ที่เที่ยวเดือนเมษายน ทุ่งโปรงทอง น้ำตกป่าละอู ปราสาทหินพนมรุ้ง วัดวังก์วิเวการาม วัดใต้น้ำ หาดชมดาว หาดสบยาว เกาะทะลุ เกาะเหลาเหลียง เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน

ลั้ลลาหน้าร้อน กับ 10 ที่เที่ยวเดือนเมษายน สวยจนต้องรีบไป

Home / นักเที่ยวเชี่ยวทาง / ลั้ลลาหน้าร้อน กับ 10 ที่เที่ยวเดือนเมษายน สวยจนต้องรีบไป

Travel.MThai แนะนำ 10 ที่เที่ยวเดือนเมษายน มีธรรมชาติครับครันทั้ง ทะเล ชายหาด น้ำตก ลำธาร ป่าชายเลน ให้เพื่อนๆ ได้เลือกไปคลายร้อนกัน รับรองว่า ฟิน!! ทุกที่ ถ้าพร้อมแล้ว อย่ารีรอ แพ็คกระเป๋าออกเดินทางตามเรามาเลย

ลั้ลลาหน้าร้อน กับ 10
ที่เที่ยวเดือนเมษายน สวยจนต้องรีบไป

1. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นโบราณสถานศิลปะแบบเขมร ตั้งตระหง่านอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ซึ่งหลังจากยุคขอมสิ้นอำนาจลง ปราสาทหินพนมรุ้งได้ถูกทิ้งร้างไปนานหลายปี จนต่อมาก็ได้รับการบูรณะ นำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบขึ้นใหม่ และ วางศูนย์กลางประตูให้อยู่ในแนวเดียวกับพระอาทิตย์ขึ้นตรงกันตลอด

โดยทุกปีเราจะได้ชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ส่องแสงลอดช่องประตู ทั้ง 15 บาน ของปราสาทพนมรุ้ง เพียง 4 ครั้งเท่านั้น คือ เดือนมีนาคม ตุลาคม เมษายน และกันยายน

2. วัดใต้น้ำ สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

อุโบสถหลังเก่า ของวัดวังก์วิเวการาม (เดิม) ที่จมอยู่ใต้น้ำ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหากระดับน้ำลดต่ำลง เมืองบาดาลทั้งเมืองก็จะเผยความงดงามของโบราณสถาน ให้ปรากฏแก่สายตาของผู้มาเยือนเสมอ ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน น้ำในเขื่อนจะลดลงต่ำที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือหางเรือยาวเที่ยวชมทะเลสาบได้

3. เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก

เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เปิดให้นักท่องเที่ยวเล่นน้ำคลายร้อนบริเวณท้ายเขื่อน ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 1 เมษายน 2562 ด้านในมีซุ้มแพไม้ไผ่ไว้นั่งห้อยขาแช่น้ำเย็นๆ กว่า 1,500 ซุ้ม พร้อมห่วงยาง เรือยาง และเสื้อชูชีพให้เช่า แถมยังมีอาหารอร่อยๆ รวมถึงเครื่องดื่ม ไอศกรีม จำหน่ายอีกด้วย แบบว่าเล่นน้ำเหนื่อยๆ ก็ไม่ต้องกลัวหิวกันเลย ส่วนห้องน้ำก็มีบริการเช่นกัน

4. หมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะทะเลชุมพร ประกอบไปด้วย เกาะทะลุ เกาะกระโหลก เกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามเล็ก อยู่ห่างจากฝั่งโดยใช้เวลาเรือวิ่งราว 1 ชั่วโมง ปัจจุบันหมู่เกาะง่าม ถือเป็นจุดดำน้ำที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักดำน้ำทั่วโลก แม้ว่าทะเลแถบนี้แม้น้ำจะไม่ใสเหมือนแถบอันดามัน และไม่มีดงปะการังอ่อนสีสดมากเท่า แต่ก็รายล้อมด้วยดงปะการังดำที่หาชมได้ยากในจุดดำน้ำอื่นๆ ดอกไม้ทะเล สัตว์ทะเล รวมถึงฝูงปลาจำนวนมาก ทั้งปลากะพงแดง ปลากะมง ปลาข้างเหลืองฝูงใหญ่ เวียนว่ายอยู่รายรอบ

5. เกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์

เกาะทะลุ เกาะน้ำใส หาดทรายขาว ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีสัญลักษณ์โดดเด่น คือ ช่องทะลุ โพรงขนาดใหญ่ที่เกิดจากคลื่นลมกัดเซาะมานาน เกาะทะลุเป็นเกาะที่มีธรรมชาติสวยไม่แพ้ทะเลอันดามัน พร้อมจุดดำน้ำตื้นที่มีปลาชุกชุม และแนวปะการังมากมาย รวมไปถึงสัตว์ทะเลอีกหลากลายชนิด ทั้ง เต่าทะเล วาฬบรูดา หอยมือเสือ ฯลฯ ถ้าดำน้ำเสร็จแล้ว ยังมีกิจกรรมต่างๆ ให้สนุกกันอีก เช่น ตกหมึก ตกปลา หรือจะล่องเรือชมเกาะ ก็เพลิดเพลินจนลืมความร้อนไปชั่วขณะ

6. ทุ่งโปรงทอง จ.ระยอง

ป่าชายเลนขนาดใหญ่ที่สุดในระยอง มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 6,000 ไร่ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติของปากน้ำประแส โดยมีสะพานไม้ทอดยาวกว่า 2 กิโลเมตร ให้เราเดินเลาะผ่านต้นโปรงที่ขึ้นเบียดเสียดกันนับหมื่นต้น ไปสิ้นสุดบริเวณอนุสรณ์เรือรบหลวงประแส

Credit : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง

ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมทุ่งโปรงทองก็คือ ช่วงเช้า และบ่ายแก่ๆ ที่เมื่อสีเขียวปนเหลืองอ่อนของใบไม้กระทบกับแสงแดดก็จะกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งทุ่ง งดงามมาก

7. เกาะเหลาเหลียง จ.ตรัง

เกาะเหลาเหลียง (หรือ หลาวเหลียง , เหล่าเหลียง) เป็นหนึ่งในหมู่เกาะเภตรา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ ที่อยู่ในเขตสัมปทานรังนกอีแอ่น ทำให้กลายเป็นพื้นที่ปิดมานานนับสิบปี สภาพของธรรมชาติบนเกาะและในทะเล จึงยังคงความสมบูรณ์สวยงามตามธรรมชาติ ทั้งภูเขาหินปูนสูงเสียดฟ้า หาดทรายขาว น้ำทะเลใส ความอุดมสมบูรณ์ของปะการัง กัลปังหา ปลาทะเล รวมถึงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำมากมาย กิจกรรมเด่นๆ บนเกาะก็คือ ดำน้ำลึก ดำน้ำตื้น พายเรือคายัค เที่ยวชมเกาะด้วยเส้นทางเดินเท้าไต่หน้าผา นั่งชมพระอาทิตย์ตกหน้าหาด แล้วตื่นมาทักทายพระอาทิตย์ยามเช้า

8. หาดสบยาว จ.น่าน

หาดสบยาว ตั้งอยู่ที่อำเภอภูเพียง จังหวัดน่าน มีแม่น้ำยาวไหลผ่าน ไปบรรจบกับแม่น้ำน่านที่บ้านหาดผาขน โดยชาวบ้านได้ร่วมมือกันปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณรอบๆ หาดให้มีความสวยงาม พร้อมจัดทำซุ้มแพไม้ไผ่สำหรับนั่งพักผ่อน หากใครอยากลงเล่นน้ำ ก็มีห่วงยางให้เช่าในราคาไม่แพง นอกจากจะได้แช่น้ำเย็นๆ แล้ว ยังอิ่มหนำกับอาหารหลากลายเมนู ที่ชาวบ้านนำมาจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็น ปลาแม่น้ำน่าน อาหารแบบปิ้งย่าง ส้มตำรสแซ่บ ๆ รวมถึงเครื่องดื่มคลายร้อนอีกมากมาย

เวลาเปิด-ปิด : 09.00 น. – 17.00 น.

9. น้ำตกป่าละอู จ.ประจวบคีรีขันธ์

Credit : TAT PRACHUAP

หลายๆ คน อาจจะไม่รู้ว่าที่หัวหิน นอกจากทะเลแล้ว ที่นี่ยังมีน้ำตกอีกด้วย ซึ่งก็คือ น้ำตกป่าละอู ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม และเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ช้างป่า กระทิง เสือดาว เลียงผา รวมถึงนกหายากมากมาย ไม่เพียงแต่เราจะได้สัมผัสความชุ่มฉ่ำกับสายน้ำตกที่มีมากถึง 15 ชั้นเท่านั้น หากยังได้ชมฝูงผีเสื้อนับร้อยตัว ที่มักออกมาตากปีกกลางแสงแดดอ่อนยามเช้า ในช่วงเดือนเมษายน – กรกฏาคม ของทุกปี

10. หาดชมดาว จ.อุบลราชธานี

หาดชมดาว คือแนวหาดหิน แก่งหิน อันกว้างใหญ่ ที่ทอดตัวยาวหลายร้อยเมตรบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งในช่วงฤดูน้ำหลากแก่งหินเหล่านี้จะจมอยู่ใต้แม่น้ำโขง และจะโผล่ขึ้นมาให้เห็นในช่วงน้ำลดเท่านั้น แต่เพราะโดนแรงน้ำวนกัดเซาะ จึงเกิดเป็นประติมากรรมหินรูปทรงแปลกตา มีริ้วลายหินแตกต่างกันไป

จุดไฮไลท์ที่สวยที่สุดของหาดชมดาว เป็นลักษณะผาหินสูง เว้าแหว่งยาวคล้ายช่องแคบ มีสายน้ำไหลผ่าน และมีก้อนหินเล็กๆ กลางน้ำ ที่สามารถลงไปยืนถ่ายรูปสวยๆ โพสท่าเท่ๆ แบบไม่ซ้ำใคร ส่วนตอนกลางคืนก็สว่างสไวไปด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาวนับล้าวดวง ที่สุกสกาวอยู่เต็มท้องฟ้า