ในโลกเรานั้นมีธรรมชาติและสิ่งแปลกใหม่ให้ค้นหาและท่องเที่ยวมากมาย แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีอีกหลายสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายที่เกิดจากธรรมชาติ หรือการสร้างและทำลายโดยฝีมือมุนษย์ วันนี้เรามี 23 สถานที่สุดสะพรึงและน่ากลัวที่สุดที่เกิดขึ้นรอบโลกมาฝากกัน ไปดูซิว่า แต่ละที่นั้นน่าขนลุกขนาดไหน ..
น่าขนลุก! นี่คือ 23 สถานที่สุดสะพรึง
และน่ากลัวที่สุดทั่วโลก
1. ประตูสู่นรก (Door to Hell) เมือง Derweze ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan)
ประตูสู่นรก นี้ตั้งอยู่กลางทะเลทรายคาราคุม เป็นหลุมที่ยุบตัวเกิดจาก
การพังทลายของหลุมขนาด 70 เมตรนี้ ได้เป็นช่องทางให้ก๊าซแทรกขึ้นมายังผิวโลก อันตรายจากก๊าซจึงต้องจุดไฟเพื่อทำการสลายก๊าซเหล่านี้ โดยคาดว่าคงจะดับได้ในไม่นาน แต่จนถึงปัจจุบันหลุมยักษ์นี้ก็ยังคงปล่อยก๊าซออกมาอย่างต่อเนื่องเนิ่นนานกว่า 40 ปีแล้ว
…

2. เกาะตุ๊กตา (The Island of the Dolls) ประเทศเม็กซิโก (Mexico)
สถานที่เที่ยวด้านมืดอันเป็นที่จดจำของโลก La Isla de la Munecas เป็นชื่อภาษาสเปน หมายถึง เกาะตุ๊กตา ที่ประเทศเม็กซิโก สร้างสรรค์โดย Don Julian Santana ผู้สันโดษและแยกตัวออกจากโลกภายนอกเป็นเวลา 55 ปี เพื่อทุ่มเทแรงกายในการสร้างดินแดนชวนจิตตกแห่งนี้
เชื่อกันว่าแรงบันดาลใจในการสร้าง เกาะตุ๊กตาผี ของ Don Julian Santana นั้นเพื่อบูชาวิญญาณเด็กหญิงซึ่งจมน้ำตายในคลอง แต่เหตุผลมาจากอะไรคงไม่สำคัญเท่า เขาได้เปลี่ยนเกาะธรรมดาๆ ให้กลายเป็นเกาะเขย่าขวัญ ซึ่งผู้ที่ได้มาเยือนเหมือนจะถูกจับจ้องจากทุกสายตาของบรรดาตุ๊กตาผีที่สิงอยู่บนเกาะ ชวนขนลุก!
อ่านเพิ่มเติม เกาะตุ๊กตาผี เม็กซิโก
…
3. เมืองพรีเพียต (Pripyat) ประเทศยูเครน (Ukraine)
ได้ชื่อว่าเป็น เมืองผีของเชอร์โนบิล เนื่องจากมันถูกทิ้งร้างไว้เกือบ 3 ทศวรรษ นับตั้งแต่เหตุการณ์แกนปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 4 ของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลเกิดการระเบิด ทำให้เกิดเถ้าถ่านและฝุ่นละอองของกัมมันตภาพรังสีปลิวฟุ้งกระจายไปทั่ว มีผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 600,000 คน มีผู้เสียชีวิตทันทีหลังการเกิดระเบิด 56 คน และเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งจากการสัมผัสกัมมันตรังสีสูงถึง 4,000 คนเลยทีเดียว
เมื่อเวลาผ่านไป การท่องเที่ยวยูเครนก็ได้ออกประกาศให้เป็นที่ท่องเที่ยวสำหรับผู้ที่ชอบเรื่องตื่นเต้นระทึกใจ สามารถเข้ายี่ยมชมบรรยากาศภายในเขตพื้นที่เชอร์โนบิได้ แต่ต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด
อ่านเพิ่มเติม ตะลุยเที่ยวเมืองผี แห่งเชอร์โนบิล Chernobyl
…
4. วิหารของกระดูก (Capela dos Ossos) ประเทศโปรตุเกส (Portugal)
สร้างในศตวรรษที่ 15 โดยพระนิกายฟรานซิสกัน ผนังภายในวิหารสร้างขึ้นจากกระดูกของมนุษย์กว่า 5,000 คน อีกทั้งมีซากศพ 2 ร่าง ห้อยแขวนติดผนังด้านเอาไว้ด้วย
โดยดำนานเล่าว่า มีสตรีนางหนึ่งซึ่งยึดมั่นในคาทอลิก แต่ถูกสามีและลูกชายโบยตีจนตาย ก่อนสิ้นชีวิตเธอสาปแช่งให้วิญญาณทั้ง 2 ลงนรก แม้แต่พื้นพสุธาก็ไม่ยินดีรับร่างไว้ เมื่อสามีและลูกเสียชีวิตก็ไม่สามารุฝังศพได้ ชาวบ้านจึงช่วยกันนําศพทั้งสองขึ้นไปห้อยแขวนไว้กับผนังวิหารแทน
…
5. สุสานใต้ดิน (Catacombs of Paris) ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
สุสานใต้ดินปารีสมีกองกระดูกอยู่มากมายจนน่าสะพรึง ในช่วงปลายศตวรรษที่ 1700 สุสานนี้มีทางเดินยาวกว่าหนึ่งไมล์ (1.6 กิโลเมตร) มีซากโครงกระดูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเต็มพื้นที่ผนัง พร้อมกับแผ่นป้ายจารึก โครงกระดูกเหล่านี้จัดเรียงชิ้นส่วนประเภทต่างๆ ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกระโหลกศีรษะ กระดูกขาหรือหน้าแข้ง กระดูกบางชิ้นมีอายุมากกว่าหนึ่งศตวรรษ บางส่วนเก่าแก่ถึงสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศส ปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1874 ในนี้มีซากศพของชาวปารีสกว่า 6 ล้านคน
…
6. ป่าอาถรรพ์ อาโอกิกาฮาระ (Aokigahara Forest) ประเทศญี่ปุ่น (Japan)
ป่าไม้แห่งนี้งอกงามขึ้นมาภายหลังการระเบิดครั้งสุดท้ายของภูเขาไฟฟูจิตั้งแต่ศตวรรษที่ 8 พื้นป่าส่วนใหญ่เป็นหินภูเขาไฟและมีความแข็ง
อะโอะกิงะฮะระเป็นสถานที่ยอดนิยมที่จะมีผู้มาฆ่าตัวตาย โดยมีรายงานว่าเป็นสถานที่ฆ่าตัวตายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกเป็นอันดับสองรองจากสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโก นับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 มีผู้เสียชีวิตในป่ามากกว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ฆ่าตัวตาย ผูกคอตัวเองไว้บนต้นไม้
…
ในแถบท้องถิ่นของประเทศฟิลิปปินส์ พวกเขาเชื่อว่าเมื่อเวลาคนเสียชีวิตไปจะต้องเอาศพใส่โลงแล้วเอามาแขวนไว้ที่หน้าผา เผื่อให้คนที่เสียชีวิตไปแล้วนั้นได้ใกล้ชิดกับพระเจ้าหรือสวรรค์ โดยโรงนั้นจะมีการสลักหรือเขียนชื่อไว้ด้วย นอกจากจะมีในฟิลิปปินส์แล้ว ก็ยังพบเห็นประเพณีแบบนี้ได้ในประเทศจีน , อินโดนีเซีย ด้วยเช่นกัน
…
8. สุสานยิว (Old Jewish Cemetary) ปราก สาธารณรัฐเช็ก
สุสานของชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และมีสถานที่สำคัญคืออนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของชาวยิว ช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 15 จนถึง 1786 เมื่อบุคลิกที่มีชื่อเสียงเสียชีวิต ร่างก็จะถูกนำมาฝัง ณ ที่นี้
…
โรงแรมฮอลลีวู้ด รูสเวลท์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยได้รับรางวัล Academy Awards ในปี 1929 หลายห้องพักของโรงแรมมีรอยประทับฝ่ามือของซูเปอร์สตาร์ระดับฮอลีวู้ดจารึกไว้มากมาย และความดังขั้นเซเลบไม่จบแค่นั้น ยังหลอนกันระดับฮอลลีวู้ด เมื่อ ผีมาริลีน มอนโรว แขก(เคย)ประจำที่นี่ ปรากฏตัวในกระจก ณ ห้องที่เธอเคยพัก แบบใครเห็นต้องเลียวหลัง! และสยองต่อด้วย ผีมอนท์โกเมอรี่ คลิฟท์ นักแสดงที่เคยพัก ห้อง 928 ขณะถ่ายทำหนัง From Here to Eternity วันดีคืนดี He ก็เดินไปเดินมาพร้อมท่องบท! ขยัน(หลอน) จริงคุณพี่!
…
10. เกาะงูคลั่ง ประเทศบราซิล (Brazil)
อิลยาดาเกย์มาดากรังจี (โปรตุเกส: Ilha da Queimada Grande) หรือที่เรียกกันว่า เกาะงูคลั่ง เป็นเกาะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐเซาเปาลูในบราซิล เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยงูพิษจำนวนมากอาศัยอยู่ ดังนั้นจึงกลายเป็นสถานที่อันตรายมากทำให้ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่หรือเข้าไปรุกราน
เกาะแห่งนี้มีงูพิษชนิดหนึ่งชื่อ โกลเดนแลนซ์เฮด (golden lancehead) เป็นงูพิษที่มีความรุนแรงมากกว่างูพิษบนแผ่นดินใหญ่ถึงห้าเท่า และจัดว่าเป็นงูถิ่นเดียวที่มีถิ่นอาศัยอยู่บนเกาะเท่านั้น โดยอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมาก ประมาณกันไว้ว่ามีงูชนิดนี้มากกว่า 5,000 ตัวบนเกาะ ดังนั้นกองทัพเรือประจำประเทศบราซิลประกาศให้เกาะนี้เป็นเขตหวงห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าไป เพื่อป้องกันอันตราย แต่บางครั้งก็มีการยกเว้นให้กับนักวิทยาศาสตร์ให้เข้าไปทำการศึกษาได้อยู่บ้างเป็นบางครั้ง
…
บ้านของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ของบัลแกเรียบนภูเขา บูซลูดจา(Buzludzha) ถูกทิ้งร้างเนื่องจากเสียอำนาจในประเทศ
…
12. โรงแรม แสตนลีย์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา (Stanley Hotel, Colorado, USA)
เปิดให้บริการในปี 1909 เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญ เดอะ ไชน์นิ่ง (The Shining) ดินแดนผีสิงทั้งในและนอกแผ่นฟิล์ม สั่นประสาทด้วยนานาผี ตั้งแต่ผีเด็กวิ่งเล่นยามค่ำคืน ผีผู้หญิงแข็งตายในห้องโถง จนถึงที่หลอนสุด ผี เอฟ.โอ.แสตนลีย์ และ ฟลอร่า สามี-ภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของแรกของ โรงแรมผีสิง แห่งนี้
เล่ากันว่ามีคนเห็น วิญญาณแสตนลีย์เดินวนเวียนอยู่ที่ล็อบบี้ บาร์ และห้องบิลเลียด ขณะเดียวกันก็มีคนพบ ผีฟลอร่า นั่งบรรเลงเปียโนอยู่ที่ห้องดนตรี ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง มีแขกใจกล้าตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปหวังคลายความสงสัย แต่ถึงกลับหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อเปียโนยังคงบรรเลงโดยปราศจากผู้ใด!
…
13. สวนพิษ Alnwick Poison Garden ประเทศอังกฤษ (England)
สวนพิษนี้ตั้งอยู่ที่ ปราสาท Alnwick Castle ในประเทศอังกฤษ สวนนี้สร้างขึ้นโดย Jane Percy ดัสเชสแห่ง Northumberland เนื่องจากเธออยากให้สวนดอกไม้ของเธอแตกต่างจากที่อื่นเธอจึงเปลี่ยนจากสวนดอกไม้ธรรมดาให้กลายเป็น สวนดอกไม้มีพิษ โดยเธอเลือกพันธุ์ดอกไม้ ต้นไม้ที่มาปลูก ล้วนแต่มีพิษโดยทั้งสิ้น ซึ่งที่นี่ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนเยอะมากๆ และเปิดให้เข้าชมได้ แต่! ต้องทำตามกฏอย่างเคร่งครัด โดยทุกๆ ที่จะมีป้ายคำเตือนไว้ และมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ เช่น ห้ามสูดดม เข้าใกล้ หรือสัมผัส เป็นต้น
…
โรงพยาบาลทหารเคมบริดจ์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เป็นฐานในการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บที่รอดชีวิตจากการรบ
…
15. โบสถ์ผี (St. George’s Church) Lukova สาธารณเช็ก
คริสตจักรเซนต์จอร์จนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งชื่อ Lukova ซึ่งโบสถ์แห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างไปตั้งแต่คริสตจักรในยุคกลาง ค.ศ. 1968 เหตุเพราะส่วนหนึ่งของหลังคาทรุดตัวลงในระหว่างพิธีศพ และนับตั้งแต่นั้นมาก็ถูกทิ้งให้เสื่อมมานานกว่า 30 ปี จนต่อมาศิลปินท้องถิ่นเกิดไอเดียจำลองร่างคนขึ้นมาคล้ายกับนั่งอยู่ในโบสถ์ ซึ่งทำเอาหลายคนหลอนและสะพรึงอยู่ไม่น้อย แต่หลังจากนั้นที่นี่ก็ได้กลายเป็นที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก
…
16. ปราสาทลีป (leap castle) ประเทศไอร์แลนด์ (Ireland)
ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งปราสาทผีสิงที่เฮี้ยนที่สุดในโลก สร้างขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ.1250 ตำนานเล่าว่า ในปี ค.ศ.1557 ลูกหลานของตระกูลโอ คารอล ผู้ครอบครองปราสาทแห่งนี้ ทะเลาะแย่งชิงสิทธิในการครองปราสาทกัน และเกิดการฆ่ากันตายในที่สุด
จากการสารภาพผู้ที่ได้เข้าครอบครองปราสาท “ไทต์ โอ คารอล” เขาเล่าว่าได้สังหารพี่ชายของตัวเองซึ่งเป็นบาทหลวงจนเสียชีวิตคาโบสถ์ อีกทั้งวางแผนเชิญญาติพี่น้องทุกคนมาร่วมงานเลี้ยงเพื่อฆ่าทุกคนทิ้ง และเกิดอีกหลายเรื่องราวจนเป็นต้นเหตุของความเฮี้ยนติดอันดับโลก ผู้คนที่มาพักอาศัยต่างถูกหลอกหลอนจากวิญญาณแห่งนี้จนร่ำลือไปทั่วโลก
…
17. อาถรรพ์เกาะร้าง เกาะฮาชิมะ ประเทศญี่ปุ่น (Hashima Island, Japan)
อยู่นอกชายฝั่งห่างจากเมืองนางาซ
แต่ว่าเมื่อถึงเวลาถ่านหินหมดความนิยมไป ทำไปทำมา มีทีท่าว่าไม่มีกำไร มิตซูบิชิก็จำต้องเลิกกิจการ เมื่อบนเกาะไม่มีงาน ประชาชนก็ต่างเริ่มทยอยออกไปทีละกลุ่มจนหมดเกาะ ทิ้งไว้เพียงอาคาร รกร้าง ว่างเปล่า นานวันผ่านไปต้นไม้ ต้นหญ้าก็รกครึ้ม เสียงที่ทำให้เกาะนี้ไม่เงียบจนเกินไปก็มีเพียงเสียงคลื่นซัดฝั่ง เสียงลมหวีดหวิว เสียงนกกาและสัตว์เล็กๆ น้อยๆ บนเกาะ ความเงียบวังเวงเปลี่ยนชื่อเกาะนี้ให้กลายเป็น “เกาะผี”
…
18. รีสอร์ท San Zhi ประเทศไต้หวัน (Taiwn)
รีสอร์ทแห่งนี้เคยเป็นสถานที่พักผ่อนที่หรูหรา โด่งดังมากๆ แต่ด้วยเหตุการณ์คนเสียชีวิตปริศนาหลายคน ทำให้ผู้คนต่างก็หวาดผวา ไม่กล้าเข้ามาพักอีกเลย จนทำให้รีสอร์ทแห่งนี้ต้องปิดตัวลง การก่อสร้างหยุดชะงัก และถูกทิ้งร้างไป
…
19. ป้อมปราการร้างของกองทัพอังกฤษ (Maunsell Sea Forts)
สร้างขึ้นในปี 1942 ประกอบไปด้วยป้อมปราการ 7 หลัง สร้างโดยกองทัพอังกฤษ ถูกออกแบบโดยวิศวกรโยธาที่ชื่อ Guy Maunsell ป้อมตั้งอยู่นอกชายฝั่งออกไปราว 6 ไมล์ บริเวณปากแม่น้ำเทมส์ (Thames Estuary) เพื่อใช้สู้รบกับฝูงเครื่องบินของกองทัพเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งถูกปลดประจำการปล่อยให้ทิ้งร้างเมื่อปี 1958 และสองปีต่อมาที่นี่ก็ได้กลายเป็น Pirate Radio Station สถานวิทยุเถื่อนที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก
…
20. โรงพยาบาล Beelitz-Heilstätten ประเทศเยอรมัน (Germany)
ก่อตั้งในปี 1898 สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่พักพิงและรักษาตัวของ Adolf Hitler เมื่อปี 1916 เป็นโรงพยาบาลทหาร ที่คอยรักษาทหารที่บาดเจ็บจากการออกรบ และรักษาผู้ป่วยธรรมดาด้วย แต่ด้วยความหลอนของวิญญาณในสถานที่แห่งนี้ ทั้งเสียงร้องโหยหวน เสียงลากโซ่ตรวน ต่างๆ นานา จึงทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ตกถูกทิ้งร้างไป และที่นี่ยังติดเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเฮี้ยนที่สุดของโลกด้วย
…
21. โพเวเกลีย นรกแห่งอิตาลี (Poveglia) ประเทศอิตาลี (Italy)
เกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ในทะเลสาบเวเนเชียน ระหว่างเมืองเวนิสและเกาะลีโด โดยในปี ค.ศ. 421 มีผู้อพยพจำนวนหนึ่งเข้ามาอาศัย จนกระทั้งถูกโจมตีอีกครั้งจึงหนีออกไป ผ่านเวลามาได้ช่วงหนึ่งก็เกิดโรคระบาด ผู้คนที่ติดเชื้อกาฬโรคก็ได้ถูกส่งมายังเกาะนี้ กลายเป็นเกาะที่กักขังผู้ป่วยจำนวนมาก เมื่อตายร่างก็ถูกไปเผา แต่เมื่อมีจำนวนมากขึ้นกลับโยนทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ บนเกาะกว่า 160,000 คน นอกจากนี้ ในปี 1922 บนเกาะยังเคยเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลประสาท รักษาผู้ป่วยทางจิตด้วยวิธีที่สุดแสนทรมาน และโหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นการเจาะกะโหลกทางเบ้าตา กดน้ำ เป็นต้น
…

22. วิหารโทเฟท (Sanctuary of Tophet) ประเทศตูนีเซีย (Tunisia)
ที่นี่ถูกค้นพบในปี 1921 โดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส และพบว่าที่นี่เป็นที่ดินฝังศพเด็กเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสี่ขวบ(ประมาณ) ที่คนยุคก่อนจะนำเด็กมาทำพิธีบูชาเทพเจ้า โดยการเผา ซึ่งมีแท่นบูชาภายในวิหารนั้นด้วย
…
23. Marche des Feticheurs ตลาดมืด ขายเครื่องรางของขลัง ใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศโตโก
ตั้งอยู่ในเมื่องโลเม เมืองหลวงของประเทศโตโก ตลาดมืดเครื่องรางของขลังที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้มีสินค้าหลากหลายชนิด และแต่ละชิ้นนั้นเรียกได้ว่าทั้งแปลกและน่าขนลุกทีเดียว แต่ก็คงไม่ใช่กับคนที่ชอบพวกเครื่องรางของขลังแน่นอน เพราะที่นี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักไสยศาสตร์และผู้มีความเชื่อเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาต่างๆ อย่างแท้จริง!
อัลบั้มภาพ 19 ภาพ
ขอบคุณข้อมูล http://www.geeksvip.com/
เรียบเรียง Travel.MThai