ที่เที่ยว ตามรอยพ่อหลวง ที่เที่ยวตามรอยพระบาท ที่เที่ยวตามรอยพ่อ ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ในหลวงรัชกาลที่ 9

ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ตามรอยพ่อหลวง สัมผัสความรู้เคล้าความสุข

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ตามรอยพ่อหลวง สัมผัสความรู้เคล้าความสุข

ชวนเพื่อนๆ ไปชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ตามรอยพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 กับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเรียนรู้ถึงพระปรีชาสามารถ และซาบซึ้งกับพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น ที่มิอาจเอื้อนเอ่ยออกมาหมดได้

ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ตามรอยพ่อหลวง
สัมผัสความรู้เคล้าความสุข

1. ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศ
ป่าชายเลนสิรินาถราชินี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ขอบคุณรูปภาพจาก ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

“ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี” เกิดขึ้นด้วยน้ำพระราชหฤทัยของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้ทรงพลิกฟื้นนากุ้งร้าง ให้กลายเป็นป่าเขียวชะอุ่มทั่วทั้งบริเวณ และเป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน มาจนถึงทุกวันนี้

ขอบคุณรูปภาพจาก ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี

สำหรับใครที่อยากเดินศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ก็ให้เดินไปตามทางบนสะพานไม้ที่ทางโครงการจัดทำไว้ ทอดยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ระหว่างทางก็จะเจอกับนกกินเปี้ยว นกกระเต็นปักหลัก ปลาตีน ปลากระบอก ปลาหมอเทศ และสัตว์ประจำถิ่นอีกมากมาย ออกมาทักทายเป็นระยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี หรือใครอยากชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ก็ต้องเดินขึ้นไปชมบนหอชะคราม ซึ่งเป็นหอชมวิวสูงเท่าตึก 6 ชั้น จะสามารถมองเห็นพื้นที่ป่าชายเลนทั้งหมด และมองเห็นวิวปากน้ำปราณได้ไกลสุดลูกหูลูกตา

2. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จ.ฉะเชิงเทรา

จากเดิมเขาหินซ้อนเคยมีสภาพเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ได้ถูกเนรมิตให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง ด้วยพระอัจฉริยภาพของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ควบคู่ไปกับศูนย์ศึกษาพัฒนาการเรียนรู้ เฉกเช่นทุกวันนี้

ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน  ด้านในมีเนื้อที่กว้างขวาง สามารถนั่งรถรางชมโครงการได้ จุดไฮไลท์เด่นๆ คือ พระตำหนักสามจั่ว บ้านพักรับรองของในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จมาทรงงานที่ศูนย์, ห้องอบและนวดสมุนไพร ใครเมื่อยๆ ก็ลองมานวดผ่อนคลายตามแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นดูได้, สวนพฤกษศาสตร์ เดินชมพืชสมุนไพรและต้นไม้หายาก, ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยเลี้ยงในพื้นที่โล่ง ปล่อยตามอิสระไม่กักขัง มีทั้งเป็ด ไก่ กวาง ม้า นกยูง นกกระจอกเทศ และชมกรรมวิธีผลิตข้าวตั้งแต่การสีข้าว จนบรรจุใส่กระสอบ ที่โรงสีข้าวพระราชทาน แล้วไปนั่งรับลมเย็นๆ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยเจ๊ก ซึ่งถูกสร้างขึ้นตามแนวคิดของพ่อหลวง เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ทางการเกษตร และยามจำเป็น

3. “นมวัวแดง” ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค
จ.สระบุรี

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสนพระทัยในกิจการฟาร์มโคนมของชาวเดนมาร์ก เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรป และต่อมาได้มีการทำสัญญาระหว่างรัฐบาลไทยกับเดนมาร์ก ในการจัดตั้ง ฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนม ไทย-เดนมาร์ค ที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ถือเป็นฟาร์มนมวัวแห่งแรกในประเทศไทย และปัจจุบันยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอีกด้วย

นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เข้าเยี่ยมชมโรงงานไทย-เดนมาร์ก เพื่อดูกระบวนการผลิตนมวัวแดงแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น นั่งรถรางชมวิวทิวทัศน์รอบฟาร์ม, ชมการสาธิตการรีดนมวัว หรือจะลองรีดนมนมวัวด้วยตัวเองก็ทำได้, ป้อนนมลูกโคตัวน้อย, เพลิดเพลินกับความน่ารักของนกกระจอกเทศ อูฐ กวาง พร้อมป้อนหญ้าให้กับพวกมันอย่างสนุกสนาน, ชมการแสดงคล้องวัวด้วยบ่วงบาศ ตลอดจนเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของฟาร์มโคนมในพิพิธภัณฑ์สองกษัตริย์ไทย-เดนมาร์ค

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ เที่ยวตามรอยพ่อ

4. โครงการชั่งหัวมัน จ.เพชรบุรี

“จากมันเทศที่ชาวบ้านนำมาถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ในวันนั้น เกิดเป็น โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริในวันนี้”

เมื่อมันเทศที่พระองค์ทรงวางไว้บนตราช่างในห้องทำงาน ณ วังไกลกังวล เกิดแตกใบออก จึงมีพระราชดำริให้รีบจัดหาที่ดินเพื่อทำการเกษตร โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อที่ดินจากชาวบ้านจำนวน 250 ไร่ ใจกลางหุบเขาแห้งแล้ง เพื่อฟื้นฟูเป็นศูนย์รวมพืชเศรษฐกิจ ของอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม และเป็นตัวอย่างโครงการด้านการเกษตร

โครงการชั่งหัวมัน ตั้งอยู่กลางทุ่งโล่ง ห้อมล้อมด้วยหุบเขา บรรยากาศโปร่งสบาย พื้นที่ทั้งหมดถูกจัดสรรทำการเกษตรอย่างดี มีแปลงปลูกพืชผักเศรษฐกิจหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะนาว มะพร้าว มันเทศ รวมถึงติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้าและแผงโซล่าเซลล์ นอกจากนี้ยังมีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ สาธิตการปลูกสบู่ดำ-ปลูกข้าวสายพันธุ์ต่างๆ และอีกหนึ่งสถานที่ภายในโครงการที่ห้ามพลาด นั่นคือ “บ้านของพ่อ” เลขที่ 1 หมู่ 5 บ้านพักส่วนพระองค์ มีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ทาสีน้ำตาล ตกแต่งอย่างเรียบง่ายและพอเพียง นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถรางชมโครงการได้ หรือชอบลุยๆ ที่นี่เขาก็มีจักรยานให้ปั่นฟรีค่ะ

อ่านเพิ่มเติม : เที่ยวโครงการชั่งหัวมัน ชิวลม ชมวิว ณ บ้านไร่ของในหลวง รัชกาลที่ 9

5. โครงการประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ

ขอบคุณรูปภาพจาก tourismthailand

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้พัฒนาคลองลัดโพธิ์ให้กลายเป็นทางระบายน้ำ มีช่องประตูระบายทั้งหมด 4 ช่อง ซึ่งจะเปิดประตูระบายน้ำทันทีเมื่อน้ำท่วมขัง และปิดประตูระบายน้ำเมื่อเกิดน้ำทะเลหนุนสูง ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ทั้งยังติดตั้งกังหันทดน้ำไว้เผลิตกระแสไฟฟ้าด้วย

ขอบคุณรูปภาพจาก tourismthailand

ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์ อยู่ใกล้กับสะพานภูมิพล 1 และ 2 มีสวนสุขภาพลัดโพธิ์ อยู่ใต้สะพาน หากมาช่วงเย็นอากาศกำลังดี แถมได้ภาพสวยงามของสะพานภูมิพลขณะพระอาทิตย์คล้อยต่ำลาลับขอบฟ้า นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เที่ยวสุดฮิตอย่าง สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ หรือ สวนบางกระเจ้า และ ตลาดบางน้ำผึ้ง ไปขี่จักรยานชิลๆ ในวันหยุด ชมนก ชมไม้ แวะชิมอาหารที่ตลาด ก็สุขใจดีเหมือนกัน

6. พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี

พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ เผยภาพทุกแง่มุมในพระอัจฉริยภาพด้านการเกษตรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องในโอกาสที่พระองค์ท่านทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี

ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติ 

ด้านในพิพิธภัณฑ์ แบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็น 10 โซน ภายใต้แนวคิด 10 โซนมหัศจรรย์การเรียนรู้วิถีเกษตรตามรอยพ่อ เป็นนิทรรศการที่รวบรวมผลงานของพ่อ อาทิ พระราชกรณียกิจสำคัญ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระราชพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่การเกษตรและถิ่นทุรกันดาร จัดแสดงผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ห้องฉายภาพยนตร์ 3 มิติ สื่อมัลติมีเดียหลายรูปแบบ และสนุกไปกับหุ่นจำลองประกอบราชพิธีมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

7. ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

จากอดีตแหล่งทำการเกษตรและประมงของชาวบ้าน ที่มีสภาพเสื่อมโทรม ค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟูโดยเทศบาลตำบลปากน้ำประแส ปรับสมดุลให้กับผืนป่าชายเลนที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดระยอง พร้อมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ควบคู่ไปกับเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติไปพร้อมกัน

ทุ่งโปร่งทอง กลายเป็นสถานที่เที่ยวสุดฮิต ที่นักท่องเที่ยวอยากมาชมป่าสีทองเมื่อมาถึงปากน้ำประแสร์ เพียงเดินลัดเลาะไปตามสะพานไม้ในระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร จะพบต้นโปรงขึ้นเบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น ซึ่งเมื่อยามที่แสงแดดส่องปะทะลงมา จะเกิดเป็นภาพทุ่งต้นโปรงสีทอง อร่ามงดงามไปทั่วทั้งทุ่ง ท่ามกลางความเขียวขจีของแนวโกงกางที่โอมล้อมรอบทิศทาง

8. อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา (โครงการห้วยโสมง)
จ.ปราจีนบุรี

อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา หรือเชื่อนห้วยโสมง เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่สามารถเก็บกักน้ำได้ถึง 295 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้ราษฎรใช้อุปโภค บริโภค ทำการเกษตรกรรม และมีน้ำเพียงพอมาใช้ในการทำการประปาเพิ่มขึ้น นับเป็นโครงการในพระราชดำริแห่งสุดท้ายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ขอบคุณรูปภาพจาก มูลนิธิชัยพัฒนา

9. เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก

เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านท่าด่าน ตำบลหินตั้ง สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อสร้างประโยชน์ในด้านการทำการเกษตร แหล่งเพาะพันธุ์ปลา แก้ปัญหาดินเปรี้ยว การอุปโภคบริโภค แก้ปัญหาน้ำท่วม และกักเก็บน้ำไว้ใช้ในย่ามหน้าแล้ง

เขื่อนขุนด่านปราการชล รับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ และเปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาชมวิวเหนือสันเขื่อน ถ่ายรูปชิคๆ ปั่นจักรยานชมวิวสวยๆ และสนุกกับกิจกรรมผจญภัยอีกมากมาย เช่น ขี่รถ ATV ไต่หน้าผา โรยตัว เป็นต้น

10. แหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี

สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติริมทะเลที่มีหาดเลนอุดมสมบูรณ์ มีป่าชายเลนต้นโกงกางและต้นแสมขึ้นอยู่อย่างเบียดเสียดหนาแน่น จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด ตลอดเส้นทางยังพบเห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไป

อย่างเช่น ปลาตีน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั้งปลาตีนเล็กปลาตีนใหญ่ งูกินปลา ปูที่มีหน้าตาแปลกรวมทั้งยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยและเป็นทางผ่านในการอพยพในช่วงฤดูหนาวของนกสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 200 ชนิดทำให้แหลมผักเบี้ยได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกกันเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม : เยือน “แหลมผักเบี้ย” ป่าโกงกางจากหัวใจพ่อ

บอกเลยว่า 10 ที่นี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของโครงการในพระราชดำริเท่านั้นนะคะ ยังมีหลายสถานที่มากๆ ที่พ่อหลวงของเราได้ทรงริเริ่ม ฟื้นฟู และพัฒนาขึ้นมา จนเกิดเป็นโครงการดีๆ และแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ให้เราได้เรียนรู้ บ่มประสบการณ์ ปนไปกับความสนุกสนาน หากวันหยุดไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ลองเดินตามรอยเท้าพ่อไป รับรองได้ความประทับใจเต็มเปี่ยม


บทความที่เกี่ยวข้อง
10 โครงการหลวง น่าเที่ยว ต้อนรับฤดูหนาว
เที่ยวตามรอยพ่อ 5 โครงการโคนมในพระราชดำริ 
เที่ยวโครงการชั่งหัวมัน ชิวลม ชมวิว ณ บ้านไร่ของในหลวง รัชกาลที่ 9