เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ที่ไหนต้องไป กิจกรรมอะไรห้ามพลาด

มาญี่ปุ่นทั้งที ก็ต้องมาเที่ยวให้ครบทุกฤดู จะมาแต่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาวแค่นั้นได้ยังไง เพราะว่าฤดูร้อนที่ญี่ปุ่นนั้น มีดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะ! และวันนี้ Travel.MThai จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่าเราสามารถไปเที่ยวที่ไหน หรือทำกิจกรรมอะไร ในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนได้บ้าง

เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ที่ไหนต้องไป กิจกรรมอะไรห้ามพลาด

ฤดูร้อนในประเทศญี่ปุ่น จะเริ่มต้นในเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 32 องศาเซลเซียส ส่วนช่วงปลายๆ ฤดู อุณหภูมิอาจแตะถึง 36 องศาเซลเซียส แต่สำหรับการ เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ของคนไทยนั้น อุณภูมิเท่านี้ถือว่าสบาย ๆ ค่ะ เพราะไม่แตกต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ และวันนี้ Travel.MThai จะพาเพื่อนๆ ไปดูกันว่า เที่ยวญี่ปุ่น

1. ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย เมืองฮาโกเน่
จังหวัดคานางาวะ

ดอกไฮเดรนเยีย หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า ดอกอาจิไซ (Ajisai) เป็นดอกไม้ช่อที่สวยงามมีสีฟ้า สีชมพู และสีม่วง จะเริ่มบานในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี เราสามารถไปชมทุ่งดอกไฮเดนเยียที่เมืองฮาโกเน่ ด้วยการนั่งรถไฟสายอาจิไซ ที่ผ่านทุ่งดอกไม้ชนิดนี้เป็นทางยาว ซึ่งตอนกลางจะเปิดไฟประดับเพิ่มความสวยงามด้ว

…

2. ชายหาดเอโนะชิมะ จังหวัดคานางาวะ

ไปสัมผัสบรรยากาศชายหาดริมทะเลที่ ชายหาดเอโนะชิมะ ตั้งอยู่บนเกาะเอโนะชิมะ ติดชายฝั่งเมืองฟูจิซาวะ โดยมีสะพานเบนเท็น (Benten-bashi) เชื่อมต่อจากแผ่นดินใหญ่สำหรับเดินข้ามมายังสถานที่ท่องเที่ยวมากมายของเกาะ ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที ชาวญี่ปุ่นนิยมนิยมมาเล่นน้ำที่นี่และกีฬาทางน้ำกันอย่างคึกคัก ทั้งกระดานโต้คลื่น และการแล่นเรือ

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟที่ไปลงสถานี Enoshima

…

3. เทศกาลประดับไฟทางช้างเผือก
โตเกียวทาวเวอร์

เทศกาลประดับไฟในญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่ในฤดูหนาวเท่านั้นนะคะ แต่มา เที่ยวญี่ปุ่น หน้าร้อน ก็สามารถชมงานประดับไฟสวยๆ ได้เช่นกัน นั่นก็คือที่ เทศกาลประดับไฟทางช้างเผือก หรือ The Milky Way Illumination ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเดือนสิงหาคม ที่โตเกียวทาวเวอร์

โดยบริเวณชั้น 1 ของ Main Deck จะประดับด้วยหลอดไฟสีฟ้ารอบทิศทาง เป็นเหมือนทางช้างเผือกให้เข้ากับเทศกาลทานาบาตะ ส่วนชั้นบนของหอคอยจะอนุญาตให้เที่ยวชมในเวลากลางคืนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาลนี้ และใครก็ตามที่สามารถเดินพิชิตบันไดขึ้นหอคอยแทนลิฟต์ได้ ก็จะได้รับประกาศนียบัตรอีกด้วย ลองไปทดสอบความแข็งแรงของกล้ามขากันดูค่ะ

เวลา เปิด-ปิด : จะเริ่มเปิดไฟช่วงเวลา 17.00-22.00 น.
วิธีการเดินทาง : จาก Akabanebashi Station เดินต่อประมาณ 10 นาที

…

4. Yamagata Hanagasa Festival
เมืองยามากาตะ

เทศกาลยะมะงะตะ ฮะนะกะสะ (Yamagata Hanagasa Festival)จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในวันที่ 5-7 สิงหาคม ที่เมืองยามากาตะ ทั้งเมืองจะคึกคักไปด้วยขบวนพาเหรดของนักเต้นกว่า 10,000 คนที่แต่งกายด้วยชุดกิโมโนแบบดั้งเดิม และถือหมวกที่ประดับด้วยดอกไม้ เต้นรำอย่างพร้อมเพรียงกันไปตามจังหวะเสียงเพลง พร้อมส่งเสียงร้องว่า “Yasho Makasho” 

สำหรับสถานที่จัดงาน อยู่บริเวณด้านหน้าหอวัฒนธรรม (Bunshokan) สามารถเดินจากสถานีรถไฟยะมะงะตะ (Yamagata Station) ประมาณ 10 นาที

วิธีการเดินทาง : จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟที่ไปลงสถานี Enoshima

…

5. เทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำซุมิดะ
กรุงโตเกียว

เทศกาลดอกไม้ไฟ เป็นเทศกาลที่ขาดไม่ได้ในช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่น โดยทุกปีที่กรุงโตเกียวจะมี เทศกาลดอกไม้ไฟริมแม่น้ำซุมิดะ (Sumida River Fireworks Festival) จัดขึ้นเพียงวันเดียวในวันเสาร์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ท้องฟ้ามืดมิดจะสว่างไสวและเต็มไปด้วยสีสันอันสวยงามของดอกไม้ไฟละลานตากว่า 20,000 ชุด พร้อมทั้งมีการแสดงดนตรีสด และซุ้มขายอาหารอีกด้วย

เวลา : ดอกไม้ไฟจะเริ่มแสดง 19.05 จนถึง 20.30 น.
วิธีการเดินทาง : จาก Asakusa Station เดินต่อประมาณ 15 นาที

…

6. เทศกาลคันโต มัตสึริ
จังหวัดอาคิตะ

เทศกาลคัน โตมัตซึริ (Kanto Matsuri) หรือ เทศกาลเสาโคมไฟ (Pole Lantern Festival) เป็นเทศกาลใหญ่ของเมืองอาคิตะ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 3 – 6 สิงหาคมของทุกปี เราจะได้ขบวนแห่ที่มีชายหนุ่มชาวญี่ปุ่นแข่งขันกันถือเสาโคมไฟ ที่ทำจากกระบอกไม้ไผ่สูง 12 เมตร แขวนโคมญี่ปุ่นที่จุดไฟสว่าง 46 โคม น้ำหนักรวมกว่า 50 กิโลกรัม และต้องถือตัวคนเดียวด้วยมือ ไหล่ หน้าผาก หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเพียงจุดเดียวเท่านั้น! อเมซิ่งเจแปนมากๆ

เวลา : เริ่มขบวนแห่ตั้งแต่ 19.25 – 21.00 น.
วิธีการเดินทาง : ถนน Chou Dori เดินจากสถานีรถไฟ Akita ประมาณ 5 นาที

…

7. ทุ่งลาเวนเดอร์ โทมิตะฟาร์ม
จังหวัดฮอกไกโด

หากมาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อนในช่วงเดือนกรกฎาคม ต้องไม่พลาดไปชม ทุ่งลาเวนเดอร์ ที่ โทมิตะฟาร์ม (Tomita Farm) ในเมืองฟุราโนะ จังหวัดฮอกไกโด ทั่วทั้งฟาร์มจะถูกย้อมด้วยสีม่วงของดอกลาเวนเดอร์ และมีดอกไม้ชนิดอื่นๆ อีกหลากหลายสีสัน ทั้งขาว แดง เหลือง ชมพู ส้ม ผลิบานสวยเรียงเป็นทิวแถว ดูคล้ายแถบสีรุ้งเลยทีเดียว เมื่อเดินเล่นชมทุ่งดอกไม้จนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว อย่าลืมซื้อ ไอศกรีมลาเวนเดอร์ มาลิ้มลองกันด้วย บอกเลยว่าทั้งหอม ทั้งหวาน อร่อยจนลืมไม่ลงเลยจริงๆ

เวลา เปิด-ปิด : 24 ชั่วโมง
วิธีการเดินทาง : รถไฟ JR Furano Line ลงที่ Lavender Batake Station (จาก Furano ใช้เวลา 20 นาที) แล้วเดินต่ออีก 5-10 นาที

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนและภาพจาก : nippon, jpninfo, mushroomtravel