ถ้ำเขาหลวง ที่เที่ยวเพชรบุรี พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน วนอุทยานเขานางพันธุรัต วัดข่อย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขาพะเนินทุ่ง แหลมผักเบี้ย โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ

17 ที่เที่ยวเพชรบุรี จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว!

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / 17 ที่เที่ยวเพชรบุรี จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว!

เพชรบุรี เป็นอีกหนึ่งจัดหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ หรือพระวัดดัง! งานนี้ Travel MThai เลยอยากจะชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวที่นี่กันสักหน่อย รับรองว่าไม่ผิดหวัง ^^

17 ที่เที่ยวเพชรบุรี
จังหวัดนี้มีอะไรน่าเที่ยว!

1. ตลาดน้ำกวางโจว

ตลกำกำ

ตลาดน้ำกวางโจว อำเภอหนองหญ้าปล้อง เป็นตลาดน้ำชุมชนที่ตั้งอยู่บนน้ำตก แห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย แถมมีที่เดียวในโลก หากมาเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ก็จะพบกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่พายเรือกันมาขายอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารถิ่นที่หาชิมยาก รับรองว่าถูกใจผู้ที่ชื่นชอบ เที่ยว กิน ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแน่นอนน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสปาปลา พายเรือชมตลาดอีกด้วย หรือผ่อนคลายไปกับแก่งธารน้ำที่แสนร่มรื่น


2. อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง)

พระนครคีรี หรือที่เรียกกันติดปากว่า เขาวัง เป็นพระราชวังแห่งแรกและแห่งเดียวของไทยที่สร้างอยู่บนยอดเขา แต่เดิมเป็นวัดเก่าตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งทรงผนวชเคยมาปฏิบัติธรรมที่ยอดเขาแห่งนี้ หลังจากขึ้นครองราชย์แล้วจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้น ประกอบด้วยพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด กลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย แบ่งออกเป็น 3 ทิศ คือ

– เขายอดกลาง  เป็นที่ตั้งของพระธาตุจอมเพชร
– ยอดเขาด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งของวัดพระแก้ว
– ยอดเขาด้านทิศตะวันตก เป็นที่ตั้งของพระราชวัง พระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ


3. หาดเจ้าสำราญ

หาดทรายที่เงียบสงบ ร่มรื่นด้วยทิวสน เม็ดทรายขาวละเอียด จุดเด่นคือไม่มีร่มมาตั้งบังวิว มีแต่หาดกับทะเล ส่วนของกินก็หาทานง่าย มีร้านรวงมากมายขายอาหารทะเลสำเร็จรูป หรือจะเลือกไปนั่งกินตามร้านอาหารทะเลก็จะสดและอิ่มอร่อยกว่า รวมถึงที่พักก็มีหลายเจ้าให้บริการ


4. หาดชะอำ

ชายหาดยอดฮิตของเพชรบุรี ที่ทอดตัวเลียบชายฝั่งยาวเกือบ 6 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน เล่นน้ำ เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก แถมมีกิจกรรมมากมายทั้งขี่จักรยาน เจ็ตสกี บานานาโบ๊ต ไปจนถึงขี่ม้าชมหาด ให้อารมณ์ย้อนยุคนิคๆ รอบๆ หาดก็มีร้านซีฟู๊ดหลายร้าน เลือกอร่อยได้ตามความพึงพอใจ


5. วัดถ้ำเขาย้อย

เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปไหว้พระ ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลากหลายปาง โดยมีพระพุทธไสยาสน์(พระนอน) เป็นพระประธาน ด้านหลังพระพุทธไสยาสน์มีพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในมณฑปที่สวยงาม อีกทั้งยังมีรู้ปั้นพระเจ้าอู่ทอง, เจ้าแม่กวนอิม, รูปปั้นงู อยู่บริเวณผนังถ้ำด้วย นอกจากนี้ถ้ำเขาย้อยยังเคยเป็นถ้ำที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาปักกลดวิปัสนาเมื่อครั้งพระองค์ผนวช

