Iga Ninja museum Meoto Iwa กระเช้าลอยฟ้าโกะไซโชะ ถนนโอคาเงะโยโกะโจ ถนนโอฮาไรมาจิ ที่เที่ยวกิฟุ ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่เที่ยวทาคายาม่า ที่เที่ยวนาโกย่า ที่เที่ยวภูมิภาคชูบุ ที่เที่ยวมิเอะ ภูมิภาคชูบุ ศาลเจ้าอิเสะ ออนเซ็นญี่ปุ่น เกโระออนเซ็น

สนุกครบรส กับ 9 ที่เที่ยว ภูมิภาคชูบุ (Chubu) เมืองหลังคาญี่ปุ่น

Home / ท่องเที่ยวรอบโลก / สนุกครบรส กับ 9 ที่เที่ยว ภูมิภาคชูบุ (Chubu) เมืองหลังคาญี่ปุ่น

ภูมิภาคชูบุ เป็นภูมิภาคที่ตั้งอยู่ระหว่างภูมิภาคคันโตและคันไซ มีสถานที่เที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง กระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น Nagoya, Takayama, Shirakawago, Gifu, Shizuoka, Ishikawa, Aichi, Mie เป็นต้น ไฮไลท์คือสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิจากบนกระเช้าลอยฟ้า ดื่มด่ำมรดกโลกหมู่บ้านโบราณชิราคาวะโก ไปสำรวจบ้านเกิดนินจา ไหว้เทพเจ้าของศาลเจ้าอิเสะ เดินช้อปปิ้งและกินของอร่อยที่ถนนโอฮาไรมาจิ … วันหยุดสิ้นปีนี้ถ้ายังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหน พูดเลยว่าภูมิถาคชูบุนี่แหละไม่ควรพลาด

สนุกครบรส กับ 9 ที่เที่ยว
ภูมิภาคชูบุ (Chubu) เมืองหลังคาญี่ปุ่น

1. กระท่อม Hachiman Kamado

กระท่อม Hachiman Kamado Amagoya ตั้งอยู่ที่เมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ เป็นสถานที่พักผ่อนของนักดำน้ำหญิง หรือเรียกว่า อามะ หลังจากดำน้ำลงไปจับหอย ปลา กุ้งมังกร รวมถึงสัตว์ทะเลอื่น ๆ โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม และนำมาสัตว์ทะเลที่จับได้มาย่างสด ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ทานกัน ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางหอยค่ะ ต่างชนิดกันไปในแต่ฤดูกาล เช่น หอยซะซะเอะ หอยกาบตัวใหญ่ หอยเชลล์ หอยเป๋าฮื้อ ฯลฯ ในขณะที่เรากำลังทานอาหารกัน นักดำน้ำอะมะก็จะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานของพวกเธอให้ฟัง บางครั้งก็ชวนเราเต้นรำด้วย

เวลาทำการ : 10.00 – 16.30 น. เปิดทุกวัน
การเดินทาง : รถรับส่งให้บริการฟรีระหว่างสถานีรถไฟ Toba และกระท่อมอามะซังสำหรับผู้จองทัวร์เยี่ยมชม
ราคา : ราคาต่อคอร์สเริ่มต้นที่ 3,780 เยน


2. Meoto Iwa

Meoto Iwa แปลตรง ๆ ก็คือ หินสามี-ภรรยา มีลักษณะเป็นโขดหิน 2 ก้อนโผล่ขึ้นริมชายหาดเหนือน้ำทะเล ในเมืองฟุทะมิ จังหวัดมิเอะ อยู่ใกล้กับศาลเจ้าฟุตามิโอคิทามะ โดยเปรียบหินก้อนใหญ่เป็นสามีชื่อ อิซานิงิ และหินก้อนเล็กเป็นภรรยาชื่อ อิซานามิ ซึ่งหินทั้งสองก้อนมีเชือก Shimenawa คล้องกันอยู่คล้ายกับการสวมมงคลสมรสในพิธีแต่งงาน โดยจะมีพิธีเปลี่ยนเชือกมงคลนี้ปีละ 3 ครั้ง คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า มาขอพรที่นี่ จะได้แต่งงาน หรือใครยังโสด ให้มาขอคู่ แต่ถ้ามีคู่แล้ว ก็ขอให้รักกันยืนยาว

ค่าเข้าชม : ฟรี


3. ศาลเจ้าอิเสะ (Ise shrine)

ถ้ามาภูมิภาคชูบุ แล้วไม่ไป ศาลเจ้าอิเสะ ถือว่าพลาด! ที่นี่เป็นศาลเจ้าของผู้ที่นับถือลัทธิชินโต และมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับราชวงศ์ญี่ปุ่น จึงนับได้ว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญสูงสุด เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนั้นมีความเชื่อกันว่าศาลเจ้าอิเสะนั้นเป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้า Amaterasu หรือเทพเจ้าพระอาทิตย์ ซึ่งก็ตรงกับอีกชื่อหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัยนั่นเอง

เวลาทำการ : 05.00-19.00 น. (แล้วแต่ฤดูกาล)


4. ถนนโอฮาไรมาจิ &  ถนนโอคาเงะโยโกะโจ

ออกจากศาลเจ้าอิเสะมา จะเจอ ถนนโอฮาไรมาจิ (Oharai-machi) เป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ระยะทางยาวกว่า 800 เมตร สองข้างทางเรียงรายไปด้วยอาคารสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขนมหวาน และร้านขายของที่ระลึก

ถ้ายังเดินเที่ยวไม่จุใจ สามารถไปต่อได้ที่ Okage-Yokocho เป็นถนนเส้นที่มีทั้งบ้านเมืองเก่า ร้านขายของฝากอยู่มากมายเช่นกัน หากได้ลองเข้าไปชมแล้ว จะเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยเอโดะ และสมัยเมจิเลยทีเดียว

เวลาทำการ : 09.30 – 18.00 น. (ทุกวัน) / 09.30 – 17.00 น. (ตุลาคม – มีนาคม)


5. Takayama old town

ย่านเมืองเก่าของทาคายาม่า เต็มไปด้วยอาคารบ้านไม้โบราณซึ่งสร้างมาตั้งแต่ช่วงสมัยเอโดะ และได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ ถนนที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในย่านเมืองเก่านั้นคือ Sannomachi Street ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองทาคายาม่า เป็นถนนที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าและโรงบ่มสาเกขึ้นชื่อของเมือง

เวลาทำการ : 9.00-17.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย
ค่าเข้าชม : ฟรีสำหรับเดินชมรอบ ๆ หมู่บ้าน
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งเริ่มต้น 500 เยน


6. Iga Ninja museum

หมู่บ้านนินจาอิงะ (Iga Ninja Museum) หรือ พิพิธภัณฑ์นินจา Iga ตั้งอยู่ในสวน Ueno เมืองอิงะ จังหวัดมิเอะ เคยเป็นสถานที่สอนวิชานินจามาก่อน จึงอาจเรียกได้ว่าเป็นบ้านเกิดของนินจาในตระกูลอิงะ ใครที่อยากเห็นความเป็นนินจาขนานแท้ต้องมาที่นี่ ภายในมีการจัดแสดงประวัติ สิ่งของและอาวุธต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนินจา อย่าง ดาบ ดาวกระจาย รวมถึงบ้านจำลองของนินจา ที่มีประตูลับอยู่ข้างใน ช่องซ่อนอาวุธ และกับดัก นอกจากนี้ยังมีการแสดงของนินจา ที่จะโชว์ทักษะการต่อสู้และแสดงประสิทธิภาพของอาวุธของนินจา

ค่าเข้า : 756 เยน (ราว ๆ 250 บาท)


7. Gozaisho Ropeway

กระเช้าลอยฟ้าโกะไซโชะ เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่เชื่อมต่อสถานี Yunoyama Onsen Station กับยอดเขา Gozaisho มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที  ระหว่างทางเราจะเพลิดเพลินไปกับการชมทัศนียภาพทางธรรมชาติตามฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวชอุ่มในฤดูร้อน ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง และวิวหิมะในฤดูหนาว ถ้าวันไหนอากาศดี จะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย

ค่าเข้า : 1756 เยน (ราว ๆ 585 บาท)


8. Gero Onsen

เกโระ ออนเซ็น ตั้งอยู่ในเมืองเกโระ จังหวัดกิฟุ ซึ่งเมืองนี้จัดว่าเป็นเมืองออนเซ็น 1 ใน 3 แห่งที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น มีบ่อน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้าสาธารณะ ให้ใช้บริการฟรีอยู่ 8 จุดทั่วเมือง นอกจากนี้เมืองเกโระยังโดดเด่นเรื่องของที่พักเรียวกังสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ที่ให้บริการพร้อมบ่อแช่ออนเซ็นทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง หรือจะใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการเดินเที่ยวชมความงามแม่น้ำฮิดะ ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง


9. หมู่บ้านชิราคาวาโกะ

หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดกิฟุและโทยาม่า ซึ่งหมู่บ้านนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพราะมีการสร้างแบบเฉพาะตัวที่เรียกว่า “กัสโซ” ที่มีความชันถึง 60 องศา เหมือนสองมือพนมเข้าหากัน การสร้างลักษณะแบบนี้ก็เพื่อให้สามารถรองรับน้ำหนักของหิมะที่ตกหนักในช่วงฤดูหนาวได้ดีนั่นเอง

หมู่บ้านชิราคาวาโกะได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูหนาวประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เพราะจะมีหิมะตกปกคลุมไปทั่วพื้นที่ของหมู่บ้าน และจะมีการเปิดไฟในตอนกลางคืนเพื่อความสวยงาม

>> กำหนดการออกแล้ว! งานแสดงไฟ หมู่บ้านชิราคาวาโกะ ปี 2019

 

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลบางส่วนจาก : JJourney by VJ JA, wikimedia, yunoshimakangozaisho, chillchilljapan, jnto


บทความที่น่าสนใจ

14 ที่เที่ยวภูมิภาคคันไซ (Kansai) มาแล้วต้องจัดเต็ม!

Unseen Tokyo! รวมแหล่งเที่ยวสุดฮิตในโตเกียว ไปทัวร์ก็เฟี้ยวไปคนเดียวก็ฟ้าว

ตะลุยเหนือสุดเกาะ Hokkaido ที่เมือง Wakkanai (วักกะไน) ประเทศญี่ปุ่น