ปีใหม่มาไม่ทันไร รู้ตัวอีกทีก็เดือนที่ 5 ของปีเข้าไปแล้ว เวลาไม่เคยรอใครจริง ๆ อยากไปเที่ยวที่ไหน ก็ต้องไปให้เห็นกับตานะครับ แน่นอนว่าเข้าสู่ต้นเดือน travel.mthai.com จะมาแนะนำสถานที่ท่องเทียวประจำเดือนให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินกัน ลองไปชมกันว่า เดือนพฤษภาคม จะมีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใดบ้าง ที่คุณควรไปเยี่ยมเยือน
แนะนำ 10 สถานที่ท่องเที่ยว ประจำเดือนพฤษภาคม
1. ฤดูชมผีเสื้อ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

เทศกาลดูผีเสื้อ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะเริ่มตั้งแต่ กลางเดือน เม.ย.- มิ.ย. ของทุกปี เมื่ออากาศร้อนจัด และแหล่งน้ำเริ่มแห้งเหือด บรรดาเหล่าผีเสื้อนานาชนิด จะพากันมาหากินเกลือตามดินโป่ง หรือแหล่งน้ำแฉะๆ มากมาย จนบางครั้งก็อาจพบการอพยพของฝูงผีเสื้อ นับแสนตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งจุดชมผีเสื้อของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่สามารถพบเห็นฝูงผีเสื้อที่บินไป มานับพันตัวได้ คือ แคมป์บ้านกร่าง ซึ่งที่นี่เป็นจุดศูนย์รวมของผีเสื้อหลากหลายสายพันธุ์ กว่า 200 ชนิด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. 0 3245 9293
2. หมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี
“อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “หมู่เกาะอ่างทอง” คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญอีกแห่งหนึ่ง สำหรับนักเดินทางที่ชอบทะเลและรักการชมความงามใต้ผืนน้ำ อุทยานฯ ทางทะเลแห่งนี้ประกอบด้วยเกาะต่างๆ กว่า 40 เกาะ อาทิ เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ เกาะนายพุดและเกาะท้ายเพลา ฯลฯ สภาพเกาะส่วนมากมีลักษณะเป็นเขาหินปูนสูงชัน โดยไฮไลต์ของการมาเที่ยวชมหมู่เกาะอ่างทอง ก็คือการขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาของเกาะวัวตาหลับ ซึ่งสามารถชมทัศนียภาพของหมู่เกาะบริเวณใกล้เคียงได้แบบ 360 องศา และการไปชมความงามของทะเลสีเขียวมรกตที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขาที่ทะเลใน ซึ่งอยู่ในบริเวณเกาะแม่เกาะ แล้วรับรองว่าคุณจะตกหลุมรักหมู่เกาะแห่งนี้ไปอีกนาน
3. นาบัว คลองมหาสวัสดิ์ จ.นครปฐม

เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในคลองมหาสวัสดิ์ เป็นเส้นทางท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่มีดอกไม้สวยๆ ให้ชม ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ นั่นก็คือ “ดอกบัว” โดยชาวบ้านบริเวณนี้จะทำนาบัว ปลูกดอกบัวขายส่งไปทั่วประเทศ ซึ่งหากต้องการมาชมนาบัว ควรมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะจะเป็นช่วงที่บัวสวยที่สุด และชาวบ้านจะตัดบัวไปขายแต่เช้า หากมาสายแล้วอาจจะเหลือบัวให้ชมน้อย หากจะไปชม ต้องขยันตื่นเช้าหน่อยล่ะ
สอบถามยามดอกไม้บาน ได้ที่ : กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรแม่บ้านเกษตรกร บ้านผู้ใหญ่มนูญ โทร. 0-3429-7152 , 08-1495-9091
4. วัดเขาพระอังคาร จ.บุรีรัมย์