ขอบคุณข้อมูล : thaimaptravel
ภาพจาก : flickr


6. พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน)

สัมผัสความงามวิจิตรของ พระราชวังบ้านปืน ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างพระราชวังสไตล์ยุโรป เพื่อใช้เป็นที่ประทับแรมในช่วงฤดูฝน

ลักษณะเป็นอาคารสองชั้นขนาดใหญ่ มีห้องต่างๆ ให้เดินชมทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เช่น ห้องรอเฝ้า ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องเครื่อง ห้องเทียบเครื่อง ห้องพระบรรทมใหญ่ ฯลฯ แต่ละห้องตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยเรื่องราวและความงาม แม้กระทั่งราวบันไดที่สร้างแบบเวียนคู่ ซึ่งเป็นศิลปะสไตล์บาร็อค


7. Santorini Park

ตลาดนัดในสวนภายใต้สโลแกนสนุกๆ “Amused Shopping Experience” ประมาณว่าช้อปกันเพลินๆ เดินเล่นยามเย็น ออกกำลังเอ็นด้วยเครื่องเล่นระดับโลก ท่ามกลางสถาปัตยกรรมและงานประติมากรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงามของเกาะ ซานโตรินี ประเทศกรีซ หนึ่งที่เที่ยวที่สร้างสรรค์มาดึงดูดนักช้อป นักแชะ และนักชิลล์ เพราะ SANTORINI จะมีกิจกรรมมากมายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาสร้างความสุขตลอดทั้งปี


8. Camel Republic

คาเมลรีพลับบลิค สถานที่ท่องเที่ยวชิคๆ สไตล์โมร็อกโก โดดเด่นด้วยอาคารสีส้มอิฐ สะดุดตา ภายในแบ่งออกเป็นสองโซน โซนแรกคือสวนสัตว์ ที่เราจะได้ใกล้ชิดกับสัตว์น่ารักๆ มากมาย ทั้ง อูฐ, ยีราฟ, อัลปาก้า, พาตาโกเนียนมาร่า, นกฟลามิงโก้, นกฟินซ์เจ็ดสี ฯลฯ ส่วนอีกโซนนั้นเป็นสวนสนุก ที่รวมเครื่องเล่นตั้งแต่ระดับเอ็กซ์ตรีม จนถึงแบบเด็กๆ ให้เราได้สนุกสุดเหวี่ยงกันไปเลย

เวลาเปิด – ปิด : จันทร์ -พฤหัสบดี 10.00 – 18.00 น. ศุกร์ – อาทิตย์ 9.00 – 19.00.

ค่าเข้า : ตั๋วผ่านประตู เด็ก 90 บาท ผู้ใหญ่ 120 บาท ต่างชาติ 200 บาท / ตั๋วเครื่องเล่น (ไม่รวมค่าผ่านประตู) ราคา 120 บาท


9. รู้เรื่อง@เพ็ชรบุรี (กาแฟบ้านร้อยปี)

ขอบคุณภาพจาก : รู้เรื่อง เพ็ชร์บุรี

เปลี่ยนฟิลล์มานั่งจิบกาแฟหอมๆ กันบ้าง กับ ร้านกาแฟบ้านร้อยปี หรือชื่อจริงๆ ของร้านก็คือ รู้เรื่อง@เพชรบุรี ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ลักษณะเป็นไม้โบราณ 2 ชั้น ภายในตกแต่งด้วยของสะสมเก่าๆ ได้บรรยากาศแบบวินเทจ พร้อมมุมถ่ายรูปสวยๆ เพียบ ตัวร้านเปิดโล่ง ไม่มีแอร์ แต่มีลมพัดเย็นๆ จากต้นไม้ที่อยู่รอบร้าน อากาศเย็นสบายมาก และที่นี่ไม่ได้มีแค่ชากาแฟอย่างเดียวนะคะ เขายังมีอาหารคาวให้บริการด้วย ก่อนกลับกรุงเทพก็แวะมาฝากท้องที่นี่กันได้ ร้านเปิดทุกวัน ยกเว้นวันพุธ ตั้งแต่ 9.00 – 19.00 น.


10. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

เขื่อนแก่งกระจาน

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศไทย คือ 2,915 ตารางกิโลเมตร หรือ 1.8 ล้านไร่ เป็นป่าดงดิบตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ และมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมากแห่งหนึ่ง

ทะเลสาบ มีเนื้อที่ประมาณ 45 ตารางกิโลเมตร มีเกาะกลางแม่น้ำอยู่มากมายหลายเกาะ นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะล่องเรือชมทิวทัศน์เพื่อพักผ่อนหรือตกปลาน้ำจืดในทะเลสาบ ก็สามารถเช่าเรือได้ที่ร้านอาหารหรือชมรมเรือที่อยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ

อ่านเพิ่มเติม : https://travel.mthai.com/blog/84593.html


11. เขาพะเนินทุ่ง

เขาพะเนินทุ่ง
Cr. The Never Lonely Journey

เขาพะเนินทุ่ง เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 50 กิโลเมตรเป็นภูเขาสูง มีบริเวณที่เป็นทุ่งหญ้ากว้าง ในระดับความสูง 960เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง บริเวณโดยรอบเป็นป่าดิบเขา มีสัตว์ป่าชุกชุม ทิวทัศน์งดงาม จากยอดเขาสามารถเห็นทะเลหมอกในช่วงฤดูฝนต่อฤดูหนาว การเดินทางต้องใช้เวลา 2 วัน พักค้างแรม 1 คืนระหว่างทาง และติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทาง อาหารและเต็นท์สำหรับพักค้างแรมไปเอง

อ่านเพิ่มเติม : งบพันเดียวก็เที่ยวได้! 2 วัน 1 คืน ที่เขาพะเนินทุ่ง – แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี


12. โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ

โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ

โครงการชั่งหัวมัน คือ บ้านไร่ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) อยู่ในความดูแลของ กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นจากความเอาพระทัยใส่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงมีต่อเกษตรกรในการที่จะพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ให้ประสบความสำเร็จและสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน

เนื้อที่ภายในโครงการกว้างสุดลูกหูลูกตา บนภูเขา มีลมโกรก เย็นสบาย และพื้นที่ทั้งหมดถูกจัดสรรทำการเกษตรเป็นอย่างดี มีทั้งแปลงพืชเศรฐกิจที่ปลูกหลายชนิด อาทิ สับปะรด มะนาว มะพร้าว รวมทั้งมันเทศ และก็ยังมีส่วนของกังหัน ผลิตไฟฟ้า มีฟาร์มโคนม ฟาร์มไก่ และแปลงเกษตรที่จัดเป็นสวยสวยให้คนที่แวะมาเยี่ยมชม ได้พักผ่อน นั่งเล่นตามซุ้มเงาร่มไม้ตามอัธยาศัย

งานในโครงการแห่งนี้ มีชาวบ้านสมัครมาเป็นลูกจ้าง คอยดูแลพืชพรรณ ฟาร์มสัตว์ และช่วยกันดำเนินงาน เหมือนเป็นการสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านไปอีกทางหนึ่ง

อ่านเพิ่มเติม

 


13. แหลมผักเบี้ย

 แหลมผักเบี้ย

 แหลมผักเบี้ย

หากใครกำลังคิดอยากจะเดินทางไปเพชรบุรี และอยากสัมผัสธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์แหลมผักเบี้ยจะไม่ทำให้คุณผิดหวังเมื่อไปเยือนแน่นอน เพราะใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่ถึง 2 ชั่วโมง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติริมทะเลที่มีหาดเลนอุดมสมบูรณ์ มีป่าชายเลนต้นโกงกางและต้นแสมขึ้นอยู่อย่างเบียดเสียดหนาแน่น จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์น้ำนานาชนิด ตลอดเส้นทางยังพบเห็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไป

อย่างเช่น ปลาตีน ซึ่งมีอยู่จำนวนมากทั้งปลาตีนเล็กปลาตีนใหญ่ งูกินปลา ปูที่มีหน้าตาแปลกรวมทั้งยังเป็นแหล่งที่พักอาศัยและเป็นทางผ่านในการอพยพในช่วงฤดูหนาวของนกสายพันธุ์ต่างๆ กว่า 200 ชนิดทำให้แหลมผักเบี้ยได้รับการขนานนามว่าเป็นสวรรค์ของนักดูนกกันเลยทีเดียว…

