ที่เที่ยวญี่ปุ่น ปีนภูเขาไฟฟูจิ ปีนเขา ฟูจิ ภูเขาไฟฟูจิ เที่ยวญี่ปุ่น

[รีวิว] ปีนภูเขาไฟฟูจิ ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / [รีวิว] ปีนภูเขาไฟฟูจิ ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

บางคนมาเที่ยวญี่ปุ่น เพียงแค่ได้ถ่ายรูปคู่กับฟูจิซังในวันที่ฟ้าเปิดก็มีความสุขแล้ว แต่มันคงจะดีกว่า ถ้าเราได้ไปยืนอยู่บนนั้นแล้วมองดูวิวจากบนยอดฟูจิซัง … และนี่คือประสบการณ์ ปีนภูเขาไฟฟูจิ จากเพจ untitled journey ที่ได้ไปพิชิตยอดเขาที่สุดที่สุดในญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2561

[รีวิว] ปีนภูเขาไฟฟูจิ ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้พิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น

การพิชิตยอดฟูจิซังไม่ต้องจองล่วงหน้า สามารถนั่งบัสไปที่ชั้น 5 ของแต่ละเส้นทาง แล้วเดินขึ้นได้เลย ด้านบนมีอาหารและเครื่องดื่มขายด้วย ซึ่งราคาก็จะต่างกันไป เรียกได้ว่ายิ่งสูงยิ่งแพงนั่นเอง อ้อ! บอกไว้ก่อนว่า ไม่มีลูกหาบนะคะ เพราะฉะนั้นควรทำตัวให้เบาที่สุด พกแต่ของที่จำเป็นไปค่ะ

เส้นทางการพิชิตยอดฟูจิจะมีอยู่ 4 เส้นทางหลัก แต่ละเส้นทางก็มีความยากง่ายและวิวข้างทางต่างกันไป ได้แก่

1. Yoshida Trail เส้นนี้จะเป็นเส้นยอดฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวเลย เพราะการเดินทางสะดวกมากๆ
2. Subashiri Trail  เส้นนี้ทางขึ้นช่วงแรกจะเป็นป่าไม้ พอพ้นจากป่าก็จะเป็นหินภูเขาเหมือนกับเส้นทางอื่นๆ
3. Gotemba Trail เส้นนี้มีจุดเริ่มต้นต่ำที่สุด ทำให้การเดินนานกว่าเส้นทางอื่น
4. Fujinomiya Trail เส้นนี้ขึ้นและลงเป็นเส้นเดียวกัน แต่เส้นอื่นจะแบ่งทางขึ้น-ลง

โดยส่วนตัวเราเลือกขึ้นทาง Subashiri Trail เพราะชอบต้นไม้ 55555 และลงทาง Yoshida Trail เพราะง่ายต่อการนั่งบัสเข้า Shinjuku

เช้าวันที่ 16 สิงหา 2561 เราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี Kawasaki ไปยังสถานี Gotemba พอลงรถไฟแล้วก็เดินมาขึ้นบัสข้างๆ สถานีรถไฟได้เลย

วิวระหว่างทางในเมือง Gotemba มองไปทางไหนก็ดูเขียวสบายตา สดชื่นมากกกก

พอรถไฟถึงสถานี Gotemba สามารถเดินมาขึ้นบัสข้างสถานีรถไฟได้เลย

เช็ครอบรถบัสที่ไปชั้น 5 ของแต่ละเส้นทางได้ที่นี่ >> https://www.japan-guide.com/bus/fuji_season.html

Subashiri 5th Station มีร้านขายของและร้านอาหารอยู่สองสามร้าน

เติมพลังก่อนออกเดิน

เริ่มต้นจะเป็นบันไดชิวๆ เหมือนหลอกให้เราตายใจไปก่อน

เดินไปสักพัก ก็จะเจอหินแบบนี้

พ้นจากช่วงป่ามาก็พักชมวิวให้ชื่นใจหน่อย (ดูจากเมฆคือพายุกำลังมาแล้วววว)

ผ่านจากชั้น6 (2,700m) ฝนเริ่มตกแล้วววววว

อากาศปิดมองไม่เห็นทัศนียภาพเลย ลมแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกก แต่เราก็ยังเดินต่อไป

ผ่านจากชั้น 6 ก็เริ่มไม่มีต้นไม้ และเป็นดินภูเขาไฟ ซึ่งตอนลมพัดแรงๆ ดินกระเด็นใส่อีกกก ลำบากในการก้าวเดินมากกกกก

ระหว่างทางจะมีป้ายบอกตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลง เห็นป้ายบอกอีกแค่ 2.8 km แต่ไม่ใช่แปปเดียวจะถึงนะ ในสภาพอากาศฝนตกและลมแรงมากกกกแบบนี้ เดินโคตรยากกกกกก แทบปลิวกันเลย

ในที่สุดก็เดินต่อไปไม่ไหว ฝนตก ลมแรง ตัวเปียก มือชาไปหมดดดด เราเลยตัดสินใจพักก่อนแล้วค่อยเดินต่อกันตอนเช้า

ที่พักบนฟูจิจะเรียกว่า Huts ซึ่งมีอยู่เกือบทุกชั้น ส่วนมากจะเป็นการโทรจอง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเราพูดญี่ปุ่นไม่ได้นั้นแหละ เพราะฉะนั้น walk in ก็ได้เช่นกัน

ลักษณะของ Huts จะคล้ายๆ กับโฮสเทล คือนอนรวมกัน และเป็นเตียงสองชั้น ราคาที่พักถ้าไม่รวมอาหารเย็นอยู่ที่ 6,000 yen/คน รวมอาหารเย็นอยู่ที่ 7,000 yen/คน

ข้อดีคือมี wifi free มีอาหารและเครื่องดื่มขาย รวมถึงเบียร์เย็นๆ 55555 แต่ห้ามเอาของกินไปกินบนที่นอนนะ จะมีพื้นที่ส่วนกลางให้กินอาหารอยู่ ส่วนห้องน้ำ ที่ Hut มีห้องน้ำให้เข้า จ่ายเพียง 100 yen แต่สภาพห้องน้ำนั้นเป็นอะไรที่ต้องทำใจนิสนึงงงง แบบว่าภาวนาอย่าให้ปวดฉี่บ่อยเลย 5555555555

เช้าวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ตื่นมาตี 4 เช็คสภาพอากาศแล้วฟ้าเปิด ดีใจมาก รีบเตรียมตัวเดินต่อ

อากาศข้างนอกหนาวมากกกกกกก ลมยังพัดแรงเช่นเดิม แต่ฝนไม่ตกแล้ว ยิ่งตอนที่ไปอยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟคือแทบจะปลิว แล้วคือเราใส่แค่เสื้อยืดแขนสั้นกับเสื้อกันลมตัวนึง ชิวไปอี๊กกกกก เพราะไม่คิดว่ามันจะหนาวขนาดนี้ 5555555

มองไปข้างบน เห็นยอดอยู่ใกล้ๆ แต่ตรงนี้คือเหนื่อยที่สุดแล้วววว แทบคลานขึ้นไปเลย 555

เดินยากมากกกกก มีแต่หิน เดินไม่ดีมีขาแพลงได้

ยังไม่ถึงยอดเลย ดวงอาทิตย์มาแล้วววว

แรงหมด หมดแรง!!

ถึงชั้น 10 แล้วจ้าาาาาาา ยอดภูเขาไฟฟูจิ ความสูง 3,776 เมตร หันไปเห็นแบบนี้หายเหนื่อยเลยยยยย … ถ้าในวันที่เมฆเยอะแบบนี้แสดงว่าข้างล่างมองไม่เห็นยอดฟูจิใช่มั้ย แต่เค้าจะรู้มั้ยว่าเมฆเยอะแบบนี้ บนยอดฟูจิสวยมากกกกก

อากาศตอนเช้า 1องศา แต่แดดออก เลยไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ แต่ลมยังแรงเหมือนเดิม ยิ่งตอนที่ไปอยู่ตรงปากปล่องภูเขาไฟ คือแทบจะปลิว

ปล่องภูเขาไฟฟูจิ

มองจากบนยอดลงมา ที่พักชั้น10 

มาปั้มไม้กระบองกันเถอะจ้าาาา

พักถ่ายรูปชมวิวแล้วก็เตรียมตัวเดินลงกันเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันรอบรถบัสที่จองไว้

ยังมีน้ำแข็งหลงเหลืออยู่นิดหน่อย

ระหว่างเดินลงก็จอดถ่ายรูปกันฟินๆ

เราเดินลงทาง Yoshida Trail ซึ่งเป็นเส้นยอดฮิตที่คนส่วนมากจะใช้เส้นนี้กัน เพราะเดินง่ายและเดินทางสะดวก

แต่สำหรับเรา เป็นทางเดินที่น่าเบื่อไปหน่อย เราจะเจอแต่วิวเดิมๆ และเดินวนไป

Yoshida Trail วิวระหว่างทางเดินลง

เดินมาจะถึงชั้นล่างแล้ว ได้ยินเสียงด้านหลังตะโกนบอกให้หลบรถหน่อย หันไปมอง อ้าวววววว รถวิ่งได้ด้วย นี่เราเดินขึ้นมาทำไมกัน 5555555

เราใช้เวลาเดินลง 3 ชั่วโมง จนมาถึง Fuji Subaru 5th Sta.

Fuji Subaru 5th Sta. สถานีนี้คนจะครึกครึ้นหน่อย และร้านขายของกินของฝากเยอะกว่า Subashiri 5th Sta.

กินไอติมนั่งมองฟูจิแบบใกล้ๆ ชื่นใจจจ

บ๊ายบาย ไว้เจอกันใหม่นะฟูจิซัง さようなら

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการปีนภูเขาไฟฟูจิ

รถไฟจาก Kawasaki Sta. ไป Gotemba Sta. = 1,660 ¥
รถบัสจาก Gotemba Sta. ไป Subashiri 5th Station = 1,540 ¥
น้ำและเสบียงที่ซื้อตุนไว้ = 950 ¥
ค่าอาหารที่ชั้น5 = 800 ¥
ไม้กระบอง = 900 ¥
โปสการ์ด = 270 ¥
ช็อคโกแลตร้อน =300 ¥
เบียร์ = 600 ¥
อูด้ง = 1,000 ¥
ไอติม = 350 ¥
ค่าที่พัก = 6,000 ¥ / คน ไม่รวมอาหารเย็น หรือ 7,000 ¥ / คน รวมอาหารเย็น แต่เราเลือกแบบไม่รวมอาหารเย็น
ค่าเข้าห้องน้ำครั้งละ 100 ¥
รถบัสจาก Fuji Subaru 5th Sta. ไป Shijuku Sta. = 2,700 ¥ 

รวมทั้งหมด 17,300 ¥ หรือประมาณ 5,000 บาท
(ทั้งหมดนี้คิดให้เป็นเลขกลมๆ นะ จะได้ดูง่ายๆ)

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : untitled journey