ที่เที่ยวประวัติศาสตร์ นครวัด พระราชวัง Domus Aurea มหาวิหาร Maxentius วิหารพาร์เธนอน โบราณสถาน โรมันบาธ

สวยตะลึง! ภาพจำลอง 7 โบราณสถาน หากได้รับการฟื้นฟู

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / สวยตะลึง! ภาพจำลอง 7 โบราณสถาน หากได้รับการฟื้นฟู

วันนี้ Travel mthai จะพาไปเยือน โบราณสถาน และซากปรักหักพังของอารยธรรมโบราณ ไม่ว่าจะเป็นวิหารพาร์เธนอน โรมันบาธ ป้อมปราการมาซาด้า นครวัด และร่องรอยทางประวัติศาสตร์อันมีค่าอีกมากมาย

สวยตะลึง! ภาพจำลอง 7 โบราณสถาน
หากได้รับการฟื้นฟู

หลายคนคงเกิดจินตนาการตามว่าสถานที่เหล่านั้นในอดีตเคยสวยงามเพียงใด และหากได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ จะมีสภาพเป็นอย่างไร ทางเว็บไซต์  My Voucher Codes จึงได้ลองชุบชีวิตสิ่งปลูกสร้างโบราณทั้ง 7 แห่งขึ้นมาอีกครั้ง โดยทำการบูรณะผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะสวยขนาดไหนนั้น ดูกันเลย

1. Domus Aurea (Octagonal room)
กรุงโรม ประเทศอิตาลี

สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศักราชที่ 65-68 โดยจักรพรรดิแนโร่ ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ถึงวีรกรรมความโหดเหี้ยม พระราชวังแห่งนี้ นอกจากใช้เป็นที่ประทับแล้ว ยังไว้เลี้ยงต้อนรับแขกคนสำคัญด้วย ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ฟู่ฟ่า ประดับตกแต่งด้วยวัสดุล้ำค่ามากมาย ทั้งอัญมณี งาช้าง และไข่มุก ราวกับดินแดนแห่งสรวงสวรรค์เลยทีเดียว น่าเสียดายที่ปัจจุบันไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็น

*********************************************************

2. วิหาร Parthenon
กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ

วิหารพาร์เธนอน ในกรุงเอเธนส์ สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช ชื่อของวิหารอาจมาจากชื่อของงานประติมากรรมที่เคยตั้งอยู่ภายใน คือ Athena Parthenos ซึ่งหมายความว่าเทพีอันบริสุทธิ์  โดยรูปปั้นเทพีทำจากงาช้างและทองคำ มีความสูงถึง 12 เมตร ปัจจุบันวิหารพาร์เธนอนเหลือเพียงซากปรักหักพังที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530

*********************************************************

3. Basilica Of Maxentius
กรุงโรม ประเทศอิตาลี

มหาวิหาร Maxentius โบราณสถานเก่าแก่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณ Forum Romanum ในกรุงโรม มีพื้นที่กว้างขวางประมาณ 6,500 ตารางเมตร สำหรับเป็นที่ประชุม พื้นที่เชิงพาณิชย์ และอาคารบริหารงานในเวลาเดียวกัน ได้รับการออกแบบอย่างประณีต สวยงาม พื้นปูด้วยหินอ่อนหลากสี ผนังปูด้วยกระเบื้องสีทองแดง แต่มีความแปลกอย่างหนึ่งคือ แทนที่จะมีเสารองรับน้ำหนักของเพดานเหมือนมหาวิหารอื่นๆ กลับใช้ซุ้มประตูเป็นฐาน ซึ่งมักปรากฏให้เห็นในโรงอาบน้ำโรมัน (Roman Bath) มากกว่า

*********************************************************

4. Masada
ประเทศอิสราเอล

ป้อมปราการมาซาด้า ตั้งอยู่บนยอดเขาหินสูง กลางทะเลทรายยูเดีย (Judean Dessert) หันหน้าสู่ทะเลเดดซี โดยใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 7 ปี แต่เดิมเป็นพระราชวังฤดูหนาวของกษัตริย์เฮโรด มีทั้งโรงอาบน้ำ ซาวน่า บ่อน้ำร้อน-น้ำเย็น  ต่อมาได้เป็นป้อมหลบภัยของชาวยิว ที่หนีการรุกรานของทหารโรมัน ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของทางการอิสราเอล เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ

*********************************************************

5. Angkor Wat (นครวัด)
ประเทศกัมพูชา

นครวัด เป็น โบราณสถาน และ ศาสนสถานของศาสนาฮินดู ซึ่งต่อมาได้หลอมมาเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธ ถือเป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 เพื่อเป็นเทวสถานถวายแด่พระวิษณุและเพื่อใช้เป็นสุสานของพระองค์เอง มีงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบขอมโบราณที่ยังสมบูรณ์ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์

*********************************************************

6. Roman Baths
เมืองบาธ ประเทศอังกฤษ

โรมันบาธ เป็นโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ของชาวโรมันยุคโบราณ สร้างขึ้นเมื่อประมาณปีคริสต์ศักราชที่ 70 ไว้แช่ตัวเพื่อความสะอาดบริสุทธิ์ และดื่มน้ำแร่เพื่อรักษาโรค ปัจจุบันที่นี่ยังคงทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาชื่นชม ทั้งโรงอาบน้ำ (ไม่อนุญาติให้ดื่มและอาบ) วัตถุโบราณมากมาย โครงกระดูก รูปปั้นโบราณต่างๆ ซึ่งในอดีตเคยมีหลังคายกสูงคร่อมบ่อน้ำแร่ แต่ภายหลังก็ทรุดโทรมหักพังไปตามกาลเวลา

*********************************************************

7. Aztec Ruins National Monument
รัฐนิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา

ซากปรักหักพังเหล่านี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 1859 เคยเป็นถิ่นอาศัยของชนเผ่าพื้นเมืองแอซเตกส์ (Aztecs) ซึ่งเป็นชนเผ่าอินเดียนที่ไม่ถูกยอมรับจากชนเผ่าอื่นๆ พวกเขาสร้างบ้านขนาดใหญ่มหึมา สูงสามชั้น กว้างกว่าสนามฟุตบอลเสียอีก ด้านในมีห้องรวมกันมากถึง 450 ห้อง และมีบางห้องอยู่ชั้นใต้ดินด้วย

Source : myvouchercodesboredpanda