งานประเพณี ที่เที่ยวธรรมชาติ ที่เที่ยวหน้าฝน ที่เที่ยวหน้าหนาว ที่เที่ยวเดือนตุลาคม ที่เที่ยวในไทย เที่ยวทะเล เที่ยวภูเขา

จดลิสต์ไว้! 10 ที่เที่ยวเดือนตุลาคม อำลาฝน ต้อนรับลมหนาว

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / จดลิสต์ไว้! 10 ที่เที่ยวเดือนตุลาคม อำลาฝน ต้อนรับลมหนาว

เดินทางกันมาถึงเดือนที่ 10 ของปีแล้ว รวดเร็วอย่างกับนั่งไทม์แมชชีน ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูฝนเป็นฤดูหนาว อากาศเริ่มเย็น เหมาะกับการขึ้นเขาไปชมธรรมชาติสวยๆ และวิวทะเลหมอก หรือจะชมดอกไม้งามๆ ดำน้ำดูปะการัง ก็ตามแต่ไลฟ์สไตล์ อีกทั้งยังมีเทศกาลประเพณี ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงวันออกพรรษา ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว  Travel.MThai ได้รวบรวม 10 ที่เที่ยวเดือนตุลาคม มาไว้ให้แล้ว จดลิสต์ไว้ แล้วเตรียมตัวไปเที่ยวกัน!

จดลิสต์ไว้! 10 ที่เที่ยวเดือนตุลาคม
อำลาฝน ต้อนรับลมหนาว

1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา

หลังจากปิดฟื้นฟูธรรมชาติบนเกาะไปนานหลายเดือน ทางอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ก็เตรียมเปิดเกาะต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันที่ 15 ตุลาคม 2561 นี้แล้ว หมู่เกาะสิมิลัน เป็นหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลอันดามัน จ.พังงา ประกอบด้วยเกาะทั้งเก้า ได้ เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก(เกาะบอน) เกาะสิมิลัน และเกาะบางู ปัจจุบันได้มีการประกาศให้เกาะตาชัย ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะสิมิลันและเกาะสุรินทร์เพิ่มเข้ามาอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันด้วย

เสน่อย่างหนึ่งของหมู่เกาะสิมิลัน คือ แนวปะการังน้ำลึกที่ได้ชื่อว่าสวยงามติดอันดับโลก ที่นี่มีจุดดำน้ำดูปะการังทั้งน้ำตื้นละน้ำลึกหลายแห่งกระจายตามพื้นที่เกาะต่างๆ  อีกทั้งยังมีหาดทรายขาวสะอาด เนื้อเนียนละเอียด น่าเดินเล่นรับลมทะเลเป็นอย่างมาก


2. ภูกระดึง จ.เลย

เตรียมฟิตร่างกายให้พร้อม เดือนตุลาคมนี้ ภูกระดึง จะเปิดฤดูกาลให้เหล่านักท่องเที่ยวเดินขึ้นชมธรรมชาติและพักแรมด้านบน เป็นช่วงเวลาปลายฝน เผยให้ได้ยลทะเลหมอกงาม ๆ พร้อมไฮไลท์กับการชมพระอาทิตย์ขึ้นบนจุดที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ลองมาสัมผัสสวนหินผางาม หรือคุนหมิงเมืองไทย และน้ำตกอีกหลายแห่ง ที่พลาดไม่ได้คือ ผาหล่มสัก ไปยืนโพสท่าเท่ๆ บนชะง่อนหินที่ยื่นออกจากหน้าผา  โดยมีต้นสนใหญ่ลู่ลมไปมาอยู่ด้านหลัง รับรองว่าได้ภาพสวยถูกใจ แต่ควรระมัดระวังกันด้วย


3. ประเพณีวิ่งควาย จ.ชลบุรี

ภาพจาก : thailandtourismdirectory

ตื่นเต้น เร้าใจกับการแข่งขันวิ่งควาย รุ่นจิ๋ว รุ่นกลาง รุ่นใหญ่ ที่ระทึกทุกรุ่น และทุกรอบของการแข่งขัน ในงานประเพณีวิ่งควาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดชลบุรีที่มีมานานกว่า 100 ปีแล้ว นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้เที่ยวชมกิจกรรมอื่นอีกมากมาย เช่น การประกวดตกแต่งควาย การประกวดสุขภาพควาย การประกวดสาวน้อยบ้านนา เป็นต้น ตลอดจนการออกร้านจำหน่ายสินค้า OTOP โดยกำหนดจัดวันที่  23 – 24 ต.ค. 2561 ณ สนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรีเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี


4. เทศกาลบั้งไฟพญานาค จ.หนองคาย

ภาพจาก : amazingthaitour

วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ช่วงเทศกาลออกพรรษาของทุกปี จะมีประเพณียิ่งใหญ่ที่สำคัญกับชาวอีสาน นั่นคือ งานบุญบั้งไฟพญานาค ลักษณะของบั้งไฟพญานาค จะเป็นลูกไฟกลมๆ สีแดงอมส้ม ซึ่งจะพุ่งขึ้นมาจากลำน้ำโขงทะยานสู่ฟากฟ้า ค้างอยู่หลายวินาที ก่อนจะหายลับไปกับตา สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับผู้คนที่ไปรอชมอยู่ริมฝั่งโขง สำหรับปีนี้จัดขึ้นวันที่ 21-27 ตุลาคม 2561 บริเวณลานวัฒนกรรม หน้าวัดลำดวน จังหวัดหนองคาย

ขอบคุณภาพจาก : PR.Nongkhai สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย


5. ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ  จ.เพชรบูรณ์

ร่วมสัมผัสวัฒนธรรมแปลกและเป็นเอกลักษณ์ “ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ” ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้เพียงแห่งเดียวในโลก โดยจะมีขึ้นหว่างวันที่ 7 – 12 ตุลาคม 2561 ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์หลังเก่า, บริเวณหน้าวัดไตรภูมิ, วัดโบสถ์ชนะมาร และพุทธอุทยานเพชบุระ ชมขบวนแห่พระรอบเมือง การแข่งขันพายเรือทวนน้ำ การแสดง แสง สี เสียง พร้อมชิมอาหารอร่อยอีกมากมาย


6. ไร่ชาลุงเดช จ.เชียงราย

ไร่ชาลุงเดช ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ไร่ชามีพื้นที่ราวๆ 6 ไร่ อยู่ในความดูแลของโครงการหลวง ปลูกชาพันธุ์ดี 2 สายพันธุ์คือ ชาเบอร์ 12 และพันธุ์ก้านอ่อน ที่ได้รับมาจากมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเมื่อเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมา จวบจนปัจจุบันนี้ ไร่ชานี้ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านดีขึ้น สร้างงาน สร้างราย และสอนให้ชาวบ้านนั้นอยู่อย่างพอเพียง นอกจากปลูกไร่ชาที่ทอดยาวตามขั้นบันไดแล้ว ไร่ชาลุงเดชยังมีปลูกผลไม้นานาชนิด และกาแฟพันธุ์ดีอีกด้วย

ขอบคุณภาพจาก : Chuensumon Sasirat

ความฟินอยู่ตรงที่บ้านพักไม้ที่หันหน้าออกสู่ไร่ชาอันกว้างไกล โดยลุงเดชเจ้าของไร่ปรับปรุงชั้นบนสุดให้เป็นร้านอาหาร ชั้นสองทำเป็นห้องพัก และชั้นล่างสุดคือจุดกางเต็นท์ ซึ่งแต่ละชั้นจะมีระเบียงแบบเปิดโล่ง สามารถออกมานั่งชมวิวภูเขาและทุ่งนาได้แบบ 360 องศา พลางจิบชาร้อนๆ หรือนั่งทานอาหารชิลล์ๆ เมนูอาหารส่วนใหญ่ก็มีใบชาเป็นส่วนผสม เช่น ใบชาทอดกรอบ ยำปลากระป๋องใบชา ไข่เจียวใบชา เป็นต้น


7. ชุมชนบ้านแม่แจ๋ม จ.ลำปาง

จากป่าเมี่ยงโบราณ กลายมาเป็นสวนเกษตรผสมผสานของผลไม้เมืองหนาว และก้าวมาสู่ไร่แมคคาเดเมีย ที่นี่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี โอบล้อมด้วยภูเขาสูง มีความเขียวชอุ่มของต้นไม้นานาชนิด นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับวิถีชนบท ชาวไร่ ชาวดอย ของคนในชุมชนบ้านแม่แจ๋ม ที่อยู่กันแบบเรียบง่าย ได้ชมไร่ชาใบเมี่ยง กาแฟ รวมถึงผลไม้เมืองหนาวอย่างลูกพลับ สาลี่ อะโวคาโด เสาวรส พืชผลเหล่านี้เราจะได้กินเป็นอาหารอีกด้วย


8. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด

บึงบัวเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด เป็นทุ่งน้ำจืดขนาดใหญ่ อัดแน่นด้วยบัวสายพันธุ์ต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นบัวหลวง บัวเผื่อน บัวผัน บัวสาย รวมถึงพืชน้ำนานาพันธุ์ เหนือบึงบัวมีสะพานไม้ทอดยาวให้เดินเล่นรับลม ชมบัว ชมพระอาทิตย์ตก บรรยากาศโอบล้อมด้วยภูเขาสูงตระหง่านและผืนป่าเขียวขจี


9. ทุ่งดอกไม้ป่า อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

ช่วงปลายฝนต้นหนาว ประมาณเดือนตุลาคม บริเวณลานหินเหนือน้ำตกสร้อยสวรรค์ ภายในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จะถูกเติมแต่งสีสันด้วยดอกไม้ป่าที่พร้อมใจกันผลิดอกบานสะพรั่ง เช่น สร้อยสุวรรณ (ดอกหญ้าสีเหลือง) ดุสิตา (หญ้าข้าวก่ำน้อย) มณีเทวา (กระดุมเงิน) สรัสจันทร (หญ้าหนวดเสือ) ทิพเกสร (หญ้าฝอยเล็ก) รวมถึงดอกไม้ป่าอื่นๆ ที่ขึ้นแทรกแซม  นับเป็นทุ่งดอกไม้ป่าบนลานหินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย  นับเป็นทุ่งดอกไม้ป่าบนลานหินที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย โดยจะมีให้ชมไปจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี


10. เขาหลวง จ.สุโขทัย

อุทยานแห่งชาติรามคำแหง หรือ เขาหลวง มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน ทอดตัวอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นราบคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ โดดเด่นเป็นสง่าอยู่กลางทุ่งนา มีขุนเขาที่สูงเด่นมองเห็นมาแต่ไกล คือ ยอดเขาหลวง

ภายในอุทยานฯ มีสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น วัวแดง หมี เก้ง หมูป่า นกกระเต็น นกนางแอ่น ฯลฯ มีพรรณไม้ขึ้นหนาแน่น รวมถึงถ้ำ และน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกสายรุ้ง น้ำตกลำเกลียว น้ำตกหินราง สภาพอากาศบนยอดเขาหนาวเย็นตลอดปี มีเมฆหมอกปกคลุมมากในฤดูหนาวและฤดูฝน