วัดเขาพระอังคาร ตั้งอยู่บนยอดเขาพระอังคารซึ่งสูงประมาณ 320 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีโบสถ์ที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย เป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ มีโบสถ์ ศาลา และอาคารต่างๆ สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่าง ๆ หลายรูปแบบ มีความงดงาม แปลกตาและน่าสนใจอย่างยิ่ง ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังและเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษด้วย บริเวณวัดเป็นปากปล่องภูเขาไฟคาดว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสมัยทวารวดีเพราะเสมาหินแกะสลักสมัยดังกล่าวหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
เขาอังคารเป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอีกลูกหนึ่งในบุรีรัมย์ อยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากปราสาทพนมรุ้ง 20 กิโลเมตร โดยลงมาจากพนมรุ้ง ถึงบ้านตาเป็กแล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางที่จะไปละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 7 กิโลเมตร พบโบราณสถานเก่าแก่ และใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีสำคัญหลายชิ้น
5. หาดนางรำ – หาดนางรอง สัตหีบ จ.ชลบุรี

หาดนางรำ – หาดนางรอง ตั้งอยู่ในบริเวณท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ เป็นหาดคู่แฝดที่อยู่ติดกันมีเพียงแหลมหินเล็กๆ กั้น สามารถเดินถึงกันได้ ทั้งสองหาดนี้มีน้ำทะเลใส ทรายขาว สวยที่สุดของทะเลชลบุรี (ไม่รวมชายหาดบนเกาะ)
หาดนางรำ หาดนางรอง ถึงแม้ว่าจะเป็นหาดที่อยู่ติดกันแต่ก็มีบรรยากาศที่แตกต่างกันหลายอย่าง ทั้งด้านความร่มรื่น ความเป็นธรรมชาติ ความเป็นส่วนตัว ความสะดวก ซึ่งก็ดีกันไปคนละแบบขึ้นกับความชอบของแต่ละคน การเข้าไปเที่ยวหาดนางรำ หาดนางรอง สามารถไปเที่ยวได้ทุกวัน แต่ในวันหยุดคนจะเยอะเป็นพิเศษ ชาวต่างชาติสามารถเข้าหาดได้เหมือนคนไทย ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
6. เสาดินนาน้อย จ.น่าน

แหล่งท่องเที่ยวที่มีลักษณะแปลกตาคล้าย “แพะเมืองผี” ในจังหวัดแพร่ จากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่าเสาดินนาน้อยเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในยุคเทอร์เชียรีตอนปลาย (late tertian) ประกอบกับการกัดเซาะของน้ำและลมตามธรรมชาติ นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่ามีอายุประมาณ 10,000-30,000 ปีมาแล้ว เคยเป็นก้นทะเลมาก่อน และจากหลักฐานการค้นพบกำไลหินและขวานโบราณที่นี่ (ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้อาจเคยเป็นแหล่งอาศัยของมนุษย์ยุคหินเก่า
เสาดินนาน้อย อยู่ที่ตำบลเชียงของ ห่างจากตัวเมืองน่าน 60 กิโลเมตร จากอำเภอนาน้อยมีทางแยกไปตามเส้นทางหมายเลข 1083 ประมาณ 6 กิโลเมตร
7. โลมาสีชมพู ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

การมาเที่ยวทะเลขนอม ต้องไม่พลาดกิจกรรม ล่องเรือชมปลาโลมาสีชมพู ที่แสนน่ารัก ที่บางครั้งจะแหวกว่ายเข้ามาให้เห็นได้ในระยะประชิดเลยทีเดียว สาเหตุที่เราสามารถพบฝูงโลมาสีชมพูได้ที่นี่นั้น เพราะว่าที่ทะเลขนอม เป็นแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์ขนาดใหญ่ โลมาจึงมาอาศัยอยู่ที่นี่เยอะ ยิ่งโลมาสีชมพูที่เริ่มแก่ ก็จะไม่ค่อยออกไปไกลฝั่งนัก จะแหวกว่ายอยู่ในแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์ เสมือนบ้านหลังหนึ่งในบั้นปลายชีวิตโลมา
ถ้าได้มาดูโลมาแหวกว่ายเล่นชัด ๆ แบบนี้ คงจะสุขใจไม่น้อย รับรองว่าความรู้สึกแตกต่างกับที่ไปดูโลมาโชว์ความสามารถตามศูนย์จัดแสดงแน่นอน เพราะโลมาที่นี่เป็นโลมาที่มีวิถีตามธรรมชาติ ที่หาไม่ได้จากที่อื่น
8. บึงบัว เขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์

บึงบัว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที
การเดินทาง – ใช้เส้นทางจาก กทม. (บางขุนเทียน พระรามสอง) ขับล่องใต้ไปผ่านเพชรบุรี ใช้ถนนบายพาส เลี่ยงเมืองชะอำ และเมืองหัวหิน ถึง อ.ปราณบุรี เมื่อขับเลยจาก อ.สามร้อยยอด มาแล้ว ให้สังเกตุทางซ้ายมือ จะมีทางเลี้ยวเข้าไปยัง บึงบัว ทุ่งสามร้อยยอด ปากทางเข้า จะมีป้ายบอกว่าไปโรงเจ และทุ่งสามร้อยยอด ขับไปประมาณ 8 กม. ก็จะถึงครับ
9. เกาะหินงาม จ.สตูล

เกาะหินงาม อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เกาะหินงาม เป็นเกาะเล็ก ๆ อยุ่ในกลุ่มเกาะอาดังราวี เป็นเกาะที่ไม่มหาดทราย มีแต่ต้นไม้เล็ก ๆ ขึ้นรอบ ๆ เกาะ เต้มไปด้วยหินกลมมนสีดำมากมายทับถมกันไปทั่วทั้งเกาะ นับเป็นลักษณะเด่นเฉพาะที่ซึ่งมีอยู่เกาะเดียวในประเทศไทย
หินเหล่านี้มีทั้งใหญ่และเล็ก ถูกน้ำพัดพามากองไว้ด้วยกันได้อย่างแปลกประหลาด และการที่หินทุกก้อนกลมมน ลวดลายสวยงาม นั้นเกิดจากการกัดกร่อนด้วยแรงลมและคลื่น หินเหล่านี้เมื่อถูกน้ำทะเลสาดใส่มันจะแวววาวและเปล่งประกายสีดำเข้มสะท้อนรับกับแสงตะวันดูสวยงามมาก ๆ บนเกาะมีป้ายเตือนเกี่ยวกับคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตาอยู่ว่า “ผู้ใดบังอาจเก็บหินงามจากเกาะนี้ไป ผู้นั้นจะถึงซึ่งความหายนะ นานานับประการ”
10. มัสยิดกลาง หาดใหญ่ จ.สงขลา

จริง ๆ แล้วสถานที่แห่งนี้จะเที่ยวเดือนไหนก็ได้ แต่ช่วงนี้มัสยิดกลาง สงขลา ฮอตจริง ๆ จึงต้องทำมาใส่ไว้ในที่ท่องเที่ยวแนะนำของเดือนนี้ มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม หรือเรียกสั้นๆว่า มัสยิดกลางสงขลา ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมในสงขลา เป็นมัสยิดที่ใหญ่และอลังการมาก ภายในตกแต่งได้สวยงาม โล่ง โอ่โถง เหมาะแก่การทำจิตใจให้สงบและทำพีธีกรรมต่างๆ ทางศาสนา มีความโดดเด่นจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในระยะไกล
หากใครได้มาจังหวัดสงขลาแล้ว ต้องไม่พลาดที่จะมาชมความงดงามของ มัสยิดกลางแห่งนี้ มัสยิดแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทัชมาฮาลเมืองไทย” เลยทีเดียว ยิ่งมาในช่วงเวลาเย็นถึงค่ ำมัสยิดเปิดไฟสว่างมีฉากหลังของ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีในยามเย็น เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก
ขอบคุณข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , เรียบเรียงโดย : Travel MThai
Special Thanks : www.facebook.com/ChillDTravel / www.facebook.com/baagklong