เหมือนเราได้ปั่นลอดท้องพญานาค และระหว่างปั่นไป ก็จะได้ชื่นชมทัศนียภาพของลุ่มน้ำโขงไปด้วย

ที่ตั้ง : ซ.สุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม

18. พิพิธภัณฑ์จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม

อาคารคลาสสิคสีเหลืองหลังนี้ เดิมเป็นจวนผู้ว่าเก่า เรียกง่ายๆ ก็คือบ้านพักของผู้ว่าราชการจังหวัด มี 2 ชั้น รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เพราะได้รับอิทธิพลการก่อสร้างมาจากฝรั่งเศส สมัยสงครามอินโดจีน ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวมเรื่องราวของนครพนมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผ่านภาพถ่ายต่างๆ มีของใช้โบราณหาดูยากจัดแสดงไว้ด้วย แบ่งออกเป็นทั้งหมด 10 ห้อง มีห้องหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี เคยเสด็จมาประทับแรมที่นี่

เดินตรงเข้าไปข้างในจะเจอกับโต๊ะของผู้ว่าราชการจังหวัด ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ล้อมรอบด้วยรูปภาพอดีตผู้ว่าที่เคยทำงานและพักในจวนหลังนี้

ห้อง: วัฒนธรรมหลากหลาย นครพนมเป็นจังหวัดที่มีวัฒนธรรมหลากหลาย  ประกอบด้วยชนเผ่า 8 ชนเผ่า และ 2 เชื้อชาติ ในห้องนี้จึงจัดแสดงหุ่นคู่ผู้ชายผู้หญิง ใส่ชุดประจำเผ่าและประจำชาติ โชว์อยู่ในตู้กระจก

ห้อง: ตามรอยพระบาท สานต่อพระราชปณิธานใน 5 โครงการพระราชดำริของทั้ง 2 พระองค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น

ห้อง: ภาพเก่าเล่าขาน จัดแสดงภาพถ่ายที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองนครพนม มาห้องนี้ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์อย่างละเอียดยิบ

ห้อง: เมื่อครั้งยังเสด็จ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 9 เสด็จเยี่ยมราษฎรชาวนครพนมระหว่างวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2498

ห้อง: เปิดบันทึก…นายสง่า จันทรสาขา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 2501-2508 ส่วนหนึ่งจากบันทึกส่วนตัวว่าด้วยเรื่องการเตรียมการรับเสด็จในวันที่ 12-13 พฤศจิกายน 2498

ที่ตั้ง : ถ.สุนทรวิจิตร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม
เวลาเปิดปิด : เปิดทำการทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น