อ่านเพิ่มเติม : เยือน “แหลมผักเบี้ย” ป่าโกงกางจากหัวใจพ่อ


14. พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
Cr. http://wolfza.multiply.com

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน สถานที่เที่ยวสุดคลาสสิก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ตั้งอยู่ ต.ห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ เป็นเรือนไทยประยุกต์ท่ามกลางบรรยากาศดี สถาปัตยกรรมสุดบรรจงสร้าง จะมองมุมกว้างหรือมุมแคบ ก็ล้วนแสดงจุดยืนอันเด่นชัด โทนสี โครงสร้าง ทุกองค์ประกอบดึงดูดใจสะกดสายตา ต้องถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหนึ่งแกลอรี่ ว่าครั้งหนึ่งเคยสัมผัสความงามในสถานแห่งนี้

อ่านเพิ่มเติม : พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ความงามแห่งสถาปัตยกรรมแบบไทยประยุกต์


15. ถ้ำเขาหลวง

ถ้ำเขาหลวง
Cr. ธีรชัย ธาราสุข

“ถ้ำเขาหลวง” ตั้งอยู่บนเขาหลวง จากเชิงเขามีบันไดคอนกรีตนำสู่ทางลงถ้ำ 99 ขั้น เขาหลวงเป็นภูเขาขนาดเล็กมียอดสูงสุดเพียง 92 เมตร ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างบันไดหินลงไป

ที่นี่มีลักษณะของถ้ำเป็นถ้ำใหญ่สูงโปร่งทอดตัวไปทางซ้ายแบ่งสัดส่วนเหมือนห้อง มีหินงอกหินย้อยที่เกิดจากน้ำหยดลงมาสวยงาม ที่ประหลาดใจสำหรับวัดถ้ำเขาหลวงแห่งนี้คือ ไม่มีกลิ่นอับชื้นของถ้ำเหมือนถ้ำทั่วไป และที่สวยสะดุดตาคือแสงที่สาดส่องจากเพดานถ้ำด้านบนสู่ด้านล่างของพื้นถ้ำบริเวณลานหน้าพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ดูศักดิ์สิทธิ์และสวยงามครับ ผมนั่งตรงนี้ใช้เวลารอแสงที่ชอบเพื่อบันทึกภาพอยู่นาน ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย

ถ้ำเขาหลวง
Cr. ธีรชัย ธาราสุข
ถ้ำเขาหลวง
Cr. ธีรชัย ธาราสุข

ปัจจุบันมีพระพุทธรูปในถ้ำรวม 170 องค์ มีเจดีย์ในถ้ำ 6 องค์ ด้านในมีองค์พระพุทธไสยาสน์ หลวงพ่อโต ไว้ให้นักท่องเที่ยวกราบไหว้บูชา และที่ฐานพระพุทธรูปองค์หนึ่งยังมีตราประจำพระองค์ของรัชกาลที่ 1-5 จารึกไว้ด้วย อีกทั้งด้านในมีพระพุทธรูปปางพระนอน เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 มีความยาว 14 เมตร ทราบมาว่าในสมัยรัชกาลที่ 4 สร้างได้เพียง 9 เมตร และมาสร้างต่อจนเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5


16. วนอุทยานเขานางพันธุรัต

Cr. พระราชดำริ – สำนักงาน กปร

หากยังจำวรรณดีเรื่องสังข์ทองได้ดี ในตอนที่พระสังข์หลบหนีนางพันธุรัตจนเป็นเหตุให้นางต้องอกแตกตาย เพราะความรักในตัวพระสังข์นั้น จากตำนานเรื่องนี้ได้นำไปสู่การเป็นที่มาของชื่อเทือกเขาที่มีรูปร่าง คล้ายกับคนนอนหงายในยามที่มองเห็นมาแต่ไกลว่า “เทือกเขานางพันธุรัต” ซึ่งบางครั้งชาวบ้านพากันเรียกว่า “เขานางนอน” นั่นเอง

อย่างไรก็ตามเขานางพันธุรัตมีความสำคัญยิ่งกว่าการเป็นเพียงแค่สถานที่ในตำนาน ตรงที่การเป็นพื้นที่โครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูสภาพพื้นที่เขานางพันธุรัต อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และผลลัพธ์ที่ตามมานั้นได้ทำให้ทิวเขาสีน้ำตาลแห้งแล้งถูกแทนที่ด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ ที่เติมความสดชื่นเย็นสบายในบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี

โดยภายในนั้นมีหลายจุดให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้แวะชม เริ่มต้นจากศึกษาข้อมูลเขานางพันธุรัตจากศาลาข้อมูลที่จัดแสดงภาพต่างๆ เกี่ยวกับเขาลูกนี้ รวมทั้งการตั้งชื่อส่วนต่างๆ ของเขาตามเรื่องราววรรณคดีสังข์ทอง ต่อด้วยการเดินเล่นในสวนหย่อมที่เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางบรรยากาศเย็นสบาย

ส่วนใครที่สนใจเรื่องราวของพระสังข์ ลองเดินไปชมบ่อจำลองที่เชื่อกันว่าเป็นบ่อทองที่พระสังข์ลงมาชุบตัวแล้วเอาชุดเจ้าเงาะ รวมทั้งของวิเศษหลบหนีนางพันธุรัตไป รวมทั้งจุดต่างๆ ที่มีความเกี่ยวพันตามท้องเรื่อง เช่น กระจกหน้านางพันธุรัต เมรุนางพันธุรัต เหล่านี้เป็นต้น

 ทุกวัน
 09.00 – 16.00 น.

ขอบคุณข้อมูล thai.tourismthailand.org


17.  พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย

พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย

พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย

พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฎิ หรือ วัดข่อย ตั้งอยู่ภายใน วัดข่อย ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี  เป็นศาสนสถาน หรือ เสนาสนะ ที่มีการนำงานศิลปะชั้นสูงของช่างเมืองเพชร หรือ เรียกว่าช่างสิบหมู่ มาเป็นส่วนร่วมสร้างอาคาร เพื่อเทิดทูนบูชาพระพุทธศาสนาให้เกิดความสวยงามตามความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน จนเรียกได้ว่าเป็น พุทธสถานศิลป์

สถาปัตยกรรมของพระธาตุฉิมพลีฯ ดูแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครนั้น เป็นทรงอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีลักษณะคล้ายผ้ายันต์ที่ผนังอาคารเต็มไปด้วยอักขระพิเศษ มีพระพุทธรูปประจำอยู่ 4 ทิศ ขนาดฐานยาวด้านละ 18 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดพระธาตุ 27 เมตร มีจำนวน 3 ชั้น

ภายในจะพบกับ พระประธาน 3 องค์

  1. พระพุทธมิ่งมงคล (ด้านซ้าย)
  2. พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ (ตรงกลาง)
  3. พระสิวลีมหาลาภร่มเย็น (ด้านขวา)

นอกจากนี้ถ้าได้แหงนมองขึ้นไปข้างบน จะเห็น ผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักเป็นตัวอักขระขอม บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เหนือบริเวณพระประธาน ซึ่งทางพระสุเมธ อักขระขอมที่แกะสลักนั้น เป็นยันต์ของหลวงพ่อทองศุขแห่งวัดโตนดหลวง ยันต์พรหมสี่หน้า และยันต์หงส์มหาเสน่ห์ หรือหงส์เรียกทรัพย์ มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก หากผู้ใดมาสักการะบูชาจะได้พบแต่ความเจริญ สมหวังในหน้าที่การงาน และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้นั้น ตัวผู้สักการะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความดีด้วยเช่นกันนะ

อ่านเพิ่มเติม : พระธาตุผ้ายันต์ วัดข่อย พุทธสถานศิลป์หนึ่งเดียวในโลก