ของฟรี 20 อย่าง ที่หาได้ไม่ยาก เมื่อไปเที่ยวยุโรป

Home / ทิปท่องเที่ยว / ของฟรี 20 อย่าง ที่หาได้ไม่ยาก เมื่อไปเที่ยวยุโรป

ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องใช้จ่ายเงินของคุณไปอย่างมากมายระหว่างการเที่ยวชมเมืองใหญ่ คุณสามารถประหยัดเงินเอาไว้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายรายการพิเศษได้ด้วยของฟรี 20 อย่างที่มีให้ในเมืองต่างๆ ของยุโรปในช่วงฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อนนี้ และจะพบว่า สุดท้ายแล้วของดีที่ได้มาฟรีก็มีอยู่จริง (อย่างน้อยก็บางสิ่งล่ะน่า)

ของฟรี 20 อย่าง ที่หาได้ไม่ยาก เมื่อไปเที่ยวยุโรป

ของฟรี 20 อย่างที่สามารถหาได้ไม่ยาก เมื่อไปเที่ยวเมืองต่างๆ ในยุโรป

1. จักรยานฟรีๆ เมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก
เก็บเงินไว้รับประทานอาหารในร้านหรูๆ ดีไหม! คุณจะไปนั่งในร้านชั้นนำระดับโลกอย่างโนมา (Noma) เลยก็ยังได้ ถ้าหากคุณเที่ยวชมเมืองด้วยบริการจักรยานฟรีตามโครงการจักรยานให้เช่าของเมืองโคเปนเฮเกนเขาน่ะ

2. ช็อกโกแลตฟรีๆ เมืองซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ช็อกโกแลตฟรี! คงจะมีแค่เบียร์ฟรีเท่านั้นล่ะมั้งที่พอจะสูสีกัน? คนรักช็อกโกแลตมีหรือที่จะต้านทานไม่ลองชิมทรัฟเฟิลสักชิ้นสองชิ้นที่โรงงานช็อกโกแลตลินด์แอนด์สปรุงลี (Lindt & Sprungli) ที่ซูริคได้ หรือถ้าจะเข้าชมพิพิธภันฑ์ช็อกโกแลตที่นั่นก็ฟรีเช่นกัน

3. ละครตลกฟรีๆ เมืองเอดินบะระ (Edinburgh) สก๊อตแลนด์ สหราชอาณาจักร
ถ้าหากว่าคุณวางแผนที่จะดูโชว์สักสามสี่โชว์ในหนึ่งวัน คงจะเสียค่าเข้าชมงานเทศกาลเอดินบะระ (Edinburgh Festival) ในเดือนสิงหาคมแพงน่าดู แต่ก็สามารถประหยัดงบลงได้ด้วยการไปชมโชว์ที่งานเทศกาลละครตลกฟรี (Free Comedy Festival) แทนได้อยู่นะ ตามชื่อของงานเลย คือ ชมฟรี แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ควรที่จะจ่ายเงินสักเล็กน้อยลงในกล่องรับบริจาคตอนท้ายบ้าง มุกตลกดูจะขำมากขึ้นด้วยเมื่อคุณจ่ายเงินทั้งหมดที่มีไปกับค่าเบียร์

4. แกะรอยรหัสลับดาวินซีฟรีๆ กรุงปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส
เยี่ยมชมลูฟว์ (Louvre) แกลเลอรี่งานศิลปะที่ใหญ่ที่สุดของโลกแบบไม่เสียค่าเข้าในวันอาทิตย์แรกของเดือน (และวันที่ 14 กรกฎาคม หรือฟรีตลอดถ้าอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือ 18-25 ปี ก็ยังฟรีถ้าถือสัญชาติประเทศสมาชิกเขตเศรษฐกิจยุโรป หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเป็นครูอาจารย์ด้านศิลปะ) แต่ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปพินิจพิจารณาโมนาลิซา หรือไปทำอะไรเกี่ยวกับแดน บราวน์จริงๆ ค่าเข้าชมปกติก็จะอยู่ที่ 15 ยูโร

5. ช้อปปิ้งฟรีๆ เมืองอิสตัลบูล (Istanbul) ประเทศตุรกี
โอเค การที่จะไม่จับจ่ายอะไรที่แกรนด์ บาซาร์ (Grand Bazaar) ในอิสตัลบูลอาจจะดูว่าเป็นอะไรที่ท้าทายอยู่สักหน่อย แต่ลองฝืนแรงเชื้อเชิญของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ชวนให้ซื้อ แล้วลองเปลี่ยนเป็นการเดินดูสินค้าเฉยๆ ท่ามกลางบรรยากาศและความเป็นไปเหล่านั้นบ้างก็จะพบว่าดีเหมือนกันนะ

6. ฟรีคอนเสิร์ต เมืองอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์
ตามเหล่าไฮโซท้องถิ่นไปฟังชูเบิร์ต (Schubert) ในคอนเสิร์ตยามเที่ยงวันพุธแบบฟรีๆ ด้วยบรรยากาศที่ชวนให้ประทับใจสุดๆ ของคอนเสิร์ตฮอลล์ (Concertgebouw) สถานที่ที่เป็นเสมือนบ้านของวงออเคสตร้าที่ได้รับการยอมรับที่สุดของโลก ไปก่อนเวลาเนิ่นๆ หน่อยเพื่อเข้าคิว ซึ่งรับรองว่าคุ้มค่าแก่การรอคอย

7. ไดโนเสาร์ฟรีๆ กรุงลอนดอน (London) อังกฤษ สหราชอาณาจักร
ลอนดอนภูมิใจนำเสนอพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และบางแห่งนั้นก็ไม่เสียค่าเข้าชมเสียด้วย อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (Natural History Museum) ซึ่งเป็นที่ที่สมควรไปเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง หากคุณมีเด็กร่วมทริปและต้องการทำให้พวกเขาเพลิดเพลิน

8. ทัวร์เดินเท้าแบบฟรีๆ กรุงเบอร์ลิน (Berlin) ประเทศเยอรมัน
ถ้าคุณเสร็จภารกิจการชมสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เช็คพ้อยท์ ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) และอาคารรัฐสภา (Reichstag) แล้ว ลองไปชมสถานที่ที่มีความเป็นแหล่งท่องเที่ยวน้อยลงอีกหน่อย ด้วยการโฉบไปมองตึกเก่าเก๋ๆ และเยี่ยม (บาร์) ชายหาดกับอัลเทอร์เนทีฟ เบอร์ลิน ทัวร์ (Alternative Berlin Tours) ที่เปิดให้บริการนำเที่ยววันละสองรอบ สิ่งนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงหัวใจของความคิดสร้างสรรค์ของเมืองที่มีเสน่ห์เมืองนี้

9. เกาดี้ฟรีๆ เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน
หนึ่งในสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวของบาร์เซโลนาคือสถาปัตยกรรมอันวิจิตรของอันโตนี เกาดี้ ( Antoni Gaudi) นั่นเอง ซึ่งคุณสามารถชมจากข้างนอกได้ฟรีเกือบจะทุกแห่ง เช่น ที่คาซา มิลา (Casa Milà) หรือแม้แต่จะลองนั่งดูก็ได้ อย่างเช่นที่ระเบียงนั่งเล่น (Serpentine Bench) ในสวนสาธารณะพาร์คกูเอล (Park Güell)

10. ศิลปะฟรีๆ กรุงมาดริด (Madrid) ประเทศสเปน
พิพิธภัณฑ์ปราโด (Museo Nacional del Prado) ในมาดริด เป็นที่แสดงคอลเล็กชั่นงานศิลปะที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง หาคุณไปแวะปราโดช่วง 18.00 – 20.00 น. (อังคาร – เสาร์) หรือ 17.00 – 20.00 น. (อาทิตย์) คุณอาจจะได้ชื่นชมผลงานของโกย่าฟรีๆ เลย

11. ประวัติวรรณกรรมแบบฟรีๆ เมืองดับลิน (Dublin) ประเทศไอร์แลนด์
ดื่มด่ำไปกับความยิ่งใหญ่ของวรรณกรรมโดยที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาทที่ทรินิตี้คอลเลจ (Trinity College) อันขรึมขลังในดับลิน ท่องไปในโถงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เต็มไปด้วยบรรยากาศกรุ่นๆ ของอัจฉริยะทางวรรณกรรม เช่น ออสการ์ ไวล์ด (Oscar Wilde) บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) และซามูเอล เบ็คเค็ท (Samuel Beckett) ที่ได้เคยศึกษาอยู่ ณ ที่แห่งเดียวกันนี้มาก่อน

12. ชมเมืองแบบฟรีๆ กรุงโรม (Rome) ประเทศอิตาลี
วิหารแพนธีออนและช่องโหว่ตรงกลางหลังคาโดมคือสิ่งที่พลาดไม่ได้ในการเยือนโรม และก็ไม่เสียสตางค์เสียด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถประหยัดเงินเอาไว้สำหรับซื้อไอศกรีมเจลาโตราคาแพงหูฉีก และคาปูชิโนจากคาเฟ่ปิอาซซ่า (piazza café) ในย่านศูนย์กลางการท่องเที่ยวได้เลย

13. อาหารฟรีๆ เมืองมิลาน (Milan) ประเทศอิตาลี
ในยุค 60 เคยมีความรักแบบให้เปล่า ในขณะที่มิลานก็มีอาหารให้คุณเปล่าๆ เหมือนกัน สิ่งนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ร้านต่างๆ ที่จะวางขนมขบเคี้ยวไว้ในช่วงเวลาสำหรับของว่างแบบให้เปล่า (gratuito at aperitivo) แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงโรลไส้กรอกชิ้นเล็กๆ หรอกนะ คุณก็เพียงแค่ซื้อเครื่องดื่มสักแก้ว แล้วก็ลุยเลย

14. หมากรุกฟรีๆ เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ประเทศออสเตรีย
เมืองซาลซ์บูร์กของประเทศออสเตรียนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพค่อนข้างสูง แต่คุณก็ยังสามารถมีเวลาแห่งความสนุกสนานได้ฟรีๆ ด้วยการเล่น “หมากรุกถนน” (Street Chess) ที่มีขนาดเท่าคนในย่านคาพิเทลพลัทซ์ (Kapitelplatz) ได้ รวมถึงการโดนบี้จนแพ้ราบคาบโดยเซียนหมากรุกชาวซาลซ์บูร์กก็ฟรีเช่นกัน

15. ดนตรีฟรีๆ เมืองเวนิส (Venice) ประเทศอิตาลี
ราคากาแฟในย่านจัตุรัสเซนต์มาร์ก (St. Mark’s Square) อาจจะไม่ดึงดูดเท่าใดนัก แต่สถานที่ที่โด่งดังอย่างคาเฟ่ฟลอเรียน (Café Florian) ก็คลาคร่ำไปด้วยวงสตริงควอเต็ทที่มีคุณภาพมาแสดงดนตรีให้ดูฟรีๆ คุณจะขอแค่น้ำเปล่าแก้วเดียวก็ได้ แต่โปรเซคโก (Prosecco) สักแก้วน่าจะเข้าท่ากว่า

16. โอกาสในการถ่ายรูปแบบฟรีๆ กรุงปราก (Prague) ประเทศออสเตรีย
สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำให้จงได้เมื่อไปเยือนปราก ก็คือการมีรูปถ่ายเป็นที่ระลึกบนสะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge) อันมีมนต์ขลังเหนือแม่น้ำวัตตาวา (Vltava) และแน่นอนว่าไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แต่อันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับค่ากล้องนะ

17. เข้าพิพิธภันฑ์ฟรีๆ กรุงลิสบอน (Lisbon) ประเทศโปรตุเกส
คุณอาจจะมองวันอาทิตย์ว่าเป็นวันสำหรับการพักผ่อนอยูกับบ้าน แต่ไม่ใช่กับคนที่อยากจะเที่ยวอย่างประหยัดในโปรตุเกสแน่ เพราะมในวันอาทิตย์คุณสามารถเข้าชมพิพิธภันฑ์ในลิสบอนได้หลายแห่งเลยทีเดียว โดยสองแห่งในนั้นมีงานศิลปะของซิลช์ (Zilch) ให้ชมด้วย

18. ชมทิวทัศน์ฟรีๆ กรุงเอเธนส์ (Athens) ประเทศกรีซ
หากต้องการจะได้ภาพสวยขั้นเทพของมหาวิหารพาเธนอน แบบที่ว่าถ้าจะให้ดีก็ต้องมีสายฟ้าพาดผ่านลงมาด้วย (ซึ่งก็เกิดขึ้นได้บ่อยๆ) ก็ต้องยอมเดินขึ้นไปยังเนินเขาฟิโลปาปโป (Filopappou Hill) ใกล้ๆ กับอะโครโพลิสหน่อย

19. ชมเมืองเก่าฟรีๆ เมืองริกา (Riga) ประเทศลัตเวีย
เลือกได้เลยว่าต้องการเมืองใดในแถบบอลติกและยุโรปตะวันออกเพื่อการเดินทอดน่องชมเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมตระการตา ไม่ว่าจะเป็นปราก (Prague) กรากุฟ (Krakow) หรือถนนสายเก่าประจำเมืองหลวงของลัทเวียอย่างริกานี้

20. หญ้าเขียวขจีฟรีๆ ทั่วยุโรป
ตั้งแต่ตุยเลอรีส์ (Tuileries) ในปารีส ไปจนถึงเทียร์การ์เทน (Tiergarten) ในเบอร์ลิน สวนสาธารณะในเมืองทั่วทั้งยุโรปจัดเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยวเล่นโดยไม่ต้องเสียสตางค์ เต็มที่ก็อาจจะเสียแค่ค่าบาเก็ตและเบียร์แค่นั้น ถ้าคุณต้องการน่ะนะ

ที่มา www.skyscanner.co